ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 319 ไม่มีอะไรต้องพูด
เมื่อเชอร์รีนฟื้นขึ้นมาก็เป็นเที่ยงของวันถัดไปแล้ว เท้าและแขนของเธอถูกพันด้วยผ้าก๊อซหนา
เธอเปิดผ้าห่มขึ้น กำลังจะลงจากเตียง แต่ก็มีพยาบาลเข้ามาห้ามเธอไว้ก่อน “คุณจะไปไหนคะ”
“ฉันจะไปหาคนคนหนึ่ง” เธอยังไม่ลืมว่าเขาบาดเจ็บมากมายขนาดไหน เขารับสิ่งที่ตกลงมาแทนเธอ นั่นมันอันตรายยิ่งกว่า
พยาบาลอยากจะห้ามเธอ แต่ก็ห้ามไม่ได้ เพราะกลัวว่าเธอจะดึงสายน้ำเกลือออก จึงต้องพาเธอไปแต่โดยดี
ออกัสยังนอนอยู่ในห้องไอซียู โคมไฟใหญ่มากและหนักมาก มันตกลงมาใส่หัวของเขาจนเลือดออก และมีลิ่มเลือดกดทับเส้นประสาท จึงไม่รู้ว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่
เชอร์รีนสวมเสื้อปลอดเชื้อเข้ามานั่งในห้องไอซียู จับมือของเขาแนบใบหน้าของเธอ พร้อมน้ำตาที่ไหลริน
เขาต้องหาย ต้องหายเท่านั้น ห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด!
หัวของออกัสพันผ้าก๊อซหนา หนวดของเขาเริ่มขึ้นแล้ว ใบหน้าก็ผอมทำให้เธอรู้สึกเสียใจมาก
….
สุนันท์อยู่ที่คฤหาสน์ เธอให้แม่บ้านเตรียมโจ๊ก และส่งไปที่โรงพยาบาล
ซารางนั่งอยู่บนโซฟาอย่างเชื่อฟัง เธอไม่สนิทกับสุนันท์ และรู้ว่าสุนันท์ไม่ชอบเธอกับหม่ามี๊
แต่หม่ามี๊กับแด๊ดดี้ไม่กลับมาทั้งคืน เธอคิดถึงหม่ามี๊กับแด๊ดดี้มาก
จึงยืนขึ้นแล้วเดินไปหาสุนันท์ เมื่อเห็นสุนันท์กำลังคุยกับคนใช้อยู่ มือเล็กจึงจับมือสุนันท์และเขย่าเบาๆ
สัมผัสนั้นนุ่มมาก เบามาก มือของสุนันท์สั่นเล็กน้อย จากนั้นเธอก็หันกลับไปมองตัวตาสดใสของเด็กน้อย “แด๊ดดี้กับหม่ามี๊จะมาเมื่อไหร่คะ”
เธอไม่เคยเล่นกับเด็กมาก่อน มือเล่นนุ่มของเด็กน้อยทำให้เธอใจอ่อนทันที นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้สังเกตุเด็กคนนี้ชัดๆ
เธอเหมือนออกัสมาก ราวกับออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกัน แต่ออกัสเป็นคนที่เธอคลอดออกมา
เธอย่อตัวลง แล้วอุ้มซารางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด เด็กน้อยตื่นตระหนก แล้วรู้สึกไม่สบายใจ และกังวลเล็กน้อย
เธอคิดว่าจะรอให้แม่บ้านทำโจ๊กให้เสร็จ แล้วค่อยไปโรงพยาบาลเอาไปให้เชอร์รีนด้วยกัน
ผ่านเรื่องใหญ่ขนาดนี้มาได้ จิตใจของเธอจะไม่เปลี่ยนแปลงได้ยังไง ถ้าไม่นับเธอในตอนนั้น ในสถานการณ์เป็นตายแบบนั้นจะมีใครสักกี่คนกล้าเสี่ยงชีวิตเข้าไปในกองไฟ
ยังไม่ทันได้เตรียมเสร็จแม่บ้านก็เดินเข้ามา บอกว่าตำรวจเข้ามาพบ
เมื่อได้ยินคำว่าตำรวจสีหน้าของสุนันท์ก็ซีด หน้าผากชื้นเหงื่อขึ้นมาด้วยความร้อนรน
เธอไปพบตำรวจอย่างกล้าหาญ เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายคนเดินเข้ามา และพูดตรงๆว่า “เหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้มีความผิดปกตินิดหน่อย ไม่เหมือนไฟไหม้ทั่วไป คุณอยู่ในสถานการณ์ในตอนนั้น บอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นให้พวกเราฟังได้ไหม”
ฝ่ามือและฝ่าเท้าของสุนันท์ร้อนผ่าว เหงื่อไหลออกมาไม่หยุด จนทั้งเปียกและลื่น แต่เธอก็ยังทำตัวเป็นปกติ “พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไงคะ”
“หลังจากนักดับเพลิงดับไฟ พวกเขาพบของต้องสงสัยในที่เกิดเหตุ และผู้พิพากษาระบุว่าเพลิงไหม้ครั้งนี้เกิดจากแอลกอฮอล์ ถ้าจะทำให้เกิดไฟไม่ถึงระดับนั้น ปริมาณแอลกอฮอต้องไม่น้อย เบื้องต้นเหตุไฟไหม้ครั้งนี้ระบุว่าเกิดขึ้นโดยเจตนา ช่วยให้ความร่วมมือด้วยครับ”
สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป หัวใจของเธอทรุดลง ตำรวจที่อยู่ตรงหน้าทำให้หัวใจของเธอ.เต้นระรัวไม่ได้
สิงหาเข้าคุกไปแล้ว ออกัสก็อยู่ในห้องไอซียู ถ้าเธอเข้าคุกไปอีกคน ตระกูลสิริไพบูรณ์ในเมืองsก็จะพังทลาย
ไม่ได้ เธอจะเข้าคุกไม่ได้ เธอจะเข้าคุกได้ยังไง
แค่ตอนนี้คนก็นินทาสิงหาไม่หยุดแล้ว ถ้าเธอเข้าคุกไปอีกคน คนก็คงแอบด่าเธอลับหลังเหมือนกัน
เธอจินตนาการภาพนั้นไม่ออกเลย สภาพแบบนั้นทำให้เธอเจ็บปวดจนไม่อาจมีชีวิตอยู่ สู้ให้เธอตายเสียยังดีกว่า!
เธอให้แม่บ้านพาซารางออกไป แล้วกัดฟันทำใจแข็ง หยิบเครื่องบันทึกเสียงออกมา “เธอค่ะ เธออยากฆ่าฉัน….”
….
เชอร์รีนกำลังนั่งกินโจ๊กอยู่ในห้องผู้ป่วย ก่อนที่ตำรวจจะเดินเข้ามา และคนสุดท้ายก็คือสุนันท์
เมื่อสายตาของเธอหันไปเห็นผ้าก๊อซบนแขนและขาของเชอร์รีน เธอก็ละสายตาไปทันที ในใจยังคงเต้นไม่กล้าเงยหน้าขึ้น
“คุณเชอร์รีน ช่วยไปสถานีตำรวจด้วยครับ”
เชอร์รีนเงยหน้า วางชามตกลงแล้วตอบกลับ จากนั้นทุกคนก็ไปที่สถานีตำรวจ
เชอร์รีนนั่งอยู่ในห้องสอบสวนห้องหนึ่ง ในขณะที่สุนันท์นั่งอยู่อีกห้องหนึ่ง โดยที่รอบห้องมีเพียงแค่ผนังสีดำ
สุนันท์เคยติดคุกครั้งหนึ่ง เธอจึงรู้ดีว่ารสชาติของการติดคุกมันเป็นยังไง โดยเฉพาะความมืดรอบด้านที่ทำให้เธอฝันร้าย
เธอไม่ได้อยากจะทำร้ายเชอร์รีน หลังจากเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ เธอก็ตั้งใจจะวางมือ และพยายามจะยอมรับเชอร์รีน แต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องเหตุการณ์ไฟไหม้จะถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง
เธอรู้แค่ว่าตัวเองจะติดคุกอีกไม่ได้ ติดคุกไม่ได้อีก ถึงแม้ในใจจะรู้สึกผิด แต่เธอก็ทำได้แค่ทำผิดต่อไป
ดังนั้นไม่ว่าตำรวจจะถามอะไรเธอ เธอก็จะผลักทั้งหมดไปให้เชอร์รีน ไม่อย่างนั้นก็บอกว่าไม่รู้ อะไรก็บอกว่าไม่รู้
จนเมื่อตำรวจบีบคั้นเธอ และทำท่าสงสัย เธอจึงแสดงความโกรธออกมา “ลูกชายของฉันอยู่ในห้อง คุณคิดว่าฉันจะใจดำจนถึงขนาดเผาลูกตัวเองให้ตายเลยรึไง”
เชอร์รีนแค่พูดย้ำเรื่องเดียวว่าเธอไม่ได้จุดไฟ และไม่เคยคิดจะจุดไฟ เรื่องพวกนี้เธอไม่ได้รู้เลย
เมื่อตำรวจนำเสียงบันทึกมาให้เธอฟัง เธอก็เข้าใจในทันที แผนการร้ายในครั้งนี้มาจากสุนันท์ ถ้าไม่ใช่เธอแล้วจะมีใครอีก
เธอหลับตา เงยหน้าขึ้นและหัวเราะหยัน ในใจก็คิดว่า เธอช่วยคนบ้าออกมา!
แม้แต่เรื่องอย่างนี้สุนันท์ก็ยังทำออกมาได้ ขนาดจุดไฟก็ยังทำได้ คงจะบ้าแล้วจริงๆ!
เธอก็ไม่เคยคิดจะช่วยเธอมาก่อน แต่ก็ไม่สามารถมองคนตายไปตรงหน้า เธอกลัวว่าภาพแบบนั้นจะติดสมองเธอไปตลอดชีวิต จนเป็นตราบาปในใจ
เธอแค่อยากให้อีกครึ่งชีวิตหลังจากนี้ของเธอมีความสุข ไม่คิดว่าจะโดนแว้งกัดแบบนี้
เธอหัวเราะเสียงเย็น เชอร์รีนไม่มีอะไรจะพูดอีก พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งเดียวที่สำคัญก็คือหลักฐาน ถ้าเธอไม่มีหลักฐาน ตำรวจก็ไม่มีทางเชื่อเธอ และไม่มีทางปล่อยเธอไป
ตอนนี้เธอตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้แล้ว…
“เรื่องที่ควรพูดและไม่ควรพูดฉันก็พูดไปหมดแล้ว ฉันไม่มีอะไรที่จะต้องพูดแล้ว” เธอตอบอย่างเย็นชา
ด้วยท่าทางที่ไม่ดีแบบนี้ และหลักฐานหลายๆอย่างที่ชี้ไปที่เธอ ทำให้พนักงานสอบสวนขมวดคิ้วใส่เธอด้วยความไม่พอใจ
การสอบสวนดำเนินไปเป็นเวลาสองชั่วโมง ข้อสรุปสุดท้ายคือเชอร์รีนถูกควบคุมตัวเพราะก่อเรื่องใหญ่เกินไป
เมื่อออกมาจากห้องสอบสวน เชอร์รีนกับสุนันท์ก็เผชิญหน้ากันพอดี สุนันท์หลุบตาลงต่ำ ไม่กล้ามองหน้าเชอร์รีน เธอไม่รู้ว่าจะใช้สีหน้ายังไงมองเธอ
เชอร์รีนหยุดเดิน แล้วทิ้งประโยคเย็นชาไว้ให้เธอหนึ่งประโยค “คุณไม่เคยได้ยินประโยคหนึ่งหรอว่า สิ่งที่จะเกิดก็ต้องเกิด หนีไม่พ้น หลบไม่พ้น…”
สุนันท์ไม่รู้ว่าออกมาจากสถานีตำรวจได้ยังไง เหมือนนั่งลงบนรถ ขาก็รู้สึกอ่อนแรงจนแทบทรุดไปบนพื้น