ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 321 ไม่รู้คิดอะไรอย
จากนั้นเธอก็อื่นขึ้นไปที่ห้องโถงด้านหน้าของสถานีตำรวจ เพื่อทำการมอบตัวและสอบปากคำอีกครั้ง
เธอเล่าทุกอย่างออกมาจนหมด รวมถึงสถานที่ที่ซื้อแอลกอฮอล์ ปริมาณที่นำมา และทำยังไงให้มันติดไฟ เธอพูดอย่างชัดเจน
รอบด้านนั้นมืดมิด แต่จิตใจของสุนันท์ก็สงบนิ่งมาก เธอเล่าทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ
อีกด้านหนึ่ง ขณะที่เชอร์รีนกำลังพักผ่อนอยู่ ตำรวจก็มาเปิดประตูและให้เธอออกไป
แต่เธอกลับนอนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ และไม่ได้มองตำรวจ พูดเพียงแค่ว่า “ฉันไม่สบาย เคลื่อนไหวตามต้องการไม่ได้ ฉันยื่นอุธรณ์ไปแล้ว”
“มีคนมามอบตัวแล้ว คุณไปได้” เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงพูดเสียงเรียบ
มีคนมามอบตัวหรอ ดวงตาของเธอขยายกว้างด้วยความรู้สึกแปลกใจ สุนันท์มามอบตัวหรอ แต่นั่นไม่ใช่สไตล์ของเธอเลย
เธอเดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงออกมาจากคุก และบังเอิญเจอกับสุนันท์ที่กำลังถูกนำตัวไปพอดี เธอสวมชุดคนคุก เมื่อทั้งสองเดินผ่านกัน สุนันท์ก็หยุดและมองมาที่เธอ “สงสัยมากใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงทำอย่างนี้”
เชอร์รีนพยักหน้า เธองุนงงกับการกระทำแบบนี้จริงๆ เธอไม่เข้าใจว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
“ก็เหมือนที่เธอพูด ฉันไม่ได้ช่วยเธอ แต่ฉันกำลังช่วยตัวเอง มันก็แค่นั้น” เมื่อพูดจบ สุนันท์ก็ไม่พูดอะไรอีก แต่ก่อนที่จะเข้าไปในเรือนจำเธอก็พูดออกมาอีกว่า “ซารางอยู่คฤหาสน์ตระกูลศิริไพบูรณ์”
หลายวันมานี้เธอผ่านมันไปด้วยความยากลำบาก เหมือนทนทุกข์ทรมานมาเป็นปี ส่วนหนึ่งก็เพราะว่า ลูกชายของเธอต้องนอนอาการโคม่าไม่ฟื้นอยู่ในโรงพยาบาลเพราะเธอ และอีกส่วนหนึ่งก็เพราะเธอกลัวว่าสิ่งต่างๆจะเปิดเผย และส่วนนี้สาเหตุก็มาจากเชอร์รีน
สุนันท์นั่งในคุกและเหม่อมองไปที่หน้าต่างเล็กๆ ตอนนี้ความทรมานเหล่านั้นได้หายไปแล้ว
เชอร์รีนเปลี่ยนเสื้อผ้า อาบน้ำ และไปที่โรงเรียน แต่สมองก็เอาแต่คิดเรื่องของสุนันท์ คิดถึงการกระทำของเธอ คิดถึงประโยคเมื่อสักครู่ที่เธอพูด
เมื่อซารางเห็นเธอก็รีบวิ่งเข้ามากอดขาของเธอพร้อมร้องไห้ไม่หยุด
เธอยังกลัวว่าสุนันท์จะทำไม่ดีต่อซาราง แต่ซารางบอกว่าเธอดูแลดีมาก ซื้อของกินให้เยอะแยะ และเคยอุ้มเธอด้วย
เชอร์รีนขมวดคิ้ว การกระทำเหล่านี้ทำให้เชอร์รีนรู้สึกแปลกใจ จากนั้นสองแม่ลูกก็ไปที่โรงพยาบาล ออกัสยังไม่ฟื้น แต่ก็ถูกย้ายจากห้องไอซียูไปอยู่ห้องผู้ป่วยธรรมดาแล้ว
เขายังคงสลบอยู่ ไม่รู้จะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ อาจจะเป็นหนึ่งปี หนึ่งเดือน หนึ่งวัน หรือหนึ่งชั่วโมง….
“ทำไมคุณนอนนานขนาดนี้ ซารางสี่ขวบแล้วนะ ถ้าคุณนอนไปหนึ่งปี เธอก็จะห้าขวบแล้ว ตอนนั้นลูกก็จะไม่รู้จักคุณแล้ว!” เชอร์รีนมองผู้ชายหน้าผอมแต่ยังคงความหล่อเหลาอยู่ข้างเตียง และพูดด้วยเสียงอ่อนโยน
“หม่ามี๊ เมื่อไหร่แด๊ดดี้จะตื่น เขานอนมาหลายวันแล้วนะ เขาง่วงขนาดนั้นเลยหรอคะ”
เชอร์รีนย่อตัวลง อุ้มซารางขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด “หนูเรียกแด๊ดดี้วันละสามรอบ เดี๋ยวเขาก็ตื่นแล้วจ้ะ”
เธอพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วสูดหายใจพูด “ตอนเช้าเรียกแด๊ดดี้หนึ่งครั้ง ตอนเที่ยงเรียกหนึ่งครั้ง ตอนเย็นก็เรียกอีกหนึ่งครั้ง”
“เชื่อฟังมาก ตั้งแต่วันนี้ไปฉันจะอ่านข่าวให้คุณฟัง อ่านหนังสือพิมพ์ คุยกับคุณ แต่ถ้าคุณปล่อยให้ฉันคุยกับตัวเองนานเกินไป ฉันจะไม่ทนแล้วนะ คุณก็รู้นี่นาว่าความอดทนฉันไม่ได้มีมากนัก”
ระหว่างผู้เธอก็เอื้อมมือไปลูบใบหน้า หน้าผาก คิ้ว ดวงตา จมูก และสุดท้ายที่ริมฝีปากของเขา…
ริมฝีปากของเขายังคงเหมือนเดิม ริมฝีปากสีเมเปิ้ล สง่า เซ็กซี่ เชอร์รีนโน้มตัวลงไปประทับริมฝีปากของตัวเองลงบนริมฝีปากของเขา ไม่มีความอบอุ่น มีแต่ความเย็นเล็กน้อย ในใจเธอแอบคิดว่า ถ้าจูบนานกว่านี้ ปากของเขาจะอุ่นขึ้นมาไหม
ซารางเอามือปิดปากราวกับเห็นผี แล้วหัวเราะแซว “หม่ามี๊กำลังเอาเปรียบแด๊ดดี้”
เชอร์รีนก็ยิ้มอุ้มซารางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แล้วเอานิ้วชี้แตะริมฝีปากของตัวเอง “ชู่ อย่าบอกแด๊ดดี้นะ!”
การดำเนินชีวิตกลับมาเป็นปกติ และมันก็ผ่านไปแบบราบเรียบเรื่อยๆ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ความรู้สึกกับว่างเปล่าเหลือเกิน
ตอนเช้าเธอกับซารางจะไปทักทายเขาที่โรงพยาบาล จากนั้นก็ไปส่งซารางไปโรงเรียน ส่วนเธอไปทำงาน และหลังเลิกงานก็จะกลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้ง
เขาพักอยู่ที่ห้องวีไอพี เธอกับซารางก็อาศัยอยู่ในห้องคนไข้นั้นเช่นกัน
วันเวลาผ่านไปนานขึ้นเรื่อยๆ เขาก็ไม่ตื่นขึ้นมา วันนี้ได้รับสายจากเลอแปง บอกว่าเขากลับมาแล้ว เธอกับเลอแปงจึงไปรับเขาที่สนามบิน
เมื่อเลอแปงเห็นเธอประโยคแรกที่พูดก็คือ “ขอโทษนะ!”
เชอร์รีนขมวดคิ้วไม่เข้าใจ “ทำไมอยู่ดีๆถึงขอโทษ”
“ขอโทษแทนสิ่งที่แม่ฉันทำกับเธอทั้งหมด” เลอแปงอุ้มซารางขึ้นมา เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มอีกต่อไป ตอนนี้เขามีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และสุขุมมากขึ้น “ตอนแรกฉันไม่ได้อยากจะกลับมา หลังจากที่รู้ว่าเธอทำอย่างนั้นกับพี่ชายของฉัน ฉันก็ไม่อยากเห็นหน้าเธอ…”
นั่นเป็นแม่แท้ๆของเขา เขาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเปลี่ยนเป็นแบบนี้ ต้องใจร้ายขนาดไหนถึงจะสามารถฆ่าคนด้วยการเผาทั้งเป็นได้!
ความคิดและการกระทำของเธอทำให้เขาตกใจ รู้สึกเหมือนเป็นคนแปลกหน้า และไม่อาจยอมรับได้
แต่เมื่อเวลาผ่านไปยาวนานขึ้น เขาก็เริ่มยอมรับได้ ยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้
เมื่อรู้เรื่องนั้น เขาไม่อยากเจอเธอ ไม่อยากยอมรับเธอ จึงไม่คิดจะกลับมา
“ฉันรู้ กินอะไรมาหรือยัง อยากกินข้างนอก หรือให้ฉันทำให้กิน” เชอร์รีนตบบ่าเขา
“ไปเยี่ยมพี่ใหญ่ที่โรงพยาบาลเถอะ” เลอแปงสูดหายใจเข้าลึกๆ
เมื่อเห็นสภาพพี่ใหญ่บนเตียงหัวใจของเลอแปงก็เต็มไปด้วยความขมขื่นอย่างไม่อาจอธิบายได้ เขาเป็นคนแข็งแกร่งมาโดยตลอด ไม่เคยมีใครเห็นเขาในสภาพแบบนี้
“พี่ใหญ่จะต้องฟื้นแน่นอน!” เลอแปงพูดอย่างมั่นใจ เขาเชื่อ พี่ใหญ่จะต้องฟื้น!
“ฉันก็คิดแบบนั้น” เชอร์รีนมองไปที่ผู้ชายตรงหน้าแล้วพูดเสียงเบา “ไม่ว่านานแค่ไหน ฉันก็เชื่อว่าเขาจะฟื้น”
จากนั้นซารางก็หิวและร้องจะกินอาหาร เธอจึงให้เลอแปงไปด้วยกัน แต่เขาไม่ไป บอกว่าจะอยู่เฝ้าออกัส ดังนั้นเธอจึงพาซารางออกไป
เลอแปงนั่งอยู่ในโรงพยาบาลครึ่งชั่วโมง จากนั้นก็ลุกออกไปจากโรงพยาบาล และเรียกแท็กซี่
ตอนนี้เขาเปลี่ยนเป็นคนใหญ่โต มั่นคง ยอมรับเรื่องทุกอย่างได้แล้ว เมื่อสุนันท์ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา เขาก็ยังกรอกตาเล็กน้อย
เธอผอมลง และดำขึ้น ผิวพรรณไม่ได้รับการดูแลอย่างดีเหมือนปกติ ผมของเธอยุ่ง และเริ่มมีรอยเหี่ยวย่น
เธอไม่เคยคิดว่าเลอแปงจะมาเยี่ยม ดังนั้นเมื่อเห็นเขาเธอจึงเอาผมทัดหูด้วยความเขินอายเล็กน้อย
ลูกชายของตัวเองมาเยี่ยมตัวเองในคุก จะไม่ให้รู้สึกอับอายได้ยังไง
เลอแปงไม่ได้คิดจะพูดอะไรออกมา เขานั่งเงียบอยู่อย่างนั้น ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่