ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 336 คิดอยากจะทำอะไรก็แล้วแต่เลย
เกมแบบนี้ยู่ยี่ไม่ชอบ ไม่ชอบอย่างมาก และเธอก็ต่อต้านมันด้วย เธออยากจะให้หัสดินกลับไปพร้อมกัน แต่ก็ไม่ได้พูดออกไป
เขามีเพื่อนและมีสังคมของตัวเอง เธอจะเข้มงวดกับเขาเกินไปไม่ได้ การแต่งงานไม่ใช่การต้องตัดขาดกับปฏิสัมพันธ์ทางสังคมทั้งหมดที่มี
เธอกำลังรอให้หัสดินพูดบอกลา แต่เขาก็ไม่พูดมันสักที
เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานหลายปี ตอนนี้ก็มามีบรรยากาศที่ครึกครื้นจึงเป็นธรรมดาที่ยังไม่อยากจะจากไป เธอกัดขอบแก้วของน้ำผลไม้ แม้ว่าจะไม่มีอารมณ์ แต่ก็ยังพยายามทำตัวให้ร่าเริง
อันที่จริงแล้ว เธอเบื่อจนอยากจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเพื่อฆ่าเวลา แต่ในที่นี้ไม่มีใครเลยสักคนที่เล่นโทรศัพท์ เธอก็จึงต้องปล่อยผ่าน ไม่อย่างนั้นทุกคนจะคิดว่าเราหยิ่งยโส และไม่เข้าพวก
ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่รอบแล้ว คนที่ได้ไพ่คิงคือรุ่นพี่คนหนึ่ง เขากระแอมไอเบาๆ“ จูบสามนาที ไพ่หมายเลข11กับ12 เลข11เป็นใคร?”
เรนนี่ยกไพ่ในมือขึ้น ยิ้มอย่างละมุน“ฉันค่ะ”
“แล้ว12ล่ะ ? 12 อยู่ที่ไหน?”
“อยู่นี่……”หัสดินโยนไพ่ลงบนโต๊ะอย่างเรียบเฉย
เมื่อเห็นดังนั้น ทุกคนต่างก็ตะลึง อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้ หัสดินได้หมายเลข12 และเรนนี่ได้หมายเลข 11!
ทันใดนั้น คิ้วของยู่ยี่ก็ขมวดขึ้น สายตากวาดมองไปยังไพ่ที่โยนลงบนโต๊ะ เป็นจริงตามนั้น หัสดินได้หมายเลข12
ไพ่ในมือของเรนนี่เธอชูมันขึ้น ดังนั้นทุกคนก็จึงเห็นว่ามันคือหมายเลข 11 และคงต้องบอกว่าเรื่องราวมันค่อนข้างจะยุ่งยาก
ในตอนนั้นหัสดินมีท่าทีที่รังเกียจเรนนี่เป็นอย่างมากและทุกคนต่างก็เห็น อีกทั้งยู่ยี่ก็อยู่ที่นี่ด้วย ภรรยาตัวจริงก็อยู่
หากหัสดินเป็นคนธรรมดา คนเหล่านี้ก็ยังสามารถปล่อยผ่านไปได้เห็นชัดว่าหัสดินไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นคนที่ร่ำร้องก็จึงมีเพียงไม่กี่คน
สายตาของเรนนี่กวาดมองไปยังยู่ยี่ จากนั้นก็หันมองไปยังหัสดิน แล้วละสายตาออก
“เอาแบบนี้แล้วกัน ไม่ต้องจูบ ให้คุณหัสดินของเราทำการทักทายแบบฝรั่งแก้มแนบแก้มจากนั้นก็จูบไปที่หลังมือแบบสุภาพบุรุษ เป็นยังไง?” มีคนหาทางออกให้เขา
“ได้ แบบนั้นก็ได้”รุ่นพี่คนอื่นๆก็เห็นด้วยตาม
แฟนของรุ่นพี่บางคนที่พามาด้วยไม่เข้าใจกับความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนในนี้ จึงพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้ยังบอกอยู่เลยว่ากฎของเกมเปลี่ยนแปลงไม่ได้ไม่ใช่เหรอ ? แล้วทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนซะล่ะ ? แฟนของฉันก็นั่งอยู่ตรงนี้ ฉันยังให้คนอื่นจูบที่คอไปแล้วเลย นี่มันไม่ยุติธรรมเลย”
รุ่นพี่คนนั้นดึงรั้งตัวเธอ ให้เธอหุบปาก จะดีมากถ้าไม่พูดอะไรออกมา
“แค่ทักทายแบบแก้มแนบแก้ม จากนั้นก็จูบหลังมือพอเป็นพิธี คุณภรรยา ไม่มีปัญหาใช่ไหม?”
ยู่ยี่วางแก้วน้ำผลไม้ลง หันมองไป โพล่งออกมาคำหนึ่ง “มีปัญหาแน่!”
ทุกคนต่างไม่สบายใจ และรู้สึกอึดอัด บรรยากาศก็เงียบไป พวกเขาต่างก็ถอยให้แล้ว เธอก็น่าจะถอยบ้าง อีกอย่างมันก็แค่ความสนุกสนาน ไม่จำเป็นต้องซีเรียสขนาดนี้ ไม่ใช่เหรอ ?
หัสดินก็เห็นท่าทีที่อึดอัดของทุกคน กฎของเกมนี้ได้ถูกกำหนดเอาไว้แต่แรกแล้ว และพูดไว้แล้วว่าห้ามกลับคำ มันคือกฎ
ในตอนนี้ทุกคนต่างก็ยอมถอยให้เขาแล้ว เขาเองก็มองออก เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ที่ไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน เขาก็ไม่อยากให้บรรยากาศมันตึงเครียดมากไปกว่านี้
ที่ใต้โต๊ะ เขาเอื้อมมือไปจับมือของยู่ยี่ จากนั้นก็พูดกับทุกคนว่า“แก้มแนบแก้มก็ขอผ่านไปเลยแล้วกัน จูบแค่ที่หลังมือก็พอเถอะนะ”
“ไม่ได้!”ยู่ยี่หันมองมาที่เขา ท่าทีแข็งกร้าวอย่างที่สุด
ทุกคนต่างรู้สึกอึดอัดใจ ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องยากขนาดนี้ ก็แค่จูบไปที่หลังมือตามมารยาท เรื่องแบบนี้ที่ต่างประเทศก็มีให้เห็นเป็นเรื่องปรกติไม่ใช่เหรอ?
“ตอนนี้สี่ทุ่มแล้ว ฉันรู้สึกเหนื่อยมากแล้ว เรากลับกันเถอะ”ยู่ยี่รู้และเข้าใจดี แต่ทันทีที่เธอพูดคำนี้ออกมา บรรยากาศก็เงียบและเย็นเยือกในทันที
เป็นอย่างที่คิด ท่าทีของทุกคนก็เปลี่ยนไป ดูไม่ดีขึ้นมาทันที
ไม่รู้ว่าใครพูดขึ้นมาเสียงเบา“ ที่แท้คุณหัสดินก็มีภรรยาคุมเข้มนี่เอง”
เสียงของเขาเบามาก แต่ภายในห้อง ณ ตอนนี้ก็เงียบมากเช่นกัน ดังนั้นทุกคนก็จึงได้ยินมันอย่างแจ่มแจ้ง และชัดเจน
อันที่จริงแล้ว ผู้ชายทุกคนต่างรักหน้าตาตัวเอง โดยเฉพาะต่อหน้าเพื่อนฝูงหรือคนรู้จัก ในใจของพวกเขาก็จึงมีความอยากเป็นผู้นำในแบบของผู้ชายที่ควรจะเป็น
ยู่ยี่รับไม่ได้แน่กับการต้องจูบหลังมือตามมารยาท เธอไม่สนใจสายตาของทุกคนที่มองดูเธอราวกับกำลังหึงหวงสามีอยู่ ทำเพียงแค่หันมองไปยังหัสดิน พูดออกมาช้าๆชัดๆว่า“ไปกันเถอะ กลับบ้านกัน”
เธอรู้ว่าในฐานะของผู้ชายคนหนึ่งเขาเองก็มีหน้ามีตาและมีศักดิ์ศรี เธอเองก็ทำไม่ถูกต่อหน้าผู้คนมากมายทำเขาต้องเสียหน้าแบบนี้ แต่เธอทนไม่ได้ที่ต้องให้เขาไปแตะเนื้อต้องตัวเรนนี่ แม้แต่แค่การจับมือก็ไม่ได้
“แค่สองวิ เดี๋ยวก็จบ มันเป็นแค่เกม ที่ต่างประเทศเขาก็ทักทายกันแบบนี้ เป็นเรื่องธรรมดา”หัสดินจ้องเธออย่างลึกซึ้ง คำพูดทุ้มต่ำแต่นุ่มนวล
“นี่คือทางเลือกและคำตอบของคุณ ก็ได้ งั้นตามใจคุณแล้วกัน คุณอยากจะทำอะไรก็ตามแต่ใจเลย ฉันรู้สึกง่วงแล้ว ขอกลับก่อน……”
เมื่อเสียงที่เย็นชาและเฉยเมยสิ้นสุดลง เธอหยิบกระเป๋า แล้วลุกขึ้น ไม่แม้แต่จะหันมองหัสดินและคนอื่นๆ เดินตรงออกไปจากห้องรับรองส่วนตัวนี้ในทันที
เขาไม่ควรลืม ว่าเขาเคยเมามายแล้วมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งกับเรนนี่ เรื่องพวกนี้เพื่อนๆของเขาไม่มีใครรู้ ดังนั้นต่างก็พากันคิดว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ แล้วตัวเขาไม่รู้สึกอะไรเลยหรือยังไง?
มีภรรยาที่ไหนจะทนมองดูสามีตัวเองจูบหลังมือของผู้หญิงที่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันด้วยได้ ?
ในจังหวะที่เธอกำลังจะก้าวพ้นประตูของห้องไป เรนนี่ก็ยืนขึ้น ภายใต้แสงไฟ ผมดำที่ยาวสลวยก็เป็นประกายมากขึ้น“ ก็แค่เกม จะเล่นหรือไม่เล่นก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย ทำไมต้องทำลายมิตรภาพด้วย รุ่นพี่ค่ะ กลับมานั่งเถิดนะคะ”
ขาชะงักไป มุมปากของยู่ยี่ปรากฏรอยยิ้มที่เย้ยหยัน รุ่นพี่ ทำยังไงดี เธอรู้สึกสะอิดสะเอียนจัง
“ฉันไม่ใช่คนประเภทหน้าซื่อใจคด อีกอย่างเธอไม่จำเป็นต้องแกล้งทำตัวเป็นคนดีต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ก็ได้ เพราะฉันรู้สึกคลื่นไส้มาก”
หากว่า เธอพูดคำนี้มาตั้งแต่แรก เรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น
เธอทำลายบรรยากาศซะขนาดนี้แล้ว แต่หญิงสาวกลับมาพูดเอาดีในตอนนี้ อยากเป็นคนดีงั้นเหรอ ? หรือให้คนที่อยู่ที่นี่ในตอนนี้ต่อว่าเธอลับหลังอย่างนั้นเหรอ ?
ท่าทีของเรนนี่แข็งค้างไปเล็กน้อย เธอค่อยๆหลุบตาลง แก้มที่ขาวนวลภายใต้แสงไฟก็ดูโปร่งใสมากขึ้น แพขนตางอนสั่นไหวเล็กน้อย“ ขอโทษค่ะ รุ่นพี่”
เธอไม่คิดว่ายู่ยี่จะพูดคำพูดที่รุนแรงแบบนี้เหรอ ? ไม่ใช่ เธอรู้มันอยู่แต่แรกแล้ว
ท่าทีของทุกคนก็ดูแย่มากขึ้นไปอีก พวกเขาต่างรู้กันดีว่ายู่ยี่ไม่ชอบเรนนี่ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเกลียดกันขนาดนี้ และไม่จำเป็นต้องพูดอะไรที่มันรุนแรงแบบนี้!
ตอนนั้นเรนนี่เธอเอาแต่ตามตื๊อหัสดินจริงๆ แต่นี่มันก็เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว แล้วทำไมเธอถึงต้องพูดอะไรที่มันฟังดูน่าเกลียดแบบนี้ด้วย?
เมื่อมองไปยังใบหน้าที่เรียวยาวและอ่อนโยนอีกทั้งยังบอบบางของเรนนี่ ในใจก็เต็มไปด้วยความเห็นอกเห็นใจและสงสาร แต่ยู่ยี่กลับไม่อยากจะเห็นมัน
สีหน้าของหัสดินก็ไม่ได้ดูดีไปกว่า ยู่ยี่เป็นคนใจกว้างมาโดยตลอด รู้จักก้าวและถอย ทำไมวันนี้ถึงได้หัวรุนแรงขนาดนี้ ?
หันหลัง ยู่ยี่เดินออกไป ตามใจ เขาอยากจะทำอะไร หรือต้องการจะทำแบบไหนก็แล้วแต่เขาเลย