ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 347 อาหารวันนี้ทำได้ดีมากเลยนะ
“เหตุผลแค่นี้จริงๆเหรอ ฉันไม่เชื่อหรอก! การทำงานของเลขาเตโชโดดเด่นมาก ฉันก็ย่อมไม่ได้แย่มากขนาดนั้น โปรเจกต์นี้ฉันมั่นใจว่าฉันจะทำให้ดีที่สุด คุณไม่จำเป็นต้องกลัวว่าฉันจะฉวยโอกาสเกาะแกะคุณ ฉันรู้ตัวดี และฉันก็ไม่ใช่ผู้หญิงโง่ ฉันรู้ว่าในใจคุณคิดอะไรอยู่ ขณะเดียวกันฉันก็รู้ว่าคนที่คุณรักที่สุดก็คือยู่ยี่ ฉันจะทำตามอย่างไม่ออกนอกลู่นอกทางแน่นอน จะทำอะไรเกินเลย ได้โปรดมอบโปรเจกต์นี้ให้ฉันเถอะค่ะ!”
คำพูดของเรนนี่จริงจังมากอย่างที่น้อยครั้งจะได้ยิน และมีท่าทางที่บอกว่าไม่เอาเรื่องงานมาปนเรื่องส่วนตัว
“โปรเจกต์ไม่ว่าคุณจะทำหรือไม่ทำมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากไม่ใช่เหรอ?” หัสดินขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง
ในขณะเดียวกันคิ้วของยู่ยี่ก็เลิกขึ้น เขากำลังคุยกับใคร ฟังดูเหมือนเป็นเรื่องของบริษัท แต่มันให้รู้สึกกับเธอว่ามีบางอย่างผิดปกติ
พนักงานของบริษัทล้วนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา เขาเป็นรองประธาน บริษัท เมื่อเขาตัดสินใจแล้วอีกฝ่ายก็ต้องเชื่อฟัง มีการต่อรองการได้ยังไง?
อีกอย่างนอกจากผู้ช่วยของเขา ก็ไม่มีใครรู้เบอร์โทรส่วนตัวของเขาเลย
ฝ่ายตรงข้ามคือใครกันแน่?
ใจของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย อดคิดไปต่างๆนาๆไม่ได้ ข้าวสวยในถ้วยก็ไม่ขยับเป็นเวลานาน
ตอนนี้เธออยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร!
“สำหรับคุณมันไม่ได้ต่างอะไรกันมากนัก แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่ หรือคุณไม่รู้หรือว่าโปรเจกต์ของบริษัทเรามีค่าคอมมิชชั่น ใช่ ตอนนี้ฉันต้องการเงิน ดังนั้นถึงได้ทุ่มเทกับมันอย่างมาก เราจะแยกเรื่องกัน เรื่องงานก็ส่วนเรื่องงาน เรื่องส่วนตัวก็ส่วนเรื่องส่วนตัว ประธานหัสดินโปรดให้ความยุติธรรมกับเรื่องนี้ด้วยค่ะ!”
ดวงตาของหัสดินขยับเล็กน้อย เขายังคงเอ่ยปากพูดอย่างไร้เยื่อใย “เรื่องนี้ผมตัดสินแล้ว จะไม่มีการเปลี่ยนแปลง แค่นี้นะ!”
วางสายเสร็จเขาก็หันกลับมา สายตาสบเข้ากับยู่ยี่พอดี เธอนั่งตรงโต๊ะอาหารบิดตัวหันมาอย่างสงสัย ใบหูตั้งขึ้นด้านบนเล็กน้อย ถ้วยข้าวในมือลอยค้างอยู่ในอากาศเกือบหลุดจากมือ
ยู่ยี่บิดตัวไปมาด้วยอย่างทำตัวไม่ถูก เธอนั่งตัวตรงเก็บสายตา แล้วกินข้าวต่อราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หัสดินขมวดคิ้ว ก้าวเข้ามานั่งลงตรงข้ามกับเธอ “ไม่สงสัยว่าอีกฝ่ายเป็นใครเหรอ?”
“ไม่ว่าเป็นใครก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน” ระหว่างการพูดตะเกียบในมือของยู่ยี่ยื่นออกไปที่จานหมูเส้นผัดเปรี้ยวหวานที่วางอยู่หน้าหัสดิน
หัสดินมองการกระทำของเธอแล้วพูดออกมาสองพยางค์ “เรนนี่”
สีหน้าแข็งทื่อ ตะเกียบในมือยู่ยี่ยืนค้างอยู่อย่างนั้น หมูที่คีบขึ้นมาก็ตกลงไปที่จานอีกครั้ง หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง
“ในช่วงเวลานี้ บริษัทร่วมมือด้านวิศวกรรมกับจิราซูกรุ๊ป ผมเป็นผู้รับผิดชอบของฝั่งนี้ ส่วนเธอก็เป็นผู้รับผิดชอบของจิราซูกรุ๊ป ผมขอให้ทางจิราซูกรุ๊ปเปลี่ยนคนอื่นมารับผิดชอบแทน เธอไม่พอใจกับแผนการนี้จึงโทรมา”
หัสดินอธิบายแล้ววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ
ความคิดที่ฟุ้งซ่านกลับมาที่กรงอีกครั้ง ยู่ยี่เหลือบมองเขาแล้วถามว่า “ทำไมต้องให้จิราซูกรุ๊ปเปลี่ยนตัวเธอ?”
“แน่นอนว่าไม่สะดวกที่จะทำงานด้วยกัน”
“ทำไมถึงไม่สบายใจ?”
“หลังจากที่เกิดเรื่องผิดพลาดที่ผมเมาเรื่องนั้น ผมคิดว่าควรรักษาระยะห่างไว้จะดีกว่า ถ้าสถานการณ์ไม่ได้บีบคั้นจริงๆก็มีความไม่จำเป็นต้องเจอกัน” เขายกถ้วยแล้วเริ่มกินข้าว “อาหารวันนี้ทำได้ดีมากเลยนะ”
ความโกรธในใจที่สะสมมาช่วงสองสามวันที่ผ่านมาค่อยๆหายไป ยู่ยี่สงบลงได้ดังเดิม
ว่ากันว่าสามีภรรยาทะเลาะกันรุนแรง แม้ว่าในใจจะโกรธแต่ก็จะโกรธต่อได้นานแค่ไหน แค่คำพูดอ่อนหวาน คำพูดดีๆ ความโกรธเหล่านั้นก็จะหมดไป
หัสดินถามอย่างได้คืบจะเอาศอก “คืนนี้ผมกลับนอนที่ห้องนอนนะ?”
ยู่ยี่เมินเขา เธอกินไม่พูดไม่จา ไม่ปฏิเสธและไม่ตอบตกลง
ตอนเย็นขณะที่ยู่ยี่อาบน้ำเสร็จเดินออกมา หัสดินก็นอนอยู่บนเตียงแล้ว กำลังนอนตะแคงมองเธอ ยื่นมือออกไปตบที่ตำแหน่งข้างๆ ส่งสัญญาณให้เธอนอนลง
ยู่ยี่มองเขา ได้คืบจะเอาศอกเป็นไปตามคาดจริงๆ ตอนที่อยู่มหาลัยเขาก็ชอบได้คืบจะเอาศอก ตอนนี้ก็ยังคงไม่เปลี่ยนไปเลย
หลังจากชโลมผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เธอก็นอนลง ตอนนี้ท้องลูกคนเดียวของเธอโตขึ้นเรื่อยๆ ผ้าห่มที่คลุมก็นูนออกมา
มือหัสดินวางบนท้องลูกคนเดียวที่กั้นด้วยชุดนอน เขารู้สึกได้ว่าเด็กน้อยในครรภ์ขยับตัวเป็นครั้งคราว ไม่แน่ว่าอาจเตะเธอหลายครั้งต่อวัน เป็นเด็กที่ซุกซนจริงๆ
ความสงบหลังการทะเลาะที่หาได้ยาก สายตาของยู่ยี่มองเพดานห้อง
“ฉันไม่ใช่คนไร้เหตุผล ถ้าหากจำเป็นต้องติดต่อเรื่องงาน งั้นมันก็เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉันจะไม่ทำตัวไร้เหตุผล เพียงแต่คุณต้องรักษาระยะห่างจากเธอแล้วคุยกันแค่เรื่องงานก็พอ”
งานคืองาน เรื่องส่วนตัวคือเรื่องส่วนตัว เธอแยกแยะสิ่งนี้ได้ชัดเจน
“ผมรู้ แต่ทางจิราซูกรุ๊ปมีพนักงานที่โดดเด่นมากมาย ผมรู้ดี นอนนะครับ คุณแม่และคุณลูก…”
หัสดินลูบท้องของเธอสองสามครั้ง เธอหัวเราะเบาๆ หลับตาลง เธอง่วงแล้วจริงๆ
อีกด้านหนึ่ง แม้จะดึกแล้ว แต่วิลล่าสุดหรูก็ยังสว่างไสว
เรนนี่ยืนอยู่หน้าหน้าต่าง ด้านนอกหน้าต่างคือทิวทัศน์ที่สวยงาม เธอแกว่งแก้วไวน์ในมือ รอยยิ้มอย่างมีความนัยผุดขึ้นบนริมฝีปากของเธอ
เธอรอคอยช่วงเวลาที่เหมาะสม และช่วงเวลานั้นก็จะมาถึงในไม่ช้าแล้ว
ไล่เธอออกจากการเป็นผู้ดูแลโครงการ แต่สำหรับเธอนั้นนับว่าเป็นโอกาสที่ดี เธอรอดูการพัฒนาในอนาคต
ยู่ยี่ ในที่สุดเธอก็ไม่ต้องลงมือ
แม้ว่าของบางอย่างจะเป็นของเธอชั่วคราว แต่ก็ไม่ใช่ของเธออย่างถาวร เหมือนกับหัสดินกับยู่ยี่
สามารถได้มาเป็นเรื่องหนึ่ง การรักษาไว้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง!
เรนนี่กำลังยิ้ม รอยยิ้มบนแก้มก็ลึกลงเรื่อยๆ ลึกลงเรื่อยๆ
…
ตอนกลางวันค่อนข้างน่าเบื่อ ส่วนใหญ่ว่างมากไม่มีอะไรทำมากนัก ในช่วงเช้าก็เรียนรู้ที่จะทำอะไร ตอนบ่ายก็ไม่มีอะไรต้องทำ
นาโนเหมือนจะลงทะเบียนเรียนไวโอลิน บอกว่าแม่สามีเป็นคนสมัครให้ บอกว่ามันเป็นการให้เธอฝึกฝนตัวเอง พัฒนาศักยภาพของเธอ
เธอเบื่อกับการไปเรียนไวโอลิน นาโนนั่งอยู่บนเก้าอี้เป็นเวลาไม่ถึงสามนาที ก็เหมือนมีคนเอาตะปูมาตอกใต้ก้นของเธอ เธอบิดตัว บิดตัว ขยับตัว
“การฝึกฝนตนเอง ฉันไม่ใช่แม่ชีเสียหน่อยที่จะต้องฝึกฝนตัวเอง แขนฉันปวดไปหมดแล้ว สีอยู่นั่นแหละ!” เธอบ่นไปด้วยสีไปด้วย ยู่ยี่ที่ฟังก็จนใจ “ความสัมพันธ์ของเธอกับแม่สามียังไม่ดีขึ้นเหรอ?”