ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 348 คืนวันนี้ไม่เมาไม่กลับ
“ดีกับผีสิ! หงุดหงิดที่ฉันแต่งหน้าทั้งวัน แล้วตัวเองก็ไม่แต่งหน้ารึไง ถ้าฉันซื้อชุดหนึ่งชุด อีกสองวันฉันรับรองได้ว่าเธอจะซื้อเสื้อผ้าใหม่ ฉันจะทนไม่ไหวแล้ว!”
“ใจเย็นๆก่อน ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแม่สามีจะเปลี่ยนไปแน่นอน” ความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีกับลูกสะใภ้ไม่มีใครยอมใคร ย่อมก็มีสิ่งที่ดี
หลังจากออกจากชั้นเรียนไวโอลิน เธอก็ไปที่ห้างสรรพสินค้านานาชาติ ขณะที่เดินผ่านเคาน์เตอร์ของผู้ชายก็เห็นร่างของฉันทัช
เขาเป็นจุดรวมสนใจมาโดยตลอด เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนั้นก็สามารถดึงดูดสายตาหลายคู่ได้ แม้จะอยู่ท่ามกลางฝูงชน เขาก็มักจะโดดเด่นและมีความสง่าแผ่ออกมาจากฝูงชนเสมอ
เขาสวมเสื้อคลุมสีดำยาวถึงหัวเข่า เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม เนกไทสีแดงสลับสีเทา ซึ่งมันทำให้เขาดูสูงหล่อขึ้นไปอีก
ดูเหมือนเขากำลังเลือกกระเป๋าเงิน จากนั้นมือขวาเขาถือโทรศัพท์คุยสายไปด้วย เดินไปข้างหน้าด้วย เพราะเขาไม่ได้หันหน้ามาจึงไม่เห็นเธอ
แต่บรรดาผู้คนที่ผ่านเขาทั้งหมดต่างอดไม่ได้ที่จะหยุดแล้วหันมามองเขา
บางคนถูกลิขิตมีบุคลิกและความสามารถ ลิขิตให้แผ่ออร่าเจิดจ้า เพลิดเพลินไปกับความรู้สึกที่ถูกห้อมล้อม
“อืม อยู่เมืองS ฉันจะยังไม่กลับไปเฮทเคและเมืองบีเจในช่วงเวลาสั้นๆนี้…” ดวงตาฉันทัช หรี่ลง สีหน้าที่หล่อเหลาของเขาเรียบเฉย ราวกับไม่รับรู้ถึงสายตารอบๆที่มองมา หรือบางทีอาจเพราะเขาชินแล้ว
“ช่วงนี้สุขภาพของท่านไม่ค่อยดีนัก อาการป่วยก็กำเริบหนักมาก อยากให้ลูกรีบกลับมาเร็วๆ” เสียงผู้หญิงที่อ่อนโยนดังมาจากปลายสาย “ฉันทัช กลับมาก่อน จะอยู่สองสามวันถึงไปก็ได้ แม่ก็ไม่ได้เจอลูกมานานมากแล้ว”
“เข้าใจแล้ว…” นิ้วที่สะอาดหมดจดเห็นข้อกระดูกชัดเจนของเขานวดคลึงระหว่างคิ้ว แล้วก้าวเดินออกจากห้างสรรพสินค้านานาชาติ
เวลาเดินเขาก็มีบุคลิกที่แตกต่างจากคนอื่น ขาขาวตั้งตรงไม่งอเลย ท่าทางราวกับนายทหาร
เมื่อเขาหายลับไปจากสายตา ยู่ยี่ก็ยกเท้า ส่ายหัว แล้วเดินไปข้างหน้าต่อ
ในฐานะที่เป็นหญิงตั้งครรภ์ เธอไม่มีอะไรจะซื้อจริงๆ จึงเดินไปรอบๆห้างสรรพสินค้าสองรอบ แต่ไม่ก็ไม่ซื้ออะไร
เธอเดินออกจากห้างสรรพสินค้าก็เห็นมุลซานน์ที่คุ้นตาจอดอยู่ข้างนอก แต่คนที่นั่งขับไม่ใช่ฉันทัช แต่เป็นคนขับรถ เมื่อมองผ่านกระจกหน้าด้านหน้าก็สามารถเห็นเขานั่งไขว้ขา ศีรษะเอนหลังพิงเบาะหลัง แล้วหลับตาอยู่เบาะหลังอย่างเกียจคร้าน
รถโค้งขับออกไปจนพ้นสายตาของเธอ ยู่ยี่รู้สึกว่าพรหมลิขิตระหว่างเธอและเขานั้นไม่น้อยเลยจริงๆ แทบจะบังเอิญเจอกันทุกสองวัน
เมืองSจะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ จะว่าไม่เล็กก็ไม่เล็ก หรือพูดได้ว่ามันคือพรหมลิขิตจริงๆ
เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ตอนที่ทั้งสองเจอกันล้วนมีปฏิสัมพันธ์กัน ครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการเดินผ่านกันไป
หลังจากเดินเตร่อยู่ข้างนอกมาหนึ่งวันแล้วไม่ได้อะไร แต่กลับกลับคอนโดอย่างเหนื่อยล้า
ในห้องคุณนาย ชฎารัตน์หรือแม่ของหัสดินมาเพิ่ม
เธอสวมเสื้อผ้าเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ทันสมัย เธอเหลือบมองไปรอบๆคอนโดแล้วพูดว่า “ปูพรมให้บ้าน ตอนนี้กำลังท้อง ร่างกายไม่เหมือนแต่ก่อน”
ยู่ยี่พยักหน้า ชฎารัตน์พยักหน้า “นั่งลงเถอะ ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว อยากกินอะไรก็ให้แม่บ้านไปซื้อให้ ให้แม่บ้านจากตระกูลภูษาธรย้ายมาให้พวกลูกอีกสองคนไหม?”
“แม่คะ ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ มีคนเดียวก็พอแล้ว”
“หัสดินบอกว่าตอนเย็นมีงานเลี้ยง จะกลับมาช้าหน่อย เมื่อกี้คุยโทรศัพท์กับแม่แล้ว แม่เอาอาหารบำรุงมา ให้แม่บ้านทำให้ทานนะ แล้วก็ซื้อเสื้อผ้ามาให้ด้วยสองสามชุด ลูกลองดูสิว่าเหมาะสมไหม?”
ยู่ยี่ยิ้ม “ขอบคุณค่ะแม่”
ชฎารัตน์หัวเราะแล้วตบหลังเธอเบาๆ “นั่งลงเถอะ แม่บ้านทำอาหารที่ลูกชอบทั้งนั้นเลย”
แม้จะเป็นแม่สามีและลูกสะใภ้ แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เข้ากันได้ดีมาก ทั้งคู่พูดคุยกันหัวเราะกัน นั่งทานอาหารเย็นอยู่ตรงนั้น
สนามบินเมืองS
ผู้ช่วยข้างกายฉันทัชไปซื้อตั๋วไปเมืองบีเจ สักพักก็เดินกลับมาพร้อมส่ายหน้า “คุณฉันทัช ช่วงนี้มีการประชุมนานาชาติที่เมืองบีเจ ตั๋วเครื่องบินขายหมดแล้วครับ แม้แต่แบบจองก็ซื้อตั๋วไม่ได้”
“ไปซื้อตั๋วรถไฟความเร็วสูงก่อน แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นตั๋วเครื่องบิน…”
ขณะที่ผู้ช่วยหันหลังกำลังจะไปจัดการ พนักงานสนามบินกลับมาทักทายเขาด้วยรอยยิ้มและให้เกียรติ “คุณฉันทัช โปรดรอสักครู่นะคะ ท่านประธานกำลังเดินทางมา”
ขณะที่ฝั่งนี้กำลังพูดอยู่ กลุ่มชายสวมสูทและรองเท้าหนังฝั่งนั้นก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“คุณฉันทัช…” ประธานโค้งตัวคำนับ
ฉันทัชยิ้มบางๆที่มุมปาก ยื่นมือออกมาจับมือ “สวัสดีครับ”
“ตอนนี้คุณฉันทัชต้องการกลับเมืองบีเจใช่ไหมครับ?”
“ครับ”
“ผมยังมีตั๋วที่นั่งชั้นหนึ่งอยู่ จะออกเดินทางในอีกครึ่งชั่วโมง ผมจะให้ผู้ช่วยเอามาให้นะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นรบกวนด้วยครับ ชนะ จ่ายค่าตั๋ว” เขาเรียกผู้ช่วยเสียงเรียบ
ประธานโบกมืออย่างรวดเร็ว บอกว่าไม่ต้อง ดวงตาฉันทัชไม่แสดงออก น้ำเสียงน่าดึงดูดดูสง่างาม “ถ้าไม่รับไว้ ผมก็คงรับตั๋วสองใบนี้ไว้ไม่ได้”
ประธานรับด้วยรอยยิ้มที่อึดอัดแล้วบอกลา ฉันทัชเดินไปที่ห้องวีไอพี เสื้อคลุมขนสัตว์สีเทาที่อยู่บนตัวเขาดูหรูหราเรียบง่าย ผู้ช่วยลากกระเป๋าเดินทางติดตามอย่างใกล้ชิด
เพื่อนข้างกายไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเคารพผู้ชายคนนั้นขนาดนี้ ประธานหัวเราะ “ตัวตนจริงๆของเขามีสถานะสูงมาก พวกเธอย่อมไม่เข้าใจภูมิหลังของเขา เขาดูเรียบง่ายมาโดยตลอด แต่ถ้าเขากระทืบเท้าด้วยความโกรธผล ผมที่ตามมานั้นไม่อาจนึกได้…”
ผับโซ่สวาท
ออกัสอยู่ข้างหน้า ดนัยอยู่ตรงกลาง หัสดินเดินรั้งท้าย ทั้งสามก็เดินไปที่ห้องส่วนตัว
ดวงตาดอกท้อของหัสดินหรี่ลง ขณะที่สายตากวาดมองผ่านร่างตรงบาร์โดยบังเอิญนั้น สีหน้าก็เคร่งขึ้น
เรนนี่สวมชุดเดรสสีดำพร้อมแต่งหน้า
เธอกำลังผสมเหล้า การเคลื่อนไหวของเธอดูไม่คล่องนัก ดูไม่สละสลวย แก้มแดงเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังเขินอาย
ความเซ็กซี่และความไร้เดียงสาผสมผสานเข้าด้วยกัน รอบตัวมีสายตาผู้ชายมากมายมองมา บางคนก็ยังผิวปากเบาๆ
หลังจากที่มองเธอเป็นเวลานาน หัสดินก็ถอนสายตาออกไป แผ่รังสีมืดราวกับขุมนรกที่ไม่สามารถมองเห็นจุดจบได้
เรนนี่ย่อมสังเกตเห็นสายตาของเขา แต่แทนที่จะเงยหน้ามองหัสดิน เธอกลับใช้หางตาเหลือบมองเขาด้วยความหมายลึกซึ้งแทน
เธอรู้อยู่แล้วว่าเขาจะปรากฏตัวที่นี่ในวันนี้ การเจอหน้าที่ไม่คาดฝันนี้เป็นการจัดฉากที่ตั้งใจโดยไม่ตั้งใจของเธอ
ผู้จัดการได้เปิดห้องชุดของที่นี่และเก็บกวาดอย่างสะอาดเรียบร้อยแล้ว
ภายในห้องชุดมีห้องแยกรวมอยู่มากมาย ห้องสนุ๊กเกอร์ ห้องฟิตเนส ห้องโบว์ลิ่ง ว่ายน้ำ รวมทั้งบาร์และเหล้านานาชนิด สิ่งที่ควรมีล้วนมีทั้งหมด
ห้องชุดนี้เป็นห้องชุดสุดพิเศษสำหรับทั้งสามคนที่มาทานข้าวด้วยกันเป็นครั้งคราว
ข้างหน้ามีแก้วเหล้า ดนัยรินเหล้าจนเต็มแก้ว “ไม่ได้ดื่มอย่างสบายอารมณ์มานานแล้ว คืนวันนี้ไม่เมาไม่กลับ”