ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 35 เธอถูกใส่ความจนตกอยู่ในสภาพน
ในนั้นมีรูปภาพมากมาย มากจนทำให้เชอร์รีนตกใจ มันหนักจนถึงขั้นที่ไม่รู้ว่าไปถูกถ่ายตอนไหน ขนาดตัวเธอเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำ
รูปภาพเซทแรกคือถ่ายตอนที่เดินออกมาจาก ktv หัวหน้าฝ่ายแนะแนวประคองเธออย่างสนิทสนม และกำลังนั่งอยู่ในรถแท็กซี่
ส่วนเธอครึ่งใบหน้าแดงก่ำ และอยู่ในอ้อมอกของเขา ส่วนมืออันอวบอ้วนของหัวหน้าฝ่ายแนะแนวนั้นอยู่ตรงเอวคอดกิ่วของเธอ
หัวคิ้วย่นเข้าหากันแน่น สองมือของเธอกำแก้วน้ำไว้แน่น
เธอไม่เคยออกไปไหนกับผู้อำนวยการกีรติสองต่อสอง ครั้งเดียวที่เคยไปก็คืองานเลี้ยงทานข้าวของบรรดาคุณครูเท่านั้น
เช่นนั้น ไม่ต้องสงสัยเลย ผู้อำนวยการกีรติต้องฉวยโอกาสตอนที่เธอดื่มเหล้าจนเมาแอ๋ และจัดการแต๊ะอั๋งเธอ
รูปภาพเซทที่สองเป็นภาพที่เธอเพิ่งเดินออกมาจากโรงแรมในช่วงเช้าตรู่ เสื้อผ้ายับยู่ยี่ เส้นผมยุ่งเหยิงพันกัน แถมเดินยังไม่เป็นไปตามธรรมชาติด้วย คนฉลาดมองแวบเดียวก็มองออก ว่าต้องเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น
สุดท้ายเป็นคลิปวิดิโอที่อยู่ในผับโซ่สวาท เสกสรรกำลังกอดเธออยู่ และเริ่มลูบไล้เธออยู่…
สายตาดูถูกดูแคลน การถากถางและการดูหมิ่นต่างๆ นาน ของคุณครูทุกคนที่อยู่ในห้องทำงาน ต่างเบนมาหาเชอร์รีนกันทุกคน
คิดไม่ถึงเลยว่า คุณครูเชอร์รีนดูเป็นคนใสซื่อขนาดนั้น แต่ลับหลังจะทำเรื่องเฉกเช่นเด็กสาวที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวไปได้ น่าขยะแขยงชะมัด!
สายตาของคุณครูกลุ่มนั้นใช่ว่าเชอร์รีนจะไม่เคยเห็น แต่เธอย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจอยู่แล้ว
เวลานี้ ไม่ว่าเธอจะอ้าปากอธิบายอะไรออกไป มันก็ไม่เกิดประโยชน์อยู่ดี
สิ่งเดียวที่เธอต้องการจะรู้ก็คือ ก็แค่ ตกลงว่าใครเป็นคนถ่ายรูปพวกนี้ แถมพิธีกรพูดว่าจากสำนักงานข่าวแห่งหนึ่งที่ปากพูดออกมาคือสำนักพิมพ์ไหนเหรอ?
เรื่องที่เกิดขึ้นอยู่นี้ ตกลงว่าใครเป็นคนเล่นงานเธอ?
เธอกำลังใช้ความคิด จู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าเดินย่ำเสียงดังอย่างรีบร้อน ยังไม่ทันเงยหน้าเลยด้วยซ้ำ ก็เสียง “เพี๊ยะ” ดังขึ้น พลันถูกตบที่ใบหน้าอย่างเต็มแรง มันทั้งแสบร้อน มันทั้งเจ็บ
จากนั้น ก็มีเสียงสบถด่าหยาบคายและกรีดร้องดังไล่ตามหลังมา “อีผู้หญิงร่าน ให้ท่าผัวใครไม่ทราบ?”
กระทั่งเชอร์รีนรู้สึกว่าใบหน้าทางด้านซ้ายนั้นชาจนหมดความรู้สึกแล้ว พลันเงยหน้าขึ้นมา จึงประจันหน้ากับภรรยาของหัวหน้าที่กำลังยืนอยู่
เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการทะเลาะจนเป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต ดังนั้นเธอเลยกัดฟัน ทนเอาไว้ก่อน
ผู้หญิงรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ อายุสี่สิบกว่าปี แถมอารมณ์ยังพุ่งปรี๊ด ใบหน้าอันอวบอ้วนเขย่าเป็นจังหวะ ความเกลียดที่กำลังลุกโชนในดวงตาของเธอมันมีแค่ความเกลียดจนต้องการจะแผดเผาเธอให้ตายไป
“ฉันไม่ได้ไปให้ท่าผู้อำนวยการกีรติ” เมื่อขยับใบหน้าที่แสนเจ็บปวดทางสายแล้ว เชอร์รีนจึงพูดเน้นทีละคำออกมา
“เปล่าเหรอ? หรือว่าจะเป็นผัวฉันเองที่ต้องไปให้ท่าผู้หญิงร่านอย่างแกหรือไง? ภายนอกก็ดูดี ลับหลังไม่รู้ว่าไปนอนให้ผู้ชายคนไหนเอามาบ้าง!”
คุณหญิงเกตุแก้วปากร้ายและลงลึกอีก พอพูดออกมา มันทำให้ไม่น่าฟังเลย
“ฉันรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นคนอย่างไร ส่วนผู้อำนวยการกีรติเป็นคนประเภทไหน เกรงว่ามีแค่คุณหญิงเกตุแก้วแหละมั้งที่ตอนนี้ยังไม่รู้ น่าสงสารชะมัด”
เธอหัวเราะเล็กน้อย น้ำเสียงราบเรียบไม่มีการกระทบกระเทียบ ผู้อำนวยการกีรติอาศัยที่พ่อตาเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน แถมยังมีชื่อเสียงว่าเป็นพวกมือไว ชอบแต๊ะอั๋งกับครูผู้หญิง คุณหญิงเกตุแก้วก็คงถูกปิดหูปิดตาเป็นกบในกะลาอย่างแน่นอน
“ใกล้จะตายห่าอยู่รอมร่อยังไม่จักกลับใจ ที่แท้ก็เป็นนังจิ้งจอกหน้าด้านขนาดนี้ ให้พวกนักข่าวเข้ามาเลย”
คุณหญิงเกตุแก้วแสดงท่าทางราวกับแม่ไก่ที่ถูกถอนขน น้ำเสียงสูงปรี๊ด ดังแสบแก้วหู อีนังผู้หญิงร่านคนนี้ มันกล้าหัวเราะเยาะเธอ!
บรรดานักข่าวที่มารออยู่นานแล้วพลันกรูเข้ามาด้านในกันอย่างยัดเยียดเบียดเสียดในขณะนั้นทันที พลันล้อมตัวเชอร์รีนเอาไว้
“ปกติการใช้ชีวิตส่วนตัวของคุณครูเชอร์รีนก็มั่วแบบถึงเนื้อถึงตัวขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“ในฐานะที่เป็นครูที่มีจรรยาบรรณเพียบพร้อม แต่กลับประพฤติพฤติกรรมเช่นนี้ คุณยังมีหน้าไปเสนอหน้าต่อนักเรียนของคุณได้อีกเหรอ?”
“คุณครูเชอร์รีนไปนอนกับผู้ชายมากี่คนแล้ว? ไม่ทราบว่า ว่าที่สามีที่ทำให้คุณท้องก่อนแต่งรู้เรื่องนี้ไหม?”
“……”
นอกจากเรื่องคดีคุณครูพรากผู้เยาว์แล้ว คุณครูก็จะตกเป็นเป้าสายตาต่อไปสักระยะ พาดหัวข่าวเช่นนี้ นักข่าวคนไหนไม่อยากจะเอาลงบ้าง?
จำนวนนักข่าวมากมายเหลือคนา จนทำให้พวกคุณครูที่อยู่ในห้องต่างเบียดกันจนไม่มีที่จะยืน
แต่ก็ไม่มีคุณครูท่านใดช่วยพูดให้กับเชอร์รีน ประเด็นมีอยู่สองข้อ ข้อแรกคือนักข่าวเยอะมาก ข้อสองคือกลัวว่าจะไปผิดใจกับลูกสาวของผู้อำนวยการโรงเรียนเข้า
ส่วนข้อที่สามนั้น ตกลงว่าเชอร์รีนเป็นคนอย่างไร พวกเขาเองก็ยังไม่รู้เลย
ดังนั้นการหนีเอาตัวรอดจากหายนะ เพื่อทำให้ตนเองรอดจากภัยนี้ไปด้วย
เชอร์รีนถูกบีบดจนไปถอยกรูดไปอย่างด้านหลัง ต่างถูกห้อมล้อมทุกทิศทุกทาง จนทรงตัวไม่อยู่ สัญชาตญาณพลันใช้มือทั้งสองข้ามปกป้องท้องน้อยเอาไว้ เพราะว่าเธอกลัวว่าเด็กจะได้รับบาดเจ็บไปด้วย
นลินที่ยืนอยู่ไม่ได้ไกลกันมากนักแต่กลับเห็นการกระทำของเธออย่างชัดเจน ฟันสีขาวซี่เล็กจิกขบลงบนริมฝีปาก
จังหวะนั้นเอง เธอมีอารมณ์โกรธจัดสุมท่วมหัว เลยแสร้งทำเป็นขาพลิก จนร่างกายเซถลาไปชนทางด้านหน้า
นักข่าวที่อยู่ด้านหน้าของเธอไม่ทันระวังตัว พอถูกชนเข้าอย่างจัง ร่างกายจึงกระแทกไปยังด้านหน้าเต็มแรง
การถูกคนด้านหลังชนกันเป็นทอดๆ จนในที่สุด เชอร์รีนถูกชนจนล้มไปกองกับพื้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงน้อย มันชนเข้ากับมุมขอบโต๊ะอย่างแรง…
ความเจ็บปวดบริเวณหน้าท้องปวดร้าวที่ยากเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้ มันเจ็บจนใบหน้าของเธอซีดเผือด และนั่งจมปลักอยู่ตรงนั้น เจ็บจนตัวเองลุกไม่ขึ้น!
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว แต่บรรดานักข่าวยังคงไม่ยอมหยุด แถมยังเบียดเสียดยัดเยียด และถกเถียงกันดังลั่น
ในหัวสมองกลับได้ยินเสียงอื้ออึง เธอรู้สึกว่ามีอาการเวียนหัว จนร่างกายไม่สามารถรับความเจ็บปวดกับอาการเวียนหัวหมุนเช่นนี้ต่อไปได้
บรรดานักข่าวก็เหมือนกับคนบ้าประสาทเสียไปแล้ว เพราะมีคนใช้เท้าเหยียบลงบนหลังฝ่ามือของเชอร์รีนอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อมองผ่านช่องว่างเพียงเล็กน้อย ก็เห็นคุณหญิงเกตุแก้ว จ้องมองเชอร์รีนที่กำลังสูดลมหายใจอย่างหวาดกลัวอย่างพอใจมาก ก้นอันอ้วนเผละก็บิดไปมา พร้อมทั้งบ่นพึมพำอย่างเย็นชา
ให้นังผู้หญิงร่านหน้าด้านคนนี้เป็นบ้าไปต่อหน้าเธอนี่แหละ!
ชั่วขณะนั้นเอง พลันมีเสียงทุ้มต่ำ เย็นเฉียบดั่งน้ำค้างแข็งดังขึ้น “ถอยไป!”
พลังของเสียงนั้นแข็งแกร่งมาก บรรดานักข่าวต่างหยุดในสิ่งที่พวกเขากำลังทำอยู่ทันที
เมื่อหันไปมองตามเสียงนั้นแล้ว ทุกคนต่างตกตะลึงจนยืนนิ่งราวกับรูปปั้นแกะสลัก ไม่มียกเว้นสักคน
เขา…เขา..เขามาได้ยังไง?
ออกัสใส่เสื้อสเวตเตอร์สีเทา ท่าทางราวกับรีบมาจนหอบ แถมยังมีคำค้างแข็งเกาะอยู่บนใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา แววตาเย็นชา น้ำเสียงแข็งกร้าว
“ยังยืนไม่ยอมขยับกันอีก? หรืออยากจะให้ผมออกัส พูดคำพูดเมื่อครู่ซ้ำอีกรอบ?”
บรรยากาศมันช่างกดดันจากอำนาจของอีกฝ่ายเหลือเกิน บรรดานักข่าวต่างไม่กล้าพูดอะไรออกมาสักคำ และยิ่งไม่กล้าสบตากับเขาด้วย ต่างร่นถอยหลัง เว้นช่องว่างเพื่อหลีกทางให้เขา
ใน เมืองs ใครหน้าไหนกล้าไปออกัสล่ะ?
แต่ พูดวนกลับมา คุณครูเชอร์รีนกับออกัสมีส่วนเกี่ยวข้องกันยังไง?
แต่ว่า ใครจะกล้าปริปากถามล่ะ? ใครกล้าไปกระตุกหนวดเสือล่ะ?
ออกัสสาวเท้าก้าวยาวอย่างรวดเร็ว ริมฝีปากบางเม้มจนเป็นเส้นตรง พลันงอตัวลง เขาอุ้มตัวเชอร์รีนขึ้นมา ทุกการกระทำต่างอ่อนโยนตามสัญชาตญาณ
เชอร์รีนจ้องมองใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มอันคุ้นตาอย่างตกตะลึง และแปลกใจ เธอคว้าชายเสื้อของเขาเอาไว้แน่น พร้อมทั้งเพ้อเรียกเขาอย่างแผ่วเบา “ออกัส…”
เธอคิดว่าตัวเองตาฝาด แต่พอตอนสัมผัสถึงความอบอุ่นตรงชายเสื้อของเขาแล้ว หัวใจพองโตขึ้นมาทัน และนุ่มนวลขึ้น
“หือ?”
ตอนที่เปล่งเสียงออกมา เขากวาดตามองแก้ม ที่มันทั้งบวมแดงและซีดโพลนของเธอ แต่ไม่มีอาการโกรธเคืองสักนิด