ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 351 โกหกจนเคยชิน
ยู่ยี่พยักหน้าพร้อมกับยิ้มส่งเขา สื่อให้รู้ว่าไม่ต้องเป็นห่วงเธอ หากผู้หญิงทำตัวเหมือนปาท่องโก๋ตัวติดผู้ชายตลอดจะไม่งาม
วันรุ่งขึ้นก็บอกว่าจะไปทำงานต่างถิ่น เขาส่งยู่ยี่กลับคฤหาสน์ภูษาธรเสร็จสรรพก็รีบตรงไปยังสนามบินทันควัน ซึ่งเรนนี่ก็อยู่ที่สนามบินด้วย
ความจริงแล้วไม่มีการทำงานต่างถิ่นใด ๆ ทั้งสิ้น เรนนี่บอกว่าอยากไปพักผ่อนหย่อนใจที่ทุ้งหญ้าจอร์แดนในมณฑลกรีนเลย์หัสดินรับปากโดยพลัน
ช่วงนี้เขารู้สึกเครียดเหลือแสน ควรผ่อนคลายโดยไม่คำนึกสิ่งใดบ้างแล้ว ควรผ่อนคลายเพื่อขับกล่อมสภาพจิตใจให้ดีขึ้น
หัสดินยังคงปฏิบัติเฉกเช่นเมื่อครั้งที่เดินทางไปยังฮีทนาร์เหมือนเดิม ซึ่งแผนเดินทางคือไปลงเครื่องที่เฮทเคก่อน จากนั้นก็เปลี่ยนเครื่องบินไปยังมณฑลกรีนเลย์ พวกเขาทั้งสองแยกย้ายกันเดินทาง จะได้ไม่เป็นที่จับตามองของผู้คน
ทุ้งหญ้าจอร์แดนของมณฑลกรีนเลย์ยังไม่ได้เจริญรุ่งเรืองมากนัก ดังนั้นทิวทัศน์จึงเป็นธรรมชาติดั่งยุคโบราณ
เมื่อยืนอยู่บนพื้นหญ้าอันเขียวขจีที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา อารมณ์จึงดีตามไปด้วย สองสามวันนี้ พวกเขากินนอนด้วยกัน กระทั่งเวลาเดินยังจูงมือกันเดิน หากคนแปลกหน้าพบเห็นจะคิดว่าพวกเขาเป็นคู่รักหนุ่มสาวหรือไม่ก็เป็นสามีภรรยาที่รักใคร่เกื้อกูลกัน
ที่นี่ทำให้ทั้งสองคนผ่อนคลายอย่างยิ่งยวด ไม่มีสิ่งใดทำให้ปวดหัว มีเพียงความผ่อนคลายและอารมณ์ดี
ทั้งสองไม่ได้อยู่นาน เมื่ออยู่ได้สามวันก็ซื้อตั๋วเครื่องบินยามค่ำกลับไปที่เมือง S
อันที่จริงไฟล์ทบินตอนกลางคืนก็ดีไปอย่าง เพราะมีผู้ใช้บริการน้อย จึงไม่มีคนสังเกตพวกเขาทั้งสองคน
เรนนี่นอนซุกอกแกร่งของหัสดิน พวกเขารู้สึกว่าใช้เวลาสามวันนี้คุ้มค่ามาก คล้ายกับการฮันนีมูน รู้สึกหวานฉ่ำไปถึงหัวใจ
เดินทางมาถึงเมืองSตอนตีสาม เมื่อลงจากเครื่องบิน เรนนี่ก็ยังคงสะลึมสะลือ ดวงตางัวเงีย เดินสะเปะสะปะ
หัสดินมองเธอปราดหนึ่ง รู้สึกว่าเธอเหมือนเด็กที่ไม่รู้จักโต ช่างไร้เดียงสายิ่ง เขาเลิกคิ้วพร้อมกับเตือน “ดูทางด้วย”
เรนนี่ยิ้มละมุนละไม พลางพยักหน้า“ก็มีคุณอยู่นี่?ฉันจับเสื้อคุณแล้วจะล้มได้ไง?”
ในขณะที่พูด ทันใดนั้นร่างกายเธอเอียงเอนไปด้านข้าง รองเท้าส้นสูงที่ยกขึ้นนั้น บังเอิญไปเหยียบโดนรองเท้าหนังของผู้ที่เดินผ่านพอดิบพอดี
รองเท้าส้นสูงทั้งยาวทั้งแหลม แรงที่เหยียบโดนรองเท้าหนังจึงหนักเอาการ เรนนี่รีบถอยออกมา ก่อนจะกล่าวคำขอโทษ “ขอโทษค่ะ”
“อืม……”สุ้มเสียงทุ้มต่ำอันมีเสน่ห์ดึงดูดใจส่งออกมาจากลูกคอของฉันทัช เขาไม่ได้มีคลื่นอารมณ์มากนัก แค่เจือความเย็นชาเล็กน้อยเท่านั้น
เมื่อดวงตาลุ่มลึกกวาดมองใบหน้าหัสดิน เขาก็ชะงักค้างชั่ววูบ จากนั้นก็กวาดสายตามองเรนนี่ต่อ ใบหน้าหล่อก็ขมวดคิ้วมุ่น
ตอนที่เรนนี่เงยหน้าก็เห็นใบหน้าด้านข้างของผู้ชายที่สมบูรณ์แบบ ชนิดที่ไร้ที่ติ ตอนนี้เขาสวมแว่นกันแดด จึงไม่เห็นดวงตา จมูกของเขาโด่งมาก คางก็เย่อหยิ่งสูงศักดิ์ยิ่ง
เขาเป็นคนตัวสูงโปร่ง สวมเสื้อกันหนาวสีกาแฟ กางเกงสูทที่ประกายแสงสีเงินเล็กน้อย ซึ่งกางเกงตัวนี้ไม่มีรอยยับใด ๆ ประณีตและโดดเด่นมาก
ทว่าก็ทันมองเห็นแค่ใบหน้าด้านข้างของเขาเท่านั้น เพราะเขาก้าวเท้ายาวไปด้านหน้าเสียแล้ว เมื่อมองจากด้านหลังก็ยังคงชวนให้รู้สึกสู่งส่งและสง่าผ่าเผย มีออร่าจัดเต็ม ด้านหลังมีผู้ติดตามเป็นผู้ชายสวมสูทที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางสองคน
หัสดินก็มองแผ่นหลังนี้สักระยะหนึ่งเหมือนกัน บนร่างกายชายผู้นี้แผ่ซ่านไปด้วยกลิ่นอายของความแข็งแกร่ง สุขุมและสง่างาม แล้วเมืองSมีบุคคลเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ทว่าเขาก็ไม่เห็นใบหน้าของฉันทัชเช่นกัน
รถเบนท์ลีย์สีดำเงางามจอดอยู่นอกสนามบิน ฉันทัชยังเดินไปไม่ได้ โชเฟอร์ก็เปิดประตูรอแล้ว“คุณฉันทัช”
เขาเอื้อมมือเก็บแว่นกันแดด ดวงตาแดงเล็กน้อย เนื่องจากไม่ได้นอนดี ๆ มือใหญ่อันสะอาดสะอ้านและได้รูปลูบคาง ก่อนจะพยักหน้าให้ แล้วขึ้นไปด้านในรถ
ฉันทัชรู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนเมื่อครู่มาก เขาหรี่ตาขึ้น เอาขาซ้อนขา จากนั้นก็นึกถึงรูปแต่งงานในกระเป๋าสตางค์ของยู่ยี่
เพียงแต่ผู้ชายคนนั้น……
“คุณฉันทัช กลับคฤหาสน์ใช่ไหมครับ?”เสียงโชเฟอร์ส่งมา
เมื่อถูกแทรกระหว่างที่ครุ่นคิด ฉันทัชจึงหยุดไว้เพียงเท่านี้ ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย“กลับคฤหาสน์”
……
หญิงร้ายชายเลวทั้งสองไปพักที่คฤหาสน์แถบชานเมืองก่อน เมื่อมาถึงที่นี่ก็ตีสี่แล้ว จึงรู้สึกเพลียเป็นอย่างยิ่ง ทั้งคู่จึงทิ้งตัวลงนอนทันที
แปดโมงเช้าของวันถัดไป หัสดินตื่นแล้วก็ลุกไปอาบน้ำ เรนนี่ที่แกล้งหลับตาก็ลืมตาขึ้นมา
มองทิศทางของห้องอาบน้ำปราดหนึ่ง ก่อนจะดีดตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วทำการนำถุงยางที่เหลือครึ่งกล่องเข้าในกระเป๋าเดินทาง
ไม่ควรเดินเกมส์นานจนเกินไป มิฉะนั้นจะทำให้ความรักและแรงปรารถนาของผู้ชายที่มีต่อคุณลดน้อยถอยลง การจับชู้คาหนังคาเขาควรเกิดขึ้นตอนที่กำลังรักกันปานจะกลืนกินดั่งเช่นตอนนี้
ยู่ยี่ได้รับสายตอนแปดโมง เธออยู่คฤหาสน์ภูษาธรจนจะขึ้นราอยู่รอมร่อแล้ว ตอนนี้อยากออกไปใจจะขาด
ชฎารัตน์บอกว่าจะขับรถไปส่งเธอ แต่ด้านนอกคฤหาสน์ภูษาธรมีแท็กซี่มากมาย จึงไม่มีความจำเป็นต้องไปส่งถึงที่ เธอเลยตอบปฏิเสธ จากนั้นก็รีบเดินออกจากคฤหาสน์ภูษาธรแล้วโบกรถแท็กซี่โดยพลัน
เมื่อเธอกลับมาถึงบ้านก็เห็นหัสดินวางของฝากที่ซื้อจากเฮทเควางไว้บนโต๊ะ
ยู่ยี่ยิ้มพร้อมกับเปิดของฝากออก และเห็นเป็นกระโปรงยาวตัวหรู แต่ด้วยหุ่นของเธอตอนนี้ ไม่มีทางใส่ชุดนี้ได้เลย รอให้คลอดลูกก่อนแล้วค่อยใส่แล้วกัน
หัสดินก้มหน้ากอดเธอด้วยความอบอุ่น และจูบที่ริมฝีปากเธอเบาๆ“วันนี้เลิกงานแล้วผมจะไปกินข้าวเย็นเป็นเพื่อนคุณนะ”
“ค่ะ”ยู่ยี่กอดกลับ“ตอนนี้แม่บ้านไม่อยู่ ฉันไปต้มโจ๊กให้คุณนะ?”
“จะให้ภรรยาของผมทำได้ยังไง คุณพักผ่อนเถอะ ผมกินที่บริษัทก็ได้”ระหว่างที่พูด หัสดินเอาเสื้อสูทมาสวมใส่ จากนั้นก็เดินออกจากบ้านไป
“ช่วงนี้ที่เฮทเคยุ่งมากเหรอคะ?”เธอส่งเขาที่หน้าประตูคอนโด
“อืม ยุ่งมากเลย ผมไปก่อนละนะ”หากผู้ชายพูดโกหกจนเคยชินก็จะพูดเป็นธรรมชาติสุด ๆ ทั้งยังหน้าไม่เปลี่ยนสีอีกด้วย
เมื่อกลับเข้าห้อง ยู่ยี่ก็จัดแจงห้องนอนคร่าว ๆ เมื่อสายตาหยุดอยู่ที่กระเป๋าเดินทาง เธอก็เดินเข้าไปแล้วเปิดออก
เสื้อผ้าที่เธอเตรียมให้เขาก่อนออกเดินทางยังไม่ได้ใส่ จึงต้องรีดใหม่และแขวงกลับเข้าในตู้เสื้อผ้า
เสื้อกันหนาว กางเกงสูท เธอหยิบออกมาทีละชิ้น เมื่อหยิบชิ้นสุดท้ายออกมาแล้ว กล่องถุงยางก็ปรากฏสู่สายตา
เธอรู้สึกชะงักค้าง ร่างกายแข็งทื่อ ตอนเขาออกเดินทาง เธอไม่ได้เตรียมของแบบนี้ให้เขานี่นา
และของแบบนี้ก็ไม่ใช่ของที่เขาซื้อกลับมาใช้กับเธอ เพราะของตรงหน้าเปิดกล่องแล้ว แถมยังใช้ไปหลายอันอีกต่างหาก
ทันใดนั้น เธอรู้สึกร่างกายหนาวเหน็บ ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกคนอื่นสะกดจุดจนร่างกายด้านชาไปทั่ว
เสื้อที่อยู่ในมือร่วงหล่นลงพื้น ยู่ยี่ไม่ได้เก็บ เดินกลับเข้าห้องไปอย่างแข็งทื่อและด้านชา
หากยังไม่ได้เปิดกล่องถุงยาง เธอก็คงไม่คิดฟุ้งซ่าน แต่ตอนนี้คือเปิดออกและยังใช้ไปหลายอัน แล้วจะไม่ได้เธอคิดฟุ้งซ่านได้เช่นไร
ตอนนี้สมองของเธอยุ่งเหยิงมาก และมีความคิดอันบ้าบิ่นที่ว่า อยากโทรไปแล้วถามเขาโดยตรง
ทว่าเธอก็ไม่ได้ทำ เธอไม่ใช่คนโง่เง่าเต่าตุ่น ไม่มีผู้ชายคนไหนยอมรับหรอก ต้องหาข้ออ้างบ่ายเบี่ยงแน่นอน
ยู่ยี่รู้สึกมือและเท้าเย็นเฉียบ เธอ พยายามหายใจเข้าออก เพื่อควบคุมอารมณ์ของตน สุดท้ายเธอก็ไม่ได้โทร เธออยากรู้ความจริงเรื่องนี้ ไม่ใช่ฟังหัสดินอธิบาย ……
เธออยากใช้สายตาตัวเองมองเห็น อยากใช้หูของตัวเองได้ยิน แต่ถึงอย่างไรร่างกายเธอก็อดสั่นเทาไม่ได้……