ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 358 เธออยากได้เงินเท่าไหร
“ถึงจะทำผิดก่อน แต่ก็เคลียร์กันที่อื่นก็ได้ ทำไมต้องโวยวายในสาธารณะด้วย กลัวขายหน้าไม่พอหรือไง”
ชฎารัตน์โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะเรื่องนี้ ตระกูลภูษาธรถูกซุบซิบนินทาอย่างสนุกปากกันแล้ว “วันหน้าตระกูลภูษาธรต้องยืนหยัดในเมือง S ต่อ หัสดินก็จะขึ้นเป็นประธาน陈氏 แต่เธอกลับตบหน้าเขาต่อหน้าคนอื่นมากมาย เธอคิดว่าตบหน้าใส่ใคร?คำตอบคือตบหน้า陈氏 เธอรู้ไหมว่าพวกเธอไม่ใช่สามีภรรยาทั่วไป”
“แต่ก็ต้องเดินเส้นทางเดียวกันกับสามีภรรยาทั่วไป ไม่มีใครหนีพ้น”
ชฎารัตน์ไม่ได้พูดอะไรต่อ สั่งให้โชเฟอร์เตรียมรถไปส่งที่โรงพยาบาล โดยให้ยู่ยี่ตามไปด้วย
ห้องคนไข้ของเรนนี่เป็นห้องวีไอพี บาดแผลตามตัวของเธอหายจนเกือบหมดแล้ว ต้องบอกว่าฝีมือการแต่งหน้าช่างเลิศล้ำมาก ถึงจะใส่ชุดโรงพยาบาล ทว่าใบหน้ากลับแต่งใส อ่อนโยน งามพิสุทธิ์ยิ่ง
“ไม่ว่าเธอจะเป็นใคร ก็ขอให้ออกไปจากชีวิตหัสดินโดยเร็ว วันหลังอย่ามาให้เขาเห็นหน้าอีก เขามีเมียแล้ว”ชฎารัตน์พูดอย่างไม่เกรงใจต่อเรนนี่
ท่านรู้ชื่นชอบในตัวยู่ยี่เสมอมา
เรนนี่ทำหน้าอ่อนแอน่าทะนุถนอม ไม่ได้ตอบอะไร ดวงตาเกิดประกายแสงเมื่อมีน้ำตาไหลริม เธอสะอื้นไห้อย่างน่าสงสารยิ่ง
หัสดินเดินมาเห็นภาพนี้ พลางขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เขากวาดสายตามองยู่ยี่
ยู่ยี่รับรู้ได้ว่าสายตาของเขากำลังตำหนิติเตียนเธออยู่ เขาคิดว่าเธอเป็นคนพาชฎารัตน์มา
นับจากที่รู้จักกันจนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลากว่าเจ็ดปีแล้ว เธอคิดว่ารู้จักเขาดีหมดทุกอย่าง แต่ความจริง ไม่ใช่
ทันใดนั้น ชั่วค่ำคืนเดียวก็รู้สึกว่าเขากลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอ เธออ่านใจไม่ออก มองไม่ทะลุปรุโปร่ง เหมือนเขากลายเป็นอีกคนหนึ่ง ไม่ใช่หัสดินคนเดิม ช่างเป็นคนรู้สึกที่ห่างเหินกันจริง
“แม่มาได้ยังไงครับ?”หัสดินมองไปยังชฎารัตน์ เขายังคงใส่สูทตัวเดิม สีหน้าอิดโรยนิด ๆ
“พวกลูกมีข่าวขึ้นหน้าหนึ่งอย่างนี้ แม่จะไม่มาได้ยังไง?”ชฎารัตน์กล่าวเสียงเย็นเยียบ“จัดการเรื่องเลว ๆ ของลูกให้เรียบร้อยด้วย”
หัสดินเองก็ได้อ่านหนังสือพิมพ์แล้ว เมื่อเขาเดินผ่านถนน ด้านหลังจะมีคนไม่น้อยที่ซุบซิบนินทาเขา เพียงคืนเดียว เขาก็เกือบเป็นที่รู้จักกันหมดแล้ว
ความรู้สึกผิดในใจของเขาถูกการกระทำที่ไม่รู้จักบันยะบันยังของยู่ยี่ตีสลายจนค่อย ๆ หมดสิ้น ……
เขาเคยบอกว่าจะมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลแล้วจะตัดสายสัมพันธ์กับเรนนี่ ทว่าเธอกลับตามมาโวยวายที่โรงพยาบาลจนถูกพาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง
ไม่เพียงเท่านั้น วันนี้ยังพาชฎารัตน์มาด้วย……
“คุณป้า ฉันทำงานที่เมืองS ฉันไปจากที่นี่ไม่ได้ แต่ฉันเป็นคนดึงดูดความสนใจจากเขาก่อน ฉันเป็นคนผิดเองทั้งหมดค่ะ”
ชฎารัตน์ใช้สายตาเย็นยะเยือกมองอีกฝ่ายสองปราด ก่อนจะมองไปยังหัสดินต่อ “ควรจัดการเรื่องนี้ยังไง ลูกรู้ดีกว่าแม่ ถ้าลูกรู้สึกผิดต่อเธอคนนี้ แม่จะให้คนใช้มาดูแลที่นี่ ตอนนี้ลูกกลับบ้านกับยู่ยี่ก่อน”
หัสดินเดินนำหน้า ยู่ยี่เดินตามหลัง รถสีดำจอดอยู่ในบริเวณที่ไม่ไกลออกไป ทว่ายู่ยี่ไม่ได้ขึ้นรถของเขา หากแต่โบกนั่งรถแท็กซี่แทน
สิ่งที่ผู้ชายไม่ชอบที่สุดก็คือการเคี่ยวกรำและการทรมาน และยังมีอีกหนึ่งสิ่งคือ เมื่อความรู้สึกเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง สิ่งที่ตามมาคือเฉกเช่นหมูที่ตายแล้วไม่กลัวน้ำร้อน
สี่ปีก่อนเคยรู้ว่าหัสดินเคยแอบมีชู้ครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นเขารู้สึกละอายแก่ใจยิ่ง ทว่าตอนนี้กลับรู้สึกด้านชา เฉย ๆ
ยู่ยี่รู้ว่าพวกเขาสองคนกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งงแวดล้อมก็ดี หรือหัวใจก็ช่าง ล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด
ภายในคอนโดเงียบผิดปกติ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาอยู่ในห้องเดียวกัน ทว่าก็ไม่มีเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะอีกต่อไป มีเพียงความเงียบและเย็นชา
ตอนกลางคืน หัสดินนอนในห้องนอน ส่วนยู่ยี่ยกหมอนไปนอนที่ห้องหนังสือ
เธอคิดหาสาเหตุที่ทั้งสองคนนอนบนเตียงด้วยกันไม่ได้แล้ว หากทำเช่นนั้นหัวใจเธอจะยิ่งเจ็บปวดมากขึ้น
คนหนึ่งนอนบนเตียง คนหนึ่งนอนบนโซฟา ไม่มีใครรบกวนใครทั้งนั้น
ทว่ายู่ยี่นอนไม่หลับตลอดคืน และไม่อยากนอนด้วย เธอให้ลมหนาวพัดมาสัมผัสเธอตลอดคืน โดยหวังจะให้ตัวเองมีสติและใจเย็น ๆ เข้าไว้
เธอรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องประคับประคองชีวิตคู่อีกต่อไป
หัสดินในตอนนี้ไม่ใช่หัสดินในวันวานแล้ว เขาให้ความรู้สึกแปลกหน้ามาก ซ้ำร้ายคือ หัวใจเขาเหมือนไม่ได้อยู่ที่เธอด้วย
หากหัวใจเขามีเธอจริง เขาคงไม่ไปที่โรงพยาบาลโดยที่เธอเคยห้ามปรามไว้แล้ว คงไม่ไปหาเรนนี่ที่โรงพยาบาลอีก ยิ่งไม่มีทางด่าเธอว่า ผู้หญิงปากร้ายเด็ดขาด ……
ต้นรักที่ร่วมปลูกกันมาเจ็ดปี สุดท้ายคือไม่ได้หวานแหววเหมือนก่อน เมื่อใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย จึงไม่สามารถต้านทานสิ่งยั่วยวนจากโลกภายนอกได้
ชีวิตคู่ต้องประคับประคองกันไปทั้งสองฝ่าย ทว่าเขาที่แปดเปื้อนหรือคุณภาพชีวิตคู่ที่ต่ำลง ยังจำเป็นต้องประคับประคองอีกเหรอ?
ไม่ได้ความจำเป็นนั้นเลย เพราะมีปมในใจแล้ว ก็เหมือนกันกระจกที่แตกตรงกลาง ถึงจะใช้อะไรมาติด แต่ก็มีรอยแตกอยู่ดี
วันต่อมา ตอนที่ยู่ยี่ออกมา หัสดินกำลังกินโจ๊กอยู่ เธอที่ไม่ได้นอนทั้งคืน สีหน้าจึงแย่มาก “เขียนหนังสือหย่าให้เร็วที่สุด”
หัสดินไม่เคยนึกมาก่อนว่าจะหย่ากับยู่ยี่ เขาชะงักค้างชั่วครู่ ก่อนจะวางถ้วยลง แล้วลั่นหนึ่งประโยคออกมา “ผมไม่หย่า”
อยู่ด้วยกันมาเจ็ดปี ต่างฝ่ายต่างกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว กลายเป็นความเคยชินและหน้าที่ไปแล้ว
หรือสำหรับเขา ตอนนี้มีเพียงหน้าที่และความรับผิดชอบเท่านั้นที่มีอยู่
ถึงเขาจะแอบคบเรนนี่ แต่ก็ไม่เคยคิดหย่า
ถึงแม้เธอจะทำให้หัสดินอย่างเขาขายหน้า แต่เขาก็ยังไม่อยากหย่ากับเธอ
เขายอมรับผิดได้ และสามารถแก้ตัวได้ แต่เธอต้องไม่คาดคั้นมากจนเกินไป
ยู่ยี่รู้สึกตลกสิ้นดี ชีวิตคู่เช่นนี้ ไม่หย่าแล้วจะอยู่ต่อกันยังไง?
นาโนกับเชอร์รีนมาหาเธอตอนเที่ยง โดยซื้อของบำรุงติดมือมาด้วย หัวเด็ดตีนขาดยังไงนาโนก็ไม่ยอมให้เรนนี่ที่หน้าไม่อายมีความสุขเด็ดขาด
“อันที่จริงชีวิตคู่มาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่หย่าก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ เธอกับหัสดินกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว หากไม่หย่าจะยิ่งทำให้ตนเจ็บหนักกว่าเดิม หากหัสดินกับเรนนี่รักกัน ใครจะขัดขวางได้?
หากยืดเยื้อต่อไป จะยิ่งทำให้ตัวเองน่าสมเพชมากขึ้น มองหน้ากันไม่ติด ถ้าเป็นฉัน ฉันจะเดินต่อไปโดยไม่หันหลัง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็ขึ้นอยู่กับความคิดของยู่ยี่ ……”
“ฉันไม่อยากเห็นไอ้คนไร้ยางอายมีความสุข ถ้ายู่ยี่หย่าก็มีตำแหน่งว่างให้มันสวมรอยหน่ะสิ มันมีสิทธิ์อะไร”
ยู่ยี่รู้ว่าเพื่อนรักทั้งสองต่างก็มีเหตุผลเป็นของตัวเอง เธอรู้สึกสับสนมาก
ทว่าความคิดที่จะหย่าโผล่ขึ้นกลางสมองอย่างเด่นชัดมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอเหนื่อยแล้ว เหนื่อยทั้งร่างกายและหัวใจ
……
ส่วนหัสดินไปหาเรนนี่ที่โรงพยาบาล บอกอีกฝ่ายว่าจะตัดขาดกับอีกฝ่ายตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
“คุณอยากได้เงินเท่าไหร่ บอกผมได้”