ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 362 เริ่มชอบบรรยากาศแบบน
เวลาที่นาโนด่าจะด่าแพรดจะหยิบทั้งตระกูลบรรพบุรุษของฝ่ายตรงข้ามออกมาทักทาย แต่ว่าเชอร์รีนไม่เหมือนกัน เธอไม่เคยใช้คำหยาบแต่กลับทำให้ฝ่ายตรงข้ามเจ็บ
นัยน์ตาลึกของเรนนี่สั่นคลอนน้อยๆ มือที่อยู่ข้างกายหยิกที่เนื้ออ่อนกลางฝ่ามือ แต่ไม่ถึงสามวินาทีก็กลับมายิ้มสดใสเหมือนเดิม
ยู่ยี่ยิ้มอย่างเยือกเย็น ยกแก้วน้ำอุ่นขึ้นดื่ม
“วันนี้ฉันให้พี่พี่ยู่ยี่มาเพราะมีเรื่องจะพูดด้วย” เรนนี่ยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบ “ระหว่างฉันกับเขามันสิ้นสุดลงแล้วนะคะ หลังจากนี้ไม่มีความสัมพันธ์ใดกันอีก”
ยังคงมองเธอด้วยสายตาที่เยือกเย็น ยู่ยี่รู้สึกว่าน่าขำน่าหัวเราะเยาะ
“ที่ฉันพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริงค่ะ ทุกคำพูด ทุกตัวอักษรเป็นจริงทั้งหมด ฉันหวังอยากให้พวกคุณกลับมาดีกันเหมือนเดิมด้วยใจจริง”
“งั้นก็สาบานสิ สาบานยิ่งแรงยิ่งดี…..” ยู่ยี่ยกน้ำอุ่นขึ้นดื่มอีก แววตาเยือกเย็นแล้วเอ่ยปากพูดขึ้น
“……” เรนนี่ตะลึง หลังจากนั้นก็พูดว่า “ได้ค่ะ”
ยู่นี่วางแก้วน้ำลง “แกกับเขาเริ่มคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ครั้งนั้นหลังจากที่เมา ฉันก็ออกมาแล้วค่ะ ช่วงเวลานั้นร่างกายเพิ่งผ่านการผ่าตัดเสร็จอ่อนเพลียมาก สภาพของฉันก็ลำบาก เพราะต้องชดใช้เงิน เขาให้ฉันยืมเงินหลายครั้ง ฉันก็ไม่มีสิ่งของอย่างอื่นที่จะมอบให้เขา ก็เลยส่งจดหมายให้เขาหลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก จนกระทั่งมาติดต่อกันอีกเมื่อก่อนหน้านี้ที่ฉันเป็นผู้รับผิดชอบของจิราซูกรุ๊ป เขาเป็นตัวแทนของภูษาธรกรุ๊ป
เพราะงานมีปัญหาเลยอาจจะไม่อยากจะติดต่อกับฉัน เขาให้ประธานของจิราซูเอาชื่อฉันออกจากผู้รับผิดชอบ ที่ฉันได้แผนธุรกิจนั้นเพราะว่าฉันต้องการเงิน แม่ฉันป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล ไม่มีสัญญาฉันก็ต้องหาวิธีอื่นอยู่แล้ว ดังนั้นเลยไปเป็นบาร์เทนเดอร์ที่ผับ
ผลก็คือไปเจอคนวางยาในผับ โดนวางยาปลุกอารมณ์ ตอนที่ถูกคนนำตัวไป เขาได้ช่วยฉันไว้ หลังจากนั้นทุกอย่างก็เลือนลาง ฉันถูกวางยาปลุกอารมณ์เริ่มมาจากคนพวกนั้น เขาแค่ผู้รับเคราะห์….”
เรนนี่ได้ปิดบังเรื่องบางสิ่งบางอย่างไว้ แต่พอได้พูดคำเหล่านี้ออกมา กลับทำให้ยู่ยี่ยากที่จะรับได้
“แล้วหลังจากเรื่องนั้น เขาพูดว่าพวกเราอยู่ด้วยกันอย่างนี้เถอะ ฉันตอบตกลง ฉันเฝ้าคอยมานานก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปฏิเสธไม่ใช่หรอคะ?”
พวกเราอยู่ด้วยกันอย่างนี้เถอะนะ คำพูดนี้ออกมาจากปากของหัสดินเอง ยู่ยี่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนพูดขึ้นมาเอง!
อึดอัดใจจนอยากจะตาย เธอเอามือจับที่หน้าอกแน่น สีเลือดข้างแก้มค่อยๆในชั่วพริบตาเดียวถอยหาย เปลี่ยนเป็นซีดขาวไม่มีแม้แต่สีเลือด
เธอคิดว่าเรนนี่ยั่วยวนเขา ใจเขาอยากแต่ทำเป็นปฏิเสธ คิดไม่ถึง! คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นแบบนี้!
ใจกำลังพังทลาย พังทลายลงมา อาการหายใจไม่ออกที่สิ้นหวังนั้นเป็นเหมือนแม่น้ำที่ปกคลุมเข้ามาแย่งลมหายใจของเธอไป
นั่นเป็นสามีของเธอ เป็นส่วนหนึ่งของเธอ และก็เป็นคนที่เธอเชื่อใจที่สุดในโลก ตอนนี้กลับทำร้ายเธออย่างแสนเจ็บปวด อย่างถึงที่สุด!
เชอร์รีนก็ตะลึงเหมือนกัน เธอคิดไม่ถึงว่าคำนั้นหัสดินจะเป็นคนพูดเอง!
“พวกเราคบกันไม่ได้นาน หลังจากนั้นก็ถูกจับได้ ตอนนี้ตัดสินใจแยกย้าย เรื่องก็มีแค่นี้…..”
“เรื่องที่เธอควรพูดก็ได้พูดออกมาแล้ว ตอนนี้ก็รีบๆไปให้พ้นจากหน้าพวกเราได้แล้ว” สายตาของเชอร์รีนเยือกเย็น
ยู่ยี่กลับยกมือขึ้นตบหน้าเรนนี่ “ไสหัวไป!”
เรนนี่กลับไม่โกรธ “เรื่องนี้เป็นความผิดของฉันอยู่แล้ว ฉันก็ควรที่จะได้รับ”
เธอออกไปด้วยใบหน้าที่เป็นรอยมือ ตรงที่นั่งเหลืออยู่แค่ยู่ยี่กับเชอร์รีน เธอหลับตาลงแล้วกอดที่หัวของเธอ
“ยู่ยี่…” เชอร์รีนปวดใจไม่หยุด
ตรงหน้าของยู่ยี่นั้นมืดสนิท เหมือนตกลงไปอยู่ในน้ำลึก ทิศทางทั้งสี่ด้านมืดไปหมด สิ้นหวังมืดมน โลกได้ล่มสลายลง
“คนที่ฉันเชื่อใจที่สุดคือเขา คือเขา แต่เขากลับทำกับฉันอย่างนี้!”
ขนาดพ่อเธอยังไม่เชื่อเลย ทั้งโลกนี้นอกจากแม่ที่ล่วงลับไปแล้ว คนที่เธอเชื่อมั่นที่สุดก็คือเขา!
เชอร์รี่รับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดได้ เธอไม่กล้าที่จะเรียกเธอเสียงดัง
เธอก็พบกับออกัสอย่างบังเอิญในพิธีงานแต่งงานของยู่ยี่ จะพูดได้ว่าเป็นเพราะชีวิตของเธอในตอนนี้ถึงมีความสุขได้อย่างนี้
แต่ตัวเธอเองกลับเหลือฉากนี้ในตอนนี้….
นาโนโทรศัพท์ สีหน้าดูตื่นเต้นผิดปกติ เพราะเธอกับเทพบุตรในใจได้บังเอิญพบกันอีก เลยให้เชอร์รีนไปหา
เดิมทีเชอร์รีนไม่อยากไป แต่จะให้เธอกลับบ้านอย่างนี้ เธอจะวางใจได้ยังไง?
อาหารค่ำไม่ได้กิน นาโนก็มาอยู่ที่ร้านอาหารพอดี เชอร์รีนก็วางแผนจะให้ยู่ยี่ไปด้วย ให้กินอะไรบ้างจะได้พูดโน้มน้าวใจไปด้วย
ตอนนี้ยู่ยี่ชาไปหมด ไม่มีความรู้สึกใดๆ ในเวลานี้ก็ให้เชอร์รีนนำตัวเธอไป
……
หัสดินยังรอเรนนี่อยู่ที่โรงพยาบาล หลังจากที่รออยู่นานก็เห็นข้างใบหน้าของเธอมีรอยมือปรากฏอยู่
สรุปว่ารอยมือนั้นคือยังไง ไม่ต้องให้เรนนี่พูด เขาก็รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น จะต้องเป็นยู่ยี่ที่ทำ!
“วันหลังคุณไม่ต้องไปเจอเธออีก ไม่มีความจำเป็น” เสียงของหัสดินเยือกเย็น
เรนนี่ยื่นมือมาแตะข้างแก้มที่บวม ไม่เอ่ยอะไร แล้วส่ายหน้าว่า “ไม่เป็นไรค่ะ”
สีหน้าของหัสดินยังคงเยือกเย็น ให้นางพยาบาลเอาน้ำแข็งเข้ามาประคบหน้าให้เธอ
ยู่ยี่ในตอนนี้ไม่เหมือนยู่ยี่เมื่อก่อนแล้วจริงๆ ยู่ยี่ในแต่ก่อนใช้วาจาทำร้ายผู้อื่นอย่างนี้ซะที่ไหน?
เรนนี่ไม่พูดไม่จา เธอเก็บข้าวของอย่างเงียบๆ เงียบขนาดที่ว่าเอาผมทัดที่หลังหูก็ยังเงียบ
นี่ทำให้ความวุ่นวายใจของหัสดินเพิ่มยิ่งขึ้น คิ้วเขาขมวดขึ้น
……
ร้านอาหาร
นาโนนั่งอยู่ที่ด้านหน้าโต๊ะ แต่ฉันทัชกลับนั่งอยู่ที่เก้าอี้ที่นั่งทางด้านหลัง
“ทำไมเธอถึงมานั่งที่นี่คนเดียว?” เชอร์รีนมองนาโนอย่างตกใจ
“เดิมทีฉันอยากไปหาเธอกับยู่ยี่นะ แต่ในขณะที่ผ่านร้านอาหารนี้ก็บังเอิญเห็นเทพบุตร หลังจากนั้นก็เลยดินเข้ามา ออร่าเขาหนักมาก เสน่ห์ดึงดูดเหลือล้น ฉันเลยอายที่จะไปทักทายเขา…….”
ได้ฟังคำนี้ออกจากปากของนาโน เชอร์รีนรู้สึกว่านี่เป็นอะไรที่พบได้ยากมาก
ครั้งนี้คนที่อยู่ด้านตรงข้ามของฉันทัชไม่ใช่อาคิระแต่เป็นชายสวมชุดสูท ไม่รู้ว่าคนทั้งสองกำลังคุยอะไรกัน ท่าทางสง่าและชิวๆ
หลังจากที่สั่งอาหารมาแล้ว ยู่ยี่ไม่ได้แตะเลย เชอร์รีนปวดใจพลางถอนหายใจ
เริ่มกินอาหารไปได้ไม่นาน ดนัยก็โทรมา หลังจากนั้นนาโนก็ออกไป
แต่ก่อนคิดว่าแค่อยู่ด้วยกันก็จะอยู่ด้วยกันไปแก่เฒ่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าเป็นเพียงแค่ความโง่เขลาที่คิดไปเองของเธอ
เธอลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดไป ในขณะเดียวกันก็เป็นสิ่งที่ถึงแก่ชีวิต ใจคนมันเปลี่ยน ใจคุณไม่เปลี่ยน ก็ไม่ได้แปลว่าใจคนอื่นจะไม่เปลี่ยนนะ…..
เชอร์รีนอยากจะพูดโน้มน้าวยู่ยี่ แต่ยู่ยี่ไม่ฟังคำพูดของเธอเลย ตกอยู่ในห้วงความคิดของเธอเอง จนถอนตัวไม่ได้
ถอนหายใจ เธอเอาร่างของยู่ยี่ให้ลุกขึ้นมา คืนนี้เธอไม่วางใจให้เธอนั้นกลับบ้าน คืนนี้ยู่ยี่จะต้องนอนด้วยกันกับเธอ!
ตอนที่เดินออกจากร้านอาหาร มีโทรศัพท์โทรเข้ามา เชอร์รีนเดินไปข้างหน้าสองก้าวเพื่อรับสาย แต่ยู่ยี่ที่เลื่อนลอยกลับอยู่ด้านหลังของเธอ
ยู่ยี่ก้มหน้าตลอดเวลา ตอนที่เดินมาถึงหน้าประตูหมุนก็ให้รู้สึกว่าข้างหน้ามีเงาดำโถมเข้ามา เธอเงยหน้าขึ้นแต่กลับชนเข้ากับแผงอกที่แข็งแรง
“ก้มหน้าก้มตาเดินตลอด เก็บเงินได้หรอครับ?” ฉันทัชมือข้างนึงลวงกระเป๋ากางเกงสูท เดินถอยหลังไปก้าวนึง ยื่นมือไปผลักประตูหมุน เสียงทุ้มนั้นอยู่ด้านบนของศีรษะเธอ
ได้สติ ยู่ยี่เงยหน้าขึ้น สีหน้าซีดขาว ฉีกยิ้มมุมปากทื่อๆ “ขอโทษค่ะ”
“อื้ม…..” ฉันทัชหรี่ตา เอาสีหน้าของเธอเข้ามาในม่านตาและพิจารณา ดูเหมือนว่าเธอกับเจอกับเรื่องอะไร ท่าทางฉ้อกล
หลังจากนั้น ยู่ยี่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เธอรู้สึกเหนื่อย รู้สึกเจ็บ ไม่อยากที่จะพูดอะไร
ในขณะนั้นเชอร์รีนก็ได้เดินเข้ามาทักทายว่า “คุณฉันทัช”
“ไม่ได้เจอกันนานเลย….” ฉันทัชค่อยๆเอ่ยปากทักทายขึ้นอย่างสุภาพบุรุษและสง่าอย่างเป็นกันเอง แล้วก็มาจบที่คำถามนี้พอดี “ตอนนี้จะกลับบ้านหรอครับ?”
คำพูดสุดท้ายนี้เขาถามยู่ยี่ แต่เธอไหลไปกับห้วงความคิด ไม่ตอบสนองใดๆ
“ขอโทษค่ะคุณฉันทัช ตอนนี้เธออาการไม่ค่อยดี” เชอร์รีนพูด “ตอนนี้พวกเราจะกลับบ้านกัน”
“ผมให้โก๋ไปส่งพวกคุณ…..”
เชอร์รีนรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ”
“ผมยังมีเรื่องต้องจัดการ เลยยังไม่ต้องใช้รถ” ฉันทัชฉีกยิ้มจางๆ
โก๋กำลังรออยู่ ฉันทัชพยักหน้าน้อยๆ เขาก็เข้าใจว่าหมายถึงอะไร รีบหันตัวกลับไปขับรถ
ประตูรถเปิดออก ร่างที่สูงใหญ่ของฉันทัชโค้งน้อยๆ แขนที่เรียวยาวแข็งแรงหยิบเสื้อคลุมสีดำออกมา แม้ว่าจะเป็นการคลุมที่ไหล่อย่างง่ายๆ แต่กลับเผยถึงความขรึม สง่างามอย่างมีพลัง
ความรู้สึกดีๆยากที่จะปฏิเสธ เชอร์รีนพายู่ยี่นั่งที่รถ
ฉันทัชกับเพื่อนๆยืนอยู่กับที่ รอจนรถออกไป เขาถึงหันตัวกลับเดินเข้าไปกับเพื่อนๆ
ไม่ใช่แค่นาโน ขนาดเชอร์รีนก็ยังรู้สึกถึงความสง่ากับความสูงศักดิ์และความสุภาพบุรุษที่แผ่ออกมาอย่างมาก
ผู้ชายที่มีความเป็นผู้ใหญ่และหล่อเหลาอย่างนี้ เธอคิดข้างกายคงไม่ขาดสาวๆหรอกนะ….
เชอร์รีนบอกกับคนรับใช้ไว้ก่อนแล้วว่าให้จัดห้องให้เรียบร้อย เธอจะให้ยู่ยี่ไปอยู่ที่นั่น
ยู่ยี่ไม่ยอม เธอยังคงอยากที่จะอยู่เงียบๆคนเดียว อยากกลับไปที่อพาร์ทเม้นท์ เชอร์รีนไม่มีทางเลือกอื่นจริงๆ เลยทำได้แค่ตอบตกลงให้เธอกลับไป
ตอนที่จะกลับ เธอกำชับยู่ยี่ว่าถ้ามีอะไรต้องโทรหาเธอเป็นคนแรก
พยักหน้าเสร็จ รถก็ได้เคลื่อนตัวออกไป ยู่ยี่เหม่อมองไปที่หน้าต่าง โก๋ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่เขาตั้งหน้าตั้งตาขับรถอย่างตั้งใจ
ที่อพาร์ทเม้นท์มืดมาก หลายวันมานี้แม่บ้านกลับไปค่อนข้างที่จะเร็ว เดินเข้าห้องเหมือนวิญญาณที่ไร้ร่าง เธอนั่งอยู่บนเตียง สายตามองไปที่แสงในยามราตรี
ความเงียบสงัดมาโอบล้อมเธอ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เธอเริ่มที่จะชอบบรรยากาศแบบนี้
อีกฝากนึง
โก๋กำลังขับรถเข้าตัวเมือง สายตามองไปก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าที่วางไว้บนเบาะหลัง
เขาจึงโทรหา “ คุณฉันทัชกระเป๋าของคุณยู่ยี่ถูกทิ้งไว้ในรถ ถ้าคุณไม่รีบใช้รถผมจะเอากระเป๋าไปคืนเธอก่อนนะครับ”