ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 372 ไม่มีอะไรต้องละอาย
เรนนี่ใช้โทรศัพท์มือถือของหัสดินลงภาพดังกล่าว และใช้เวลาไม่นานก่อนที่จะลบ
ไม่จำเป็นต้องลงไว้ตลอด แค่ให้คนที่ควรเห็นเห็นเท่านั้น เธอเห็นว่าวีแชทของเธอออนไลน์อยู่จึงจงใจลงมาแบบนั้น
ตอนนี้เธอเร่งรีบเกินไปไม่ได้ เธอต้องค่อยๆทำทีละขั้น
สองมาวันนี้หัสดินมานอนพักที่คฤหาสน์นี้ตลอด เธอเชื่อว่าสิ่งที่เธอต้องการจะได้รับในอนาคตอันใกล้
เธอหัวเราะเบาๆ เธอบอกแล้ว หัวใจของยู่ยี่นั้นบริสุทธิ์และอบอุ่นเกินไป จัดการนิดเดียว เธอก็ลืมประโยคนั้นไป
เมื่อคนสองคนคบกัน ผู้ชายชอบความไร้เดียงสาของผู้หญิงมากที่สุด แต่หลังจากผ่านช่วงโปรโมชั่นไป ผู้ชายจะไม่ชอบมันแล้ว
จัดผ้าปูเรียบร้อยแล้วโรยน้ำหอมให้ทั่วๆ น้ำหอมกลิ่นไม่เบานัก เรียกได้ว่าเป็นกลิ่นยั่วยวน เธอชอบน้ำหอมกลิ่นยั่วยวน เพื่อให้มีความดึงดูด
เธอเปลี่ยนผ้าม่านทั้งหมดของคฤหาสน์ และเปลี่ยนสีดำทั้งหมดเป็นสีแดงสด เมื่อม่านถูกดึงออก แสงก็ฉายส่องลงมา ทำให้มีบรรยากาศที่อธิบายไม่ได้…
หัสดินออกมาจากห้องน้ำ สวมเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวเดินไปข้างหน้า เรนนี่ยืนนวดอยู่ข้างหลังเขา เพื่อให้เขาผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ
หัสดินได้รับการผ่อนคลายที่หายากนี้จึงหลับตาลง
ห้องเงียบมาก มีเพียงเสียงลมหายใจของพวกเขาที่ปะปนกัน จากนั้นก็มีอีกความรู้สึกหนึ่ง…
เรื่องหางาน ยู่ยี่ยังไม่มีแผนที่จะเลิกหา เธอวางแผนที่จะหางานแบบนี้ต่อไป
จากนี้ไปเธอต้องอยู่คนเดียว และเธอต้องเลี้ยงตัวเอง
เมื่อกำลังจะออกไป เชอร์รีนกับนาโนก็เข้ามา พวกเขาถืออาหารมาจำนวนมาก และยังมีกระถางต้นไม้ซึ่งกำลังเบ่งบานอย่างแข็งแรงอยู่หลายต้น
เมื่อเห็นสภาพของเธอ เชอร์รีนก็ถามว่า “ข้างนอกฝนยังตกหนักมาก เธอจะไปไหน”
“กำลังหางาน” เธอไม่ปิดบัง
“ร่างหายยังอ่อนแอเกินไป ออกไปหางานทำไม! ถ้าเธอต้องการงานจริงๆก็ไปสมัครที่บ้านสิริไพบูรณ์” เชอร์รีนกล่าว
ยู่ยี่ส่ายหัว สัมผัสได้ถึงความเหงาและความขมขื่น “เชอร์รีน ฉันเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ”
เชอร์รีนงงงวยและถามเธอว่าทำไม ยู่ยี่จึงบอกเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อเธอไปสมัครงาน “ฉันใช้ชีวิตได้ดีเกินไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และในอนาคตฉันจะต้องอยู่คนเดียว ฉันจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ฉันอายุยี่สิบเจ็ดแล้ว ไม่ใช่เด็กๆแล้ว” เมื่อได้ยินเชอร์รีนก็ไม่ได้ห้ามเธออีกต่อไป ทุกคำพูดของยู่ยี่สมเหตุสมผล ดังนั้นเธอจึงไม่มีเหตุผลที่จะหยุดเธอ
นาโนไม่ได้ห้ามเธอแต่บอกว่า “การเรียนรู้ที่จะเติบโตขึ้นเป็นสิ่งที่ดีเสมอ”
เกี๊ยวที่ทั้งสามกินที่บ้านตอนเที่ยงทำโดยเชอร์รีนและยู่ยี่ นาโนไม่ได้แตะน้ำเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นสิ่งเดียวที่เธอช่วยได้คือเตรียมชามและตะเกียบ
ตอนบ่ายเธอหางานทำต่อไป วันนี้เธอโชคดีได้งานที่บริษัทซีวายเขาให้เธอไปทำงานในวันถัดไป
เมื่อกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ เธอก็ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทซีวายจากอินเทอร์เน็ต บริษัทไม่เล็ก และเป็นบริษัทใหม่ใน เมืองs แต่มีความแข็งแกร่งและมีอนาคตมากที่สุด
ปัญหาทุกอย่างมีทางออกเสมอ ในที่สุดยู่ยี่ก็หาทางออกได้ เธอเริ่มรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย เรายังรู้สึกตื่นเต้นด้วย
ในที่สุดเธอก็หางานแรกในชีวิตได้!
เวลาทำงานคือแปดโมง เธอตื่นหกโมง อาบน้ำกินข้าว จากนั้นก็ขึ้นรถไฟฟ้า บนรถไฟฟ้าคนเยอะมาก เธอโดนเบียดจนเริ่มรู้สึกหอบเหนื่อย แต่ในที่สุดเธอก็มาถึงบริษัทโดยที่ไม่สาย
คนที่ได้งานพร้อมกับเธอมีสองคน ทั้งคู่อายุยี่สิบต้นๆ เป็นผู้หญิง
ผู้จัดการแผนกบุคคลเดินเข้ามาและเริ่มมอบหมายงานให้ทั้งสามคน ผู้หญิงทั้งสองคนถูกแยกไปทำงานในสำนักงาน เหลือเพียงเธอแค่คนเดียว
“ตั้งแต่นี้ไป เธอทำความสะอาดห้องน้ำก็แล้วกัน” ผู้จัดการพูด
ยู่ยี่ตะลึง ขมวดคิ้วพูด “ทำความสะอาดห้องน้ำหรอคะ”
“วันนี้แม่บ้านทำความสะอาดลาออก ยังไม่มีคนทำความสะอาดห้องน้ำ เธอเริ่มไปทำความสะอาดห้องน้ำก่อนแล้วกัน ถ้าตำแหน่งว่างเมื่อไหร่ ค่อยว่ากันอีกที”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นเด็กสาวสองคนที่ยืนอยู่ก็ยิ้มทันที ส่วนยู่ยี่ก็รู้สึกอึดอัดจนหน้าแดง
ผู้จัดการยังรอคำตอบของเธอ “จะทำไม่ทำ”
หลังจากลังเลสักพักเธอก็พยักหน้า “ทำค่ะ”
เมื่อมาถึงแผนกที่ทำงานของตัวเอง เธอก็เปลี่ยนใส่ชุดแม่บ้านเป็นสีฟ้า ชุดหลวมมาก ไม่มีความสวยอะไรเลย
บริเวณที่ทำงานของเธอคือล็อบบี้ชั้นหนึ่ง รวมถึงสำนักงานชั้นหนึ่ง ซึ่งเธอต้องรักษาความสะอาดตลอด
ไม่มีทางที่เธอจะบอกว่าไม่เขิน ล็อบบี้ชั้นหนึ่งเป็นบริเวณที่ทุกคนต้องเดินผ่านไปมา เธอจึงรู้สึกน่าละอาย
คนที่ทำงานกับเธอเป็นคุณป้าอายุสี่สิบกว่าแล้ว เธอทำงานอย่างเรียบร้อย และยิ้มอยู่เสมอ
เธอทำครั้งแรก น้านาโนเป็นคนสอนเธอ บอกเธอว่าแต่ละที่ควรทำยังไง ทำยังไงถึงจะสะอาด เมื่อทำความสะอาดเสร็จ ทั้งคู่ก็ซื้อกาแฟสองแก้วและนั่งดื่มบนพื้นพลางพูดคุยกัน
น้านาโนพูดว่าเดี๋ยวนี้วัยรุ่นมักจะห่วงสวย ถึงจะไม่มีเงินก็ไม่ยอมทำอาชีพนี้ พวกเธอรู้สึกว่าน่าอาย คุณไม่เลวเลย ที่จริงทำอะไรก็ได้เงินทั้งนั้น จะแย่กว่าสูงส่งไม่สูงส่งทำไม ต่างก็ใช้สองมือของตัวเองหาเงินทั้งนั้น
ยู่ยี่ยิ้ม ความรู้สึกอายในใจหายไปหมด มันก็ถูก ทำงานนี้มีอะไรให้น่าอาย
เธอมีแผนในใจแล้ว บริษัทไม่มีตำแหน่งว่าง แถมรากฐานของเธอก็ไม่มั่นคง เธอใช้โอกาสนี้เริ่มเรียนก็ถือว่าดีเหมือนกัน
ชีวิตค่อยๆเป็นปกติมากขึ้น ตื่นนอนตอนหกโมงเช้า กินข้าวเสร็จก็รีบไปบริษัท ทำความสะอาดกับน้านาโนเสร็จก็พูดคุยกันสักพัก จากนั้นในกระเป๋าก็พกหนังสือไปสองเล่ม มีเวลาก็หยิบขึ้นมาอ่าน ตอนเย็นเมื่อกลับมาถึงบ้านก็เรียนอีกสองชั่วโมง แล้วอาบน้ำเข้านอน
ตอนนี้การอยู่คนเดียวกำลังค่อยเป็นค่อยไป ความเจ็บปวดเหล่านั้นไม่ได้กลับมาอีกแล้ว ถึงตอนนี้เธอจะโดดเดียว แต่เธอก็อิ่มเอม
เธอทำอย่างนี้ไปหนึ่งสัปดาห์ จากนั้นก็เริ่มชินกับชีวิตแบบนี้ ตอนไปที่ห้องน้ำ เธอก็ได้ยินเสียงพนักงานสองคนคุยกัน
“เธอเห็นแม่บ้านคนใหม่ที่เข้ามาไหม เสื้อผ้าที่ใส่มาทำงานทุกวันคือชุดชาแนล ชุดแบรนด์ดังระดับโลก”
“ต้องเป็นของปลอมแน่ ถ้ามีเงินขนาดนั้น จะมาเป็นแม่บ้านทำไม”
ทั้งสองคนพูดอย่างขำขัน และมันก็ดังเข้ามาในหูของยู่ยี่ ยู่ยี่ได้แต่ถอนหายใจใบหน้าขมขื่น