ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 384 ตอบคำถามเพียงพอแล้ว
วินาทีต่อมา รูม่านตาของเธอก็หดเล็กลง ใบหน้าที่หล่อเหลาดูดีของเขาสะท้อนอยู่ในดวงตาของเธอ ริมฝีปากอุ่นๆเข้ามาใกล้
ยู่ยี่ตัวแข็งทื่อราวกับท่อนไม้
ฉันทัชเข้ามาใกล้ร่างของเธอ โอบเอวบางของเธอเบาๆ ลูบไล้ริมฝีปากของเธอด้วยความอ่อนโยน : “หลับตาครับ….”
ร่างของยู่ยี่อ่อนยวบ รู้สึกชา ตรงที่ถูกลูบไล้นั้นรู้สึกชาเหมือนกับมีกระแสไฟไหลผ่าน เธอดึงสติกลับมา เธอรู้สึกโมโหเล็กน้อย หลับตาอะไรกัน!
เขาขังเธอเอาไว้ ด้วยแรงที่ไม่มากนัก แต่สามารถเรียกได้ว่าอ่อนโยน แต่กลับทำให้เธอไม่สามารถดิ้นหลุดได้
เธอยังคงไม่ยอมหลับตา ดิ้น คุมเชิง ต่อต้าน ฉันทัชเชยคางเธอขึ้นมา มองสบตากัน แววตาที่ลึกซึ้งของเขาสัมผัสเข้ากับริมฝีปากที่อ่อนโยนของเธอ แล้วประทับจูบลงไป
ดวงตาดำของเขาจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง ราวกับจะใช้ความอ่อนโยนทั้งหมดกับเธอ
แก้มของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างรุนแรง หัวใจก็ยิ่งเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว เธอดิ้นไม่หลุด หลีกเลี่ยงสายตาเขา ไม่สบตากับเขาอีก ไม่ว่าจะเป็นทางด้านไหน เธอก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาทั้งนั้น
ไฟในห้องนั้นเป็นแสงสีเหลืองสลัวๆ นุ่มนวล แต่บรรยากาศกลับรุ่มร้อนราวกับเปลวไฟ
เขาจูบเบามาก นุ่มนวลมาก แต่กลับนานมาก
ฉันทัชกลับถอยร่างออกมา เสื้อเชิ้ตของเขาถูกเธอจับเสียจนเป็นรอยยับ ริมฝีปากบางผละออกมาแล้ว แต่กลับไม่ได้ออกมาเลยเสียทีเดียว ย้ายไปที่ดวงตาและหน้าผากของเธอ เขาจูบลงเบาๆ แผดเผา รุ่มร้อน ดึงดูด
ความชื้นที่แพร่ออกมาทำให้ยู่ยี่ดึงสติกลับมาได้อีกครั้ง เธอใช้แรงผลักเขาออกอย่างรู้สึกเสียหน้าและโมโห
“ผมตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองเอาไว้ไม่ได้…..” เสียงของฉันทัชแหบพร่า เอ่ยขึ้นเบาๆ : “แต่ผมก็จะรักษาความเคารพที่มีต่อคุณ ขอโทษนะครับ…..”
ดังนั้น ในช่วงสุดท้าย จูบลงบนดวงตาและหน้าผากของเธอ ก็ไม่มีต่ออีก
เงยหน้าขึ้นมา ยู่ยี่สบตากับเขา ดวงตาของเขายังคงดูหนักหน่วง ความต้องการในนั้นรุนแรงแต่ซ่อนอยู่ลึก หัวใจรู้สึกวุ่นวายอยู่บ้าง
เธอไม่ใช่เด็กๆ ความใจร้อนวู่วามของเขาสามารถอธิบายทุกอย่างได้ แต่ก็รับรู้ได้ถึงความเคารพที่เขามีต่อเธอในตอนสุดท้าย
ยู่ยี่หน้าแดงหูแดงไปหมด นิ้วมือเอาผมเหน็บไปทางด้านหลัง พลางเอ่ยขึ้น : “ฉันง่วงแล้วค่ะ”
นี่เป็นการออกคำสั่งไล่แขกอย่างไม่ต้องสงสัย ฉันทัชลุกขึ้น แล้วหยิบเสื้อคลุมสีดำขึ้นมาใส่เอาไว้ : “ฝันดีนะครับ”
หันหลังกลับไป ยู่ยี่ไม่ได้สนใจเขา
มูซานจอดอยู่ทางด้านล่าง ขายาวเดินไป ฉันทัชขึ้นไปบนรถ รัดเข็มขัดนิรภัย มือใหญ่ที่เห็นข้อชัดเจนนั้นนวดตรงหว่างคิ้วเล็กน้อย เมื่อครู่นี้ เขาใจร้อนไปอยู่บ้าง
เขาอายุสามสิบเจ็ดแล้ว การควบคุมอารมณ์และการควบคุมตนเองนั้นแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปเป็นร้อยเท่า แต่สุดท้ายก็ยังใจร้อนอยู่ดี…..
ยู่ยี่ปิดหน้าตัวเอง ย้ายจากโซฟามาบนเตียง พลิกตัวไปมาอย่างไม่ง่วง
นึกไปถึงเรื่องเมื่อครู่แล้ว แก้มของเธอก็แดงขึ้นมา ตอนแรกก็รู้สึกประหลาดใจ จากนั้นเธอก็คิดจะผลักเขาออก แต่การกักขังของเขานั้นแน่นหนาเกินไป
แต่ทำไมสุดท้ายแล้วก็ถลำเข้าไปได้ เป็นเพราะเขาอ่อนโยน หรือว่าเป็นเพราะจูบของเขาเหนือชั้นเกินไป หรือเป็นเพราะทั้งหมดนี้?
ถ้าหากสุดท้ายไม่ใช่การผละออกไปของเขา เธอจะถลำลึกตามเขาไปหรือเปล่า?
ยู่ยี่รู้สึกขายหน้า รู้สึกอับอาย เธอซุกหน้าเอาไว้ใต้หมอน ขาเตะผ้าห่มไปทั่ว เหมือนกับที่นาโนพูดไว้ ว่าเขาเป็นผู้ชายที่อันตรายมากเกินไปจริงๆ!
ไม่ได้นอนมาทั้งคืน ผลลัพธ์คือทำให้วันรุ่งขึ้นไม่คึกคักมีชีวิตชีวา ขอบตาดำ และมักจะรู้สึกง่วงนอน
ผู้จัดการเรียกเธอมาที่ออฟฟิศ ชื่นชมเธออย่างเกินความเป็นจริง คำพูดแต่และแบบก็ใช้แสดงออกมาทั้งหมด มุมปากของเธอกระตุก ไม่ได้เอ่ยพูดอะไรออกมา
สุดท้ายแล้ว ผู้จัดการก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ว่าเย็นนี้ให้ทุกคนไปรับประทานอาหารร่วมกัน เขาจะเป็นคนเลี้ยงเอง
ยู่ยี่คิด งานนี้เธอเป็นคนได้รับมันมา คนที่ไม่รู้เรื่องคงคิดว่าผู้จัดการเป็นคนได้มาเอง ใบหน้าเขาที่ยิ้มออกมาขนาดนั้นจะเป็นตะคริวหรือเปล่า เธอก็รู้สึกกังวลอยู่บ้างเหมือนกัน
ผู้จัดการกระตุ้นเธอให้โทรหาฉันทัช เธอพูดโกหกออกไป : “ฉันไม่มีเบอร์โทรของคุณฉันทัชหรอกค่ะ”
“ผมมี คุณโทรหาคุณฉันทัช”ผู้จัดการเอาเบอร์โทรศัพท์ให้เธอ
ยู่ยี่ไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ : “โทรศัพท์มือถือฉันไม่มีเงินแล้ว ในเมื่อผู้จัดการมีเบอร์ ก็โทรเองเลยสิคะ”
“ผมไม่ใช่กลัวว่าจะไปรบกวนคุณฉันทัชเข้ารึไง ไม่มีเงินโทรศัพท์ก็ใช้ของผมโทร โทรตรงนี้นี่แหล่ะ…..”
เขาโทรจะเป็นการรบกวน แล้วเธอล่ะ ก็ไม่ใช่ว่าไปรบกวนเขาเหมือนกันหรอกหรือ?
เธอยืนอยู่ไม่ขยับ ผู้จัดการกดโทรออก หลังจากนั้นก็ยัดใส่มือเธอ จ้องมองเธอ ดูมีการเฝ้าดูความเคลื่อนไหวอยู่แบบนั้น
ยู่ยี่ : “…….”
โทรศัพท์ดังแล้ว แล้วพักหนึ่งก็ไม่มีคนรับ ยู่ยี่ถอนหายใจด้วยความรู้สึกโล่ง ยื่นส่งให้ผู้จัดการอย่างรวดเร็วแล้วออกมาจากออฟฟิศ
คนที่อยู่ในออฟฟิศล้วนแต่พากันเปลี่ยนแปลงมุมมองที่มีต่อยู่ยี่ใหม่ คนที่ทำรายงานอย่างสับสนยุ่งเหยิงจะสามารถได้งานใหญ่แบบนี้มาได้ โชคดีเสียจริงๆ
เรนบีกลับเยาะเย้ยเสียดสีขึ้นมา เธอโชคดีเสียที่ไหนกัน ทั้งหมดนี่เป็นการอาศัยผู้ชายมากกว่า
ตัวแทนของบริษัทได้ชื่นชมคุณฉันทัชเหมือนอย่างไม่เคยเจอมาก่อน แต่เรนบีกลับไม่เชื่อ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าผู้ชายคนนั้นมีความสามารถขนาดไหน!
ตอนบ่าย ยู่ยี่ถูกผู้จัดการเชิญให้เข้าไปในออฟฟิศ และยังคงให้เธอโทรหาเขา เธอรู้สึกว่าผู้จัดการมีวิญญาณวนเวียนอยู่ด้วยอย่างไรอย่างนั้น
“ค่าโทรศัพท์มือถือของคุณเติมเข้าไปแล้ว ตอนนี้โทรเลยสิ เป็นการให้เกียรติกันครั้งใหญ่แบบนี้จะไม่เชิญคุณฉันทัชมาทานเข้าด้วยกันได้อย่างไร?”
ยู่ยี่รู้สึกปวดหัว : “คุณฉันทัชจะต้องยุ่งมากแน่ๆ ในเมื่อเขาไม่รับสายผู้จัดการ นั่นก็คงไม่รับสายของฉันด้วยเหมือนกัน”
“ผมกับคุณฉันทัชไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกัน เขางานยุ่งมาก เป็นธรรมดาที่จะไม่รับสายผม”ผู้จัดการทิ้งประโยคนี้เอาไว้
เธอตอบโต้ : “ฉันกับคุณฉันทัชก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเหมือนกันค่ะ เขาก็คงไม่รับสายเหมือนกัน”
จากการติดตามดูความเคลื่อนไหว เธอกดโทรออกไป เบอร์นั้นไม่ใช่เบอร์ก่อนหน้านี้ที่เธอบันทึก คงจะเป็นเบอร์ที่ใช้สำหรับทำงาน
ดังขึ้นสองครั้ง ไม่มีคนรับสาย เธอรู้สึกดีใจ และขณะที่เตรียมจะวางสายนั้น เสียงที่ดึงดูดก็ถูกส่งผ่านคลื่นแม่เหล็กมา : “ฮัลโหล…..”
ยู่ยี่เงียบ แต่ผู้จัดการกลับยิ้มมุมปาก สายตามองเธอ โดยแสดงความหมายออกมาอย่างชัดเจนว่า ความสัมพันธ์ของคุณกับคุณฉันทัชนั้นลึ้กซึ้งไม่เบา!
“ฮัลโหล……”เธอจำต้องรับ หัวใจเต้นแรง หน้าแดงอยู่บ้าง ผลสืบเนื่องจากเมื่อคืนนี้ยังคงไม่หายไป : “ผู้จัดการของเราจะเชิญคุณฉันทัชมาทานอาหารด้วยกัน คุณฉันทัชพอจะมีเวลาหรือเปล่าคะ”
“เป็นผู้จัดการหรือพนักงานทั้งหมดของแผนกพวกคุณครับ?”เขาเอ่ยถาม น้ำเสียงเบาบางและอ่อนโยน
ยู่ยี่เอาคำพูดเดิมนั้นส่งต่อไปยังผู้จัดการ เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนกับไมโครโฟน
คุณฉันทัชหมายความว่าอะไรกัน ผู้จัดการรู้สึกคิดไม่ออกอยู่บ้าง หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาให้ยู่ยี่ตอบกลับไปว่าพนักงานทั้งหมด
“พรุ่งนี้ช่วงค่ำผมมีเวลาตอนหลังจากหนึ่งทุ่ม…..”
วางสายไปแล้ว ยู่ยี่ยัดโทรศัพท์มือถือเข้าไปในกระเป๋า ผู้จัดการยิ้มเสียจนตาเกือบจะปิดเข้าหากันอยู่แล้ว เขาตบลงบนไหล่ของเธอ แล้วเอ่ยชื่นชมครั้งแล้วครั้งเล่า : “ยี่ออกโรงเอง คนนึงนี่สามารถทำแทนสองคนได้เลยนะ”
“……….”ยู่ยี่เงียบ เธอรู้สึกว่ามีปากก็ไม่สามารถพูดออกมาได้อย่างชัดเจน
ตอนกลางคืนไม่อยากอยู่ที่คอนโดคนเดียว ยู่ยี่โทรหาเชอร์รีน แต่กลับรู้มาว่าเธอกับออกัสไปเที่ยวที่ประเทศฝรั่งเศส
เธอจึงโทรหานาโนอีกครั้ง นาโนกับดนัยไปโต้คลื่นกันที่ซานไบล์ ได้ยินทั้งสองคนจีบกันอย่างหวานชื่น
เพื่อนสนิททั้งสองคนต่างก็กำลังวุ่นอยู่กับการออกเดท เหลือเพียงเธอที่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังที่คอนโด แล้วจู่ๆเธอก็รู้สึกโดดเดี่ยวและเหงามาก
โทรศัพท์มือถือดังขึ้น เธอมองดู เป็นฉันทัช เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อย รอหลังจากที่โทรศัพท์ดังขึ้นอยู่สามสี่ครั้ง ก็กดรับสาย
“ผมอยู่ข้างล่างครับ……”
“เดี๋ยวฉันลงไปค่ะ”เธอกล่าว แล้วรีบลุกขึ้นโดยสัญชาตญาณแล้ว ไม่สามารถให้เขาขึ้นมาได้อีกแล้ว
รถมูซานสีบรอนด์เปิดประตูอยู่ ลมหนาวตอนกลางคืน ยืนอยู่ด้านนอกก็ไม่ดีนัก เธอจึงเข้าไปนั่ง
“ทำไมไม่ให้ผมขึ้นไปหาล่ะครับ?” ฉันทัชเอ่ยถาม น้ำเสียงที่สุขุมฟังไพเราะมากในยามค่ำคืน
เธอกัดริมฝีผาก ยื่นมือมารวบเสื้อคลุมบนร่างตัวเองเอาไว้ : “กลัวว่าจะชักศึกเข้าบ้านน่ะค่ะ……”
“ยังรู้สึกเคืองเรื่องเมื่อคืนนี้อยู่……” ฉันทัชเอียงตัว แขนที่แข็งแรงค้ำอยู่บนพวงมาลัยรถ แนวเส้นลึกมาก
“คุณฉันทัชมานี่มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”ยู่ยี่ไม่ได้พูดถึงประเด็นนั้นต่อ เธอเปลี่ยนเรื่องไป
“รีบไปหรือครับ?”
ยู่ยี่พยักหน้าลง รู้สึกว่าอากาศเบาบางมากเกินไป : “พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปทำงานค่ะ”
มุมปากของฉันทัชยกขึ้น ใบหน้าด้านข้างที่ลึกซึ้งน่าหลงใหล : “ทำไมถึงปฏิเสธผม ผมสามารถรู้เหตุผลได้ไหมครับ?”
“ฉันเองก็มีเหตุผลสามข้อเหมือนกันค่ะ…….”
เธอเลียนแบบน้ำเสียงของเขาในคืนวันนั้น : “ข้อแรก คุณฉันทัชมีเกียรติมากเกินไป ฉันรู้ตัวค่ะว่าฉันคงคบคนที่มีฐานะสูงกว่าไม่ได้ ข้อสอง ก่อนหน้านี้ฉันมีความรักมาช่วงนึงเป็นเวลาเจ็ดปี รวมกับชีวิตการแต่งงานสี่ปี แล้วก็เคยตั้งครรภ์ลูกมาคนนึง สุดท้ายเจ็บอย่างยับเยิน ฉันเจ็บเสียจนเข็ดไม่กล้าที่จะพบเจออีกแล้วล่ะค่ะ และข้อที่สาม ผู้หญิงที่อยู่รอบตัวคุณฉันทัชมีอยู่นับไม่ถ้วน ฉันก็ยิ่งไม่อยากจะคอยระแวดระวังแบบนั้น….”
มุมปากยกขึ้น ฉันทัชมีแววตาลึกซึ้ง สะท้อนเงาของเธออย่างชัดเจน : “ตัดเหตุผลภายนอกพวกนี้ออกไป คุณเองก็รู้สึกดีกับผมเหมือนกันใช่ไหมครับ ไม่ใช่ความรู้สึกดีระหว่างเพื่อน แต่เป็นความรู้สึกดีที่ผู้หญิงมีต่อผู้ชาย?”
ยู่ยี่รู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้า คำพูดของเขามักจะสามารถทำให้คนใจเต้นหน้าแดงได้
“ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบพูดโกหก เพราะฉะนั้น ผมต้องการได้ยินความจริง มองตาผม แล้วบอกคำตอบของคุณกับผม…..”
ยู่ยี่ยื่นมือออกไปเปิดประตูเตรียมจะออกไป ด้วยความที่มือไวตาไว วินาทีต่อมานั้น มือใหญ่ที่เห็นข้ออย่างชัดเจนของฉันทัชก็จับข้อมือของเธอเอาไว้ ล็อคประตูรถ : “จะหนีเหรอครับ?”
“เปล่าค่ะ ฉันเพียงแค่รู้สึกอยากจะเข้าห้องน้ำ ปวดท้อง”
ฉันทัชยิ้ม นิ้วมือนวดอยู่ตรงหว่างคิ้ว แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน : “จะพูดโกหกเล็กๆน้อยๆก็ไม่กะพริบตาเลย….”
ถูกเจาะลึกแล้วนั้น ยู่ยี่ก็จับท้องเอาไว้ : “ไม่ได้โกหกค่ะ เพิ่งจะปวด”
“ถ้าอย่างนั้นผมถามคุณตอบ หลังจากที่คุณตอบคำถามแล้วค่อยไปเข้าห้องน้ำ…..”ดวงตาของเขาจ้องมองเธออย่างหนักแน่น : “ใช่ความรู้สึกดีที่ผู้หญิงมีต่อผู้ชายหรือเปล่าครับ?”
“เข้าห้องน้ำก่อนได้ไหมคะ? ฉันปวดท้องจริงๆ…..”เธอก้มตัวลง ยื่นมือออกมากุมท้องเอาไว้แน่น
“ไม่ได้ครับ…..”สุภาพบุรุษมีท่าทางที่เปลี่ยนไป มุมปากที่เซ็กซี่ของฉันทัชกระตุกขึ้นมา : “ประโยคนั้นเมื่อครู่นี้ เพียงพอที่จะตอบคำถามผมได้แล้ว…..