ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 388 รู้สึกโดดเดี่ยวอยู่บ้าง
ยู่ยี่กลืนไข่ที่อยู่ในปากลงไป : “ตื่นแล้วค่ะ กำลังเตรียมตัวไปบริษัท”
“ผมรอคุณอยู่ข้างล่างคอนโดนะครับ ไม่ต้องรีบ ค่อยๆมา”เสียงของฉันทัชอ่อนโยนมาก
แต่ยู่ยี่กลับเบิกตาขึ้น ถึงข้างล่างตึกแล้วอย่างนั้นหรือ?
เธอยังไม่ทันได้ดื่มนม หยิบกระเป๋าขึ้นมาแล้วก็ออกไปจากคอนโด
รถคันสีบรอนด์จอดอยู่ใต้ตึก ยู่ยี่เปิดประตูรถแล้วเข้าไปนั่ง ดวงตาของชายหนุ่มมีความอ่อนโยน : “ไปทานอาหารเช้ากันไหมครับ?”
“ฉันทานไข่ทอดมาแล้วค่ะ”เธอเช็ดมุมปากตอนที่ออกมาเมื่อครู่นี้
ดวงตาที่ลึกซึ้งของฉันทัชเหลือบมองแก้มของเธอ : “คุณยังต้องการน้ำเต้าหู้หรือนมอีก….”
ยู่ยี่คิดว่ามุมปากของตัวเองมีอะไรติดอยู่ จึงเช็ดด้วยใบหน้าแดงๆอีกครั้ง มองตรงที่เขามอง ไม่มีอะไรนี่นา?
ฉันทัชยิ้ม แล้วสตาร์ทรถขับตรงไปยังร้านอาหารเช้า
เขาสั่งมาไม่น้อย ส่งให้เธอก็คือข้าวต้ม และยังมีนมอีกด้วย ยู่ยี่ทานไม่ลงแล้ว มือใหญ่ของฉันทัชเคาะลงที่แก้วเบาๆ : “ปริมาณไม่เยอะ ทานได้อยู่แล้วครับ…..”
ยู่ยี่ขมวดคิ้วแต่ในใจกลับรู้สึกอบอุ่น แล้วดื่มนมในแก้วจนหมด และแม้แต่ข้าวต้มก็ทานหมดด้วยเช่นกัน
ฉันทัชทานข้าวต้มไปหนึ่งถ้วย ขนมปัง แล้วดื่มกาแฟด้วยท่าทางที่สง่างาม
ทานอาหารเช้าแล้วนั้น ก็เกือบจะถึงเวลาเข้างานแล้ว เธอให้เขาไปส่งเธอตรงหัวมุมของบริษัท
ฉันทัชจ้องมองเธอด้วยแววตาที่อ่อนโยน ไม่ได้เอ่ยพูดออกมา และตอนที่เธอลงจากรถ เขาก็ส่งผลไม้ถุงหนึ่งให้เธอ ล้วนแต่สดใหม่ทั้งสิ้น : “เลิกงานแล้วอย่าลืมโทรหาผมนะครับ….”
ยู่ยี่ตอบรับ เขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบมากจริงๆ ทุกๆเรื่องคิดได้อย่างรอบคอบขนาดนี้
เดินเข้าในออฟฟิศ หัวใจของยู่ยี่ยังคงกำลังเต้นแรงอยู่ เธอยืนขึ้นแล้วมองลงไปทางด้านล่างผ่านหน้าต่าง
มองจากมุมนี้เห็นรถของเขาได้พอดี มองดูเขาค่อยๆขับรถออกไป
เรนบีจ้องมองดูการเคลื่อนไหว้ของเธอด้วยความสงสัย หลังจากที่ยู่ยี่สังเกตเห็นแล้ว จึงยิ้มออกมาเล็กน้อย : “อยากจะยืดเส้นยืดสายหน่อยไหมคะ?”
ได้ยินแล้ว ก็ส่งเสียงออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ เรนบีไม่ได้สนใจเธอ
ยู่ยี่หัวเราะเบาๆ แล้วก็ไม่ได้สนใจเธออีก เธอนั่งแล้วแล้วหยิบแอปเปิ้ลขึ้นมา กรอบและหวาน
รสชาติหวานกรอบนั้นดูเหมือนกับจะหวานเข้าในถึงส่วนลึกในหัวใจของเธอ ส่วนที่เหลือนั้นเธอวางอยู่ในลิ้นชัก
ในเมื่อได้งานมาอยู่ในมือแล้ว เช่นนั้นต่อไปก็จะเป็นการเตรียมงาน
อย่างที่เขาพูดไว้ไม่ผิด ผู้จัดการไม่วางใจในความสามารถของเธอจริงๆ มีการโยกย้ายนักออกแบบที่มีความสามารถมาอีกสองสามคน
“เนื่องจากงานนี้เป็นโครงการของรัฐบาล บริษัทจึงให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ ไม่ได้มีความหมายอื่น เปอร์เซ็นต์ที่คุณทำให้ได้งานนี้จะให้คุณเดือนนี้”ผู้จัดการเรียกเธอมาคุย
ยู่ยี่พยักหน้าลง แสดงให้เห็นว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวเอง และยิ่งสามารถพูดได้ว่า สำหรับการตัดสินใจแบบนี้ เธอรู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก
ความหนักเบาของตัวเอง เธอรู้ดีกว่าใคร ให้เธอรับงานนี้เพียงลำพัง เธอจะเป็นเหมือนอย่างที่เขาบอก ต้องมาแบกรับภารกิจอันสำคัญนี้
ความจริงแล้วไม่ใช่ว่าเธอกลัว แต่ไม่มีประสบการณ์เลยแม้แต่นิดเดียว ตอนนี้อายุยี่สิบเจ็ดปีแล้ว แต่กลับเป็นการได้มาสัมผัสสังคมครั้งแรก แม้แต่เธอก็ยังรู้สึกเยาะเย้ยตัวเองเลย
ผู้จัดการตบไหล่เธอ : “ยี่เป็นคนรู้เหตุรู้ผล ใช่แล้ว ช่วงสองสามวันนี้คุณฉันทัชเป็นอย่างไรบ้าง?”
ยู่ยี่เงียบ ส่ายหน้าพลางเอ่ยขึ้น : “ฉันไม่ทราบค่ะ ฉันกับคุณฉันทัชไม่ได้คุ้นเคยกันจริงๆ”
“แต่ก็คุ้นกันมากกว่าผม”ผู้จัดการพูดความจริงออกมา
ยู่ยี่ : “……”
ออกมาจากออฟฟิศ ยู่ยี่นั่งลงตรงหน้าโต๊ะทำงาน เรนบีโผล่ส่วนบนของร่างกายออกมาจากช่องว่างระหว่างสองคน : “เธอมีช่องทางการติดต่อคุณฉันทัชหรือเปล่า?”
ยู่ยี่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา แต่เอ่ยพูดขึ้นมาเลย : “ไม่มี”
“นี่เธอหลอกใครกัน แม้แต่พูดโกหกก็พูดไม่เป็น ในเมื่อเธอกับคุณฉันทัชรู้จักกันแล้ว จะไม่มีช่องทางการติดต่อเขาได้ยังไง? เป็นผู้หญิงก็ต้องใจใหญ่ใจกว้างสิ จะมาใจแคบไม่ได้นะ” เรนบีจ้องมองเธอ
วางเอกสารในมือลง สายตาของยู่ยี่มองไปที่ร่างของเรนบี จ้องมองเธออยู่ชั่วครู่หนึ่ง
เรนบีถูกสายตาของเธอมองอยู่แบบนี้จนรู้สึกขนลุกขึ้นมาในใจ คิ้วขมวดเข้าหากัน : “เป็นอะไรไป?”
“ฉันคิดว่าเป็นผู้หญิงจะต้องใจใหญ่ใจกว้าง จะมาใจแคบไม่ได้ประโยคนี้คุณพูดกับตัวเอง แท้ที่จริงแล้วคุณเองก็รู้……”
ได้ยินแล้ว สีหน้าท่าทางของเรนบีเปลี่ยนไปอย่างทนไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าจะกลับถูกบีบให้ไม่มีทางเลือกแบบนี้!
“แล้วก็ คุณจะไปยั่วผู้ชายคนอื่นลับหลังผู้จัดการแบบนี้มันจะดีเหรอคะ? เหยียบเรือสองแคมไม่กลัวเรือล่มอย่างนั้นหรือ?” ยู่ยี่จัดการกับเอกสารในมือ ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา
แต่ประโยคนี้กลับทำให้เรนบีรู้สึกโมโหมาก แต่กลับไม่สามารถตอบโต้ไปได้ ท้องตัวเองรู้สึกร้อนระอุขึ้นมา แต่ยิ่งรู้สึกขัดหูขัดตายู่ยี่มากขึ้นเรื่อยๆ
ช่วงบ่าย
หกโมงตรงช่วงเวลาเลิกงาน ยู่ยี่ไม่ได้นั่งรถประจำทาง เธอเดินไปตามทางด้านหน้า เธออยากจะไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตเสียหน่อย
และเพิ่งจะเดินมาถึงตรงมุมทางเลี้ยว เสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมา : “คุณยู่ยี่”
ยู่ยี่หันหลังไป เห็นเบนท์ลีย์สีดำ และใบหน้าที่มีรอยยิ้มของโก๋ เธอมองไปทางที่นั่งด้านหลังโดยสัญชาตญาณ
จากนั้นโก๋ก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง : “คุณฉันทัชมีธุระต้องจัดการน่ะครับ เลยไม่ได้มาด้วย ให้ผมมาส่งคุณยู่ยี่กลับบ้าน”
ถูกมองออกถึงเจตนาแล้ว ยู่ยี่ก็รู้สึกอายอยู่บ้าง เธอยกมือขึ้นมาเอาเส้นผมทัดลงที่หลังใบหู : “เหรอคะ?”
เปิดประตูแล้วขึ้นไปนั่ง ยู่ยี่ให้โก๋จอดรถตรงด้านนอกซุปเปอร์มาร์เก็ต แล้วเข้าไปซื้อผักผลไม้ออกมาจำนวนไม่น้อย และยังมีของใช้ที่จำเป็นอีกด้วย
“วันเกิดของคุณยู่ยี่คือเมื่อไหร่ครับ?”ทั้งสองคนนั่งอยู่บนรถก็รู้สึกเบื่อขึ้นมา โก๋จึงเอ่ยถามขึ้น
“วันที่12เดือน11ค่ะ”
โก๋เบิกตาขึ้น : “ไม่ใช่วันนี้หรอกเหรอครับ?”
ยู่ยี่ขมวดคิ้วขึ้น : “วันนี้ไม่ใช่วันที่11เดือน11เหรอคะ?”
“เมื่อวานคือวันที่11ต่างหากล่ะครับ วันนี้วันที่12 เมื่อวันเป็นวันคนโสด บนเถาเป่ามีแต่โปรโมชั่นสินค้าเต็มไปหมดเลย”โก๋ยิ้ม : “สุขสันต์วันเกิดนะครับคุณยู่ยี่”
“ขอบคุณค่ะ”ยู่ยี่จับหน้าผากพลางเอ่ยขอบคุณจากใจจริง ดูแล้วช่วงนี้จะยุ่งมากเหลือเกิน แม้แต่วันเกิดตัวเองก็ลืมไปแล้ว
มาส่งถึงด้านล่างตึกแล้ว ยู่ยี่ก็ให้โก๋ขึ้นไปดื่มน้ำที่ห้องก่อน แต่โก๋ไม่ยอม บอกว่างานที่จะต้องไปทำอีก
ภายในห้องที่มืดสนิท เปิดไฟแล้วเธอนั่งอยู่บนโซฟา ไม่คิดว่าเธอจะลืมแม้กระทั่งวันเกิดตัวเอง วันเกิดที่หนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียว
ยู่ยี่คิด ตอนวันเกิดปีที่แล้วเธอทำอะไร และอยู่กับใคร?
ภาพในตอนนั้นลอยขึ้นมาในหัวของเธออย่างรวดเร็ว ตอนนั้นยังอยู่ด้วยกันกับหัสดิน และยังมีเชอร์รีน นาโน ออกัส ดนัย มีเพื่อนอยู่ไม่น้อย คึกคักเป็นอย่างมาก
จนถึงตอนนี้ เพียงแค่หนึ่งปีผ่านไปเท่านั้น กลับเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างมากมาย
เธอไม่ได้คิดถึงอดีต แต่ในวันแบบนี้ เธอรู้สึกว่าเวลานี้ตัวเองดูโดดเดี่ยวอยู่บ้าง
และขณะที่กำลังใจลอยอยู่นั้น ก็มีเสียงกริ่งดังขึ้นที่หน้าประตู ยู่ยี่ลุกขึ้น แล้วเดินไปเปิดประตู
ร่างตรงของฉันทัชยืนอยู่ด้านนอกประตู เสื้อคลุมสีเทาพาดอยู่ที่แขนยาว มือใหญ่ถือของเต็มไม้เต็มมือไปหมด
เนื่องจากว่ามีถุงใส่เอาไว้ ดังนั้นจึงมองไม่เห็นว่าด้านในนั้นใส่อะไรอยู่
ยู่ยี่ยังคงกำลังตกตะลึงอยู่ ริมฝีปากบางเซ็กซี่ของเขาขยับเล็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้น : “อยากจะปฏิเสธแล้วให้ผมอยู่ข้างนออกเหรอครับ?”
“เปล่าค่ะ”ได้สติแล้ว ยู่ยี่รีบเอียงตัว หลังจากนั้นก็ปิดประตูลง
เขาเอาถุงที่บรรจุมานั้นวางลงบนโต๊ะ แล้วเสื้อคลุมก็แขวนเอาไว้บนไม้แขวนเสื้อด้วย ให้ความรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดี ความจริงแล้ว เขาเคยมาเพียงแค่ครั้งสองครั้งเพียงเท่านั้น