ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 401 เป็นผู้หญิงมารยาจริง ๆ
ถ้ารู้ข่าวนี้ล่วงหน้า งั้นเขาคงไม่พาเธอมาร่วมงานเลี้ยงนี้……
“เป็นอะไรไหม?” ร่างกายของฉันทัชโค้งลง ริมฝีปากอันเซ็กซี่เข้าใกล้ใบหูเธอ ก่อนจะเกิดเสียงลื่นไหลออกมา
ยู่ยี่ชะงักค้าง ตอบสนองไม่ทัน……
เขาถอนหายใจเสียงเบาบาง มือใหญ่ที่ได้รูปชัดเจนเสยผมจากแก้มไว้ด้านหลังหูอย่างอ่อนโยน “ถ้าทำตัวไม่ถูก พวกเราออกไปก่อนได้นะ……”
ยู่ยี่หรี่ตามองเขา พูดตามความเป็นจริง “ไม่ใช่ทำตัวไม่ถูก แค่รู้สึกกะทันหันเกินไป ไม่คิดว่าจะเจอกันอีกครั้งด้วยวิธีนี้”
ฉันทัชยกมุมปากโค้งขึ้น ดูคล้ายกับอารมณ์ดีไม่เบา น้ำเสียงยิ่งอ่อนนุ่มเสนาะหู “ผมชอบฟังคุณพูดความจริง มันสวยและมีเสน่ห์มาก ตอนนี้คุณดูสวยมาก ผมเลยเชื่อว่าคำนั้นต้องไม่ใช่คำเท็จแน่ ๆ ……”
จากนั้นยู่ยี่อดหน้าแดงระเรื่อไม่ได้
ทั้ง ๆที่เขาไม่ได้พูดจาหวานแหววอะไร แต่กลับสามารถทำให้หัวใจหวั่นไหวจนหน้าแดงก่ำอย่างง่ายดาย
ภายในห้องโถงมีความอุ่นที่เกินควร ทำให้ผู้คนรู้สึกเหงื่อซึมนิด ๆ ฉันทัชถอดเสื้อกันหนาวไหมพรมออก เหลือเพียงเสื้อสูทเท่านั้น
ยู่ยี่ก็รู้สึกร้อนเช่นกัน เธอก็ถอดเสื้อกันหนาวสีแดงชาดออกด้วย ฉันทัชรับมาในแบบฉบับสุภาพบุรุษ ก่อนจะวางไว้ที่แขน ต่อด้วยถอดถุงมือหนังออก แล้วยื่นให้บริกร
เสื้อกันหนาวของเขาเป็นสีดำ และคอเสื้อกันหนาวก็เป็นสีดำเช่นกัน แลดูงดงามล้ำเลิศยิ่ง
ชุดของเธอกับของเขาคล้ายคลึงกัน สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนคือสีเสื้อ แต่ก็ยังเหมือนเป็นเสื้อคู่อยู่ดี
ยู่ยี่ใส่ชุดราตรีสีน้ำเงินสดใส ซึ่งฉันทัชเป็นคนเลือกให้กับมือ สายตาของเขาเฉียบแหลมโดดเด่นเกินคน ชุดราตรีที่เลือกย่อมไม่เหมือนกับคนอื่น
ชุดราตรียาวสีน้ำเงินสดใสเมื่ออยู่ใต้แสงสลัวแล้ว ยิ่งขับเน้นให้สง่างาม สะกดสายตามากขึ้น กระโปรงตัวยาวลากเดินผ่านพรมแดงบนพื้น ชุดถูกตัดเย็บได้อย่างไร้ที่ติ มันดูเหมือนจะเรียบง่าย ทว่ายิ่งทำให้ผิวขาวนวลของเธอยิ่งขาวดุจดั่งเครื่องลายคราม เปล่งประกายแสงอย่างไม่หยุดยั้ง
เส้นผมดกดำของเธอไม่ได้ลอน และไม่ได้รวบขึ้น แค่ผูกโบว์ผ้าไหมไว้เท่านั้น ระหว่างที่เหินเดิน ปลายกระโปรงก็พริ้วไปตามจังหวะ คล้ายกับเทพธิดาลงมาจุติ
เธอก็แต่งหน้าด้วย แต่แต่งแบบอ่อน ๆ ทว่ากลับงามพิสุทธิยิ่ง ผิวพรรณเรียบเนียน ริมฝีปากสีชมพู จึงดึงดูดสายตาผู้ชายทั้งงาน
เรนนี่กำหมัดแนบแน่นอย่างไม่รู้ตัว รู้สึกว่าทำไมยู่ยี่ยังไม่ไปผุดไปเกิด ตามราวีอยู่ได้
อันที่จริง ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าจัดเลย
ทุกคนในงานล้วนไปดื่มคารวะให้คนอื่นกันหมด ดื่มไปพูดคุยไป เพื่อจะได้สร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดี แล้วเอื้อต่อผลประโยชน์ในภายภาคหน้า มีเพียงฉันทัชเท่านั้นที่ไม่ได้ทำอย่างนั้น
เหมือนเขาจะไม่ใส่ใจต่อสถานที่แบบนี้ เขาหามุมเสร็จก็พายู่ยี่ไปนั่ง ด้านหน้ามีไวน์แดงกับผลไม้วางอยู่
หัสดินมีชื่อเสียงในเมือง S จึงมีคนมาตีสนิทด้วยเยอะ คนมาดื่มคารวะจึงมีไม่ขาดสาย
เรนนี่ได้รับคำชื่นชมไม่น้อย เธอยิ้มละมุนละไมด้วยสีหน้าอ่อนโยน
เธอกวาดสายตาเห็นผู้ชายที่นั่งด้านข้างยู่ยี่โดยบังเอิญ จากนั้นความตกตะลึงก็ผุดขึ้นกลางใจ
เธอคิดว่าตัวเองเดาถูก ผู้ชายคนนั้นแลดูสง่างามและสูงศักดิ์ผสมปนเปกัน ทั้งยังมีความเป็นผู้ใหญ่ สุขุม รวบรวมเสน่ห์ของบุรุษเพศชายไว้ทั้งหมด
เขาขับรถเบนท์ลีย์และยังสามารถร่วมงานแบบนี้ได้ แสดงว่ามีฐานะไม่ใช่ย่อย แต่ถึงกระนั้นก็คงสู้หัสดินไม่ได้
มิฉะนั้นเขาคงไม่อยู่ในสภาพตอนนี้หรอก ดูหัสดินสิ ท่ามกลางแขกเหรื่อมากมาย ทว่าก็มีคนมาประจบสอพลอ ส่วนเขาคนนี้กลับไม่มี นั่งหลบมุมกับยู่ยี่สองคน
ชุดราตรีที่ยู่ยี่สวมใส่ เธอก็เคยลองมาแล้ว แต่เป็นเพราะเธอผิวดำหน่อยๆ จึงไม่เหมาะกับชุดนี้
คิดไม่ถึงว่ากระโปรงยาวสีน้ำเงินตัวนี้ใส่แล้วจะดูสวยขนาดนี้ รอบกายคล้ายกับมีกลิ่นอายเทพธิดารายล้อม ถ้ารู้อย่างนี้แต่แรก ถึงจะใส่แล้วดูไม่เหมาะ แต่เธอก็จะซื้อ
เรนนี่จ้องฉันทัชอยู่สองปราด จากนั้นจึงจะละสายตาออกไป
หางตาหัสดินเหลือบไปเห็นสองคนที่นั่งอยู่ในมุมนั้น ดวงตามืดครึ้มของเขาหรี่ขึ้น ไม่เจอกันแค่สองเดือน เธอกลับเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ
เรนนี่สังเกตเห็นเขากวาดสายตามองอีกฝ่าย จึงกดเสียงต่ำแล้วพูดขึ้นว่า“ผู้ชายที่อยู่ข้างกายรุ่นพี่ยู่ยี่ ฉันเคยเห็นตอนงานเลี้ยงเพื่อนในห้อง……”
“ใช่เหรอ?” เสียงหัสดินเรียบเฉย ดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร ทว่าหางตากลับเหลือบมองอยู่เป็นบ่อยครั้ง
“ผู้ชายคนนี้แหละค่ะที่มารับรุ่นพี่ยู่ยี่คืนนั้น เพื่อน ๆบอกว่ารุ่นพี่ยู่ยี่ถูกเก็บไปเลี้ยงค่ะ และเธอไม่ได้ปฏิเสธ ……”
เรนนี่จงใจพูดประโยคเช่นนี้
ถูกเก็บไปเลี้ยง?
สายตาหัสดินวูบไหว จับแก้วไวน์ไว้แน่น
“ก่อนหน้านี้ยังได้ยินเพื่อน ๆ ในห้องเรียนเล่าว่า ตอนแรกรุ่นพี่ยู่ยี่ทำงานเป็นแม่บ้านทำความสะอาด อาจเป็นเพราะทนลำบากไม่ไหว จึงถูกเก็บไปเลี้ยง……”
เรนนี่ไม่รู้ว่าตอนหย่าหัสดินให้หุ้นส่วนร้อยละสามสิบกับยู่ยี่
เมื่อประโยคนี้เข้าหูของหัสดิน จึงกลายเป็นอีกความหมายหนึ่ง ยู่ยี่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายจนต้องตกอับไปเป็นแม่บ้านทำความสะอาด
ไม่เจอกันสองเดือน เธอเปลี่ยนไปจนไม่คุ้นชิน สุดท้ายแล้วเธอก็กลายเป็นคนที่ถูกวัตถุนิยมครอบงำ กลายเป็นคนธรรมดาทั่วไป
เรนนี่กำลังพยายามทำลายภาพลักษณ์และคุณธรรมของยู่ยี่ทิ้ง หากถูกทำลายแล้ว ถึงคิดจะกอบกู้ขึ้นมาก็ยากจะทำได้
มุมนี้เงียบสงบดี ไม่ค่อยมีคนเดินผ่าน ยู่ยี่มองไปยังฉันทัช“นั่งที่นี่ไม่เป็นไรจริง ๆเหรอคะ?”
ริมฝีปากบางของฉันทัชขานรับเบา ๆ เมื่อเสียงทุ้มต่ำเปล่งออกมาแล้ว เวลาเดียวกันก็มีผู้ชายสวมชุดสูทสามคนเดินเข้ามา
ในมือถือไวน์แดงไว้ พลางเอ่ยปากพูดว่า“ไม่เจอกันตั้งนานนะครับคุณฉันทัช”
“ไม่เจอกันนานเลย” ฉันทัชลุกขึ้นยืน ยู่ยี่ก็นั่งต่อไม่สะดวก เธอไม่ค่อยร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้มาก่อน
พวกเขาลุกขึ้นจิบไวน์ จากนั้นก็คุยถึงยู่ยี่ และเนื้อหาก็ยังคงอยู่ในขอบเขตที่ชื่นชมเธอว่า สวย สง่างาม
ยู่ยี่รู้ว่าเป็นถ้อยคำที่ใช้ในวงสนทนาเท่านั้น เธอจึงไม่ใส่ใจมาก แค่ยิ้มเบา ๆแล้วตอบว่า ไม่ขนาดนั้นค่ะ
เธออาจจะไม่ทันสังเกต เมื่ออยู่ด้วยกันได้สักระยะหนึ่ง คล้ายกับซึมซับบุคลิกของเขามาบางแล้ว กระทั่งยิ้มอย่างยิ้มเบาๆเหมือนกันเลย
“ถ้าไม่สวยจริง เธอคงไม่ทำให้ผมหลงหรอก……” ฉันทัชกลับขยับปากพูดขึ้นมา ดวงตาอันลุ่มลึกเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน เมื่อหยุดพูดก็เงียบชั่วครู่
และแล้วยู่ยี่ก็ต้องหน้าแดงอีกครั้ง……
ทุกคนพากันสบตากัน จากนั้นก็หัวเราะออกมา แสดงว่าล้วนเข้าใจกันหมด
ฉันทัชยิ้มเจือจาง ยกไวน์ในมือขึ้น จากนั้นก็กระดกเข้าปาก ดื่มหมดแก้ว ลูกกระเดือกที่ขยับจากการดื่มไวน์นั้นแลดูเซ็กซี่ยิ่ง
เมื่อสามคนนี้เดินจากไป ยู่ยี่ก็หย่อนกายนั่งบนโซฟา พลางบ่นพึมพำว่า “เหิมเกริมกันใหญ่แล้ว”
“ว่าผมอยู่เหรอ?” ฉันทัชได้ยินเต็มสองหู
ยู่ยี่เลิกคิ้ว พลางกระแอมเสียง เธอพูดเบามาก คิดไม่ถึงว่าเขาจะได้ยิน
“ชมว่าสวยแล้วทำไมถึงไม่ยอมรับล่ะ?” ฉันทัชจ้องมองเธออย่างจดจ่อ “รู้สึกว่าแค่พูดไปตามมารยาท ไม่ใช่ความจริง?”
ยู่ยี่พยักหน้า ดวงตาเขาประหนึ่งนกอินทรีจริง ๆเฉียบคมมาก สามารถมองทะลุทุกอย่าง