ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 405 ให้ฉันพิสูจน์ยังไง
ยู่ยี่ที่กำลังทำงานอยู่ได้ยินเสียงมือถือในกระเป๋า เธอวางเอกสารลงแล้วรับสาย ก่อนจะเห็นว่าเชอร์รีนเป็นคนโทรมา
บอกว่าอยู่ร้านกาแฟตรงข้ามบริษัทเธอแล้ว ให้เธอถือโอกาสพักเที่ยงออกมา
ยู่ยี่ขานรับ สื่อว่ารู้แล้ว เธอจัดแจงเอกสารในมือ จากนั้นก็วางไว้ด้านข้าง
ช่วงนี้เธอทำงานถนัดขึ้นเรื่อย ๆ และยังรู้สึกสนุกกับงานอีกด้วย ทั้งยังรู้สึกผ่อนคลายและจิตสงบอย่างไม่เคยมีมาก่อน
เวลาอาหารเที่ยง เธอไปที่ร้านอาหารตรงข้าม ซึ่งเชอร์รีนรอเธอตรงนั้นแล้ว เชอร์รีนเลือกดื่มน้ำผลไม้ เพราะตอนนี้ท้องเริ่มโตขึ้นมาแล้ว
อายุครรภ์ห้าเดือน ท้องเธอจึงโผล่ออกมาเล็กน้อย
“เธอมาคนเดียวเหรอ ออกัสไม่มาส่งหรือ” ยู่ยี่ดื่มกาแฟ
“เขาให้โชเฟอร์มาส่ง…….” เชอร์รีนหยุดพูดชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวต่อว่า“วันนี้หัสดินมาหาฉัน……”
ยู่ยี่ไม่มีปฏิกิริยามากนัก แค่รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย“เขาไปหาเธอทำไม?”
เชอร์รีนถ่ายทอดวาจาของหัสดินอย่างไม่มีตกหล่น เล่าให้ยู่ยี่ฟังตั้งแต่ต้นจนจบทั้งหมด
ยู่ยี่แค่ยิ้ม จากนั้นก็ก้มหน้าดื่มกาแฟ
“ทำไมเขาถึงบอกว่าเธอเป็นเด็กเสี่ย คงไม่พูดขึ้นมาลอย ๆหรอก ใช่ไหม?” เชอร์รีนมองเธอ
ผ่านมาสองเดือน เชอร์รีนยังจำภาพยู่ยี่ร้องไห้จะเป็นจะตายได้ ตอนนี้เอ่ยถึงเรื่องพวกเขา ยู่ยี่กลับไม่สะทกสะท้าน
การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ช่างดีงามเหลือเกิน ไม่มีความรัก ไม่มีชีวิตคู่ ผู้หญิงไม่จำเป็นต้องร้องห่มร้องไห้ หรือโวยวายตลอดไป?
ความรักกับชีวิตคู่ไม่เหมือนกัน หลังหย่าร้าง ผู้ชายสามารถใช้ชีวิตตามใจชอบ แล้วทำไมผู้หญิงต้องจมอยู่กับความทุกข์ด้วย
“เพราะฉันกำลังคบกับผู้ชายคนอื่น เชอร์รีน ฉันกำลังลองมีรักครั้งใหม่ดู” ยู่ยี่ไม่ได้ปิดบัง พูดเปิดเผยออกมา
เชอร์รีนรู้สึกประหลาดใจมาก เบิ่กตาโต รีบถามว่าใคร
“เธอเคยเจอหน้าแล้ว ฉันทัช พวกเรากำลังคบกันอยู่” ยู่ยี่เอ่ย“ถ้ามีเวลา ฉันจะแนะนำให้พวกเธอรู้จัก”
นึกถึงผู้ชายที่มีความเป็นผู้ใหญ่และสง่างาม เชอร์รีนก็พยักหน้าหงึก ๆ ดูจากการกระทำแล้ว ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่ผู้ชายเหลวไหลแน่
จากนั้นไม่ได้คุยเรื่องนี้ต่อ เชอร์รีนเปลี่ยนไปเล่าถึงเรื่องนาโน บอกว่าช่วงนี้แม่สามีของนาโนกลั่นแกล้งเธอหนักขึ้นเรื่อย ๆ
ยู่ยี่ถามเธอว่าดนัยพูดยังไงบ้าง?
ดนัยไม่ยอมหย่า เขาบอกว่าเขารักนาโน ถึงมีลูกไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เชอร์รีนบอกว่า ถึงอย่างไรก็ยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่ดี
ยู่ยี่ไม่เข้าใจ เชอร์รีนดื่มน้ำหนึ่งคำ บอกว่า ชีวิตแต่งงานไม่เหมือนเทพนิยาย สังคมโหดร้ายมาก ความกดดันที่พ่อแม่ให้ ความรักนี้จะประคับประคองได้นานแค่ไหน?
ยู่ยี่ไม่ได้พูดอะไร เพราะเธอพูดความจริง
“โดยเฉพาะ ครั้งก่อนตอนไปฮันนีมูนที่ต่างประเทศ ออกัสเห็นแผ่นหลังของผู้หญิงคนหนึ่งแล้วเหม่อลอย ฉันเลยไล่ถาม เขาถึงจะบอกว่า เมื่อก่อนดนัยมีคนที่รักมากคนหนึ่ง แต่เพราะเกิดอะไรขึ้นบางอย่าง จึงตายจากโลกไป เขาบอกว่าแผ่นหลังผู้หญิงคนนั้นเหมือนแฟนเก้าดนัยมาก”เชอร์รีนพูดอย่างเชื่องช้า
ยู่ยี่ก็อึ้ง จากนั้นก็พูดต่อไปว่า อาจจะดูผิดก็ได้ บนโลกนี้มีคนเหมือนคนเยอะแยะ
อาจจะใช่ เชอร์รีนพยักหน้าพลันสั่งอาหารสองชุด ทั้งสองกินไปพลาง คุยไปพลาง
ปริมาณงานในช่วงบ่ายมีไม่ใช่น้อย ยู่ยี่ยุ่งจนไม่ได้เงยหน้า ดื่มน้ำเป็นบางครั้ง จากนั้นก็ทำงานต่อ
เมื่อเลิกงานก็ดึกมากแล้ว เดิมทีฤดูหนาวก็มืดเร็วแล้ว วันนี้เธอทำโอทีด้วย เวลาหกโมงเย็นครึ่ง ด้านนอกหน้าต่างจึงมืดมนไปหมด
เธอบิดขี้เกียจ แล้วคว้าเสื้อกันหนาวขึ้นมา จากนั้นก็เดินออกจากบริษัท หิมะไม่ได้ตกหนักเป็นเวลานาน ทว่าอากาศก็ยังหนาวเย็นขึ้นเรื่อย ๆ
พึ่งเดินออกจากตึกใหญ่ของบริษัท ลมหนาวแทงเข้ากระดูกก็พัดเข้ามา ยู่ยี่จับเสื้อกันหนาวไว้แน่น
ตอนเที่ยง เธอได้รับข้อความจากฉันทัช บอกว่าเขามีธุระตอนกลางคืน ไม่สามารถมารับเธอกลับคอนโดได้ บอกให้เธอเดินทางอย่างระมัดระวัง
ถึงจะรู้จักกันไม่นาน ทว่าเธอก็รู้วิธีการของเขาดี ตอนที่เขายุ่ง เขาจะให้โก๋มารับ ตอนนี้แม้แต่โก๋ก็มารับไม่ได้ แสดงว่าต้องยุ่งมาก ๆ แน่
มือที่หนาวจนแดงเล็กน้อยหยิบมือถือขึ้นมาหาข้อความของเขา จากนั้นก็ตอบกลับไปว่า ถึงจะยุ่งขนาดไหนก็ต้องกินข้าวเย็น อากาศหนาว ๆ แบบนี้ ต้องใส่เสื้อกันหนาวดี ๆ อย่าให้เป็นหวัดนะ……
ลังเลอยู่นาน สุดท้ายเธอก็เสริมท้ายประโยคว่า ฉันทัช
ยังไม่ได้เจอหน้าเขาเลย แต่เพิ่มชื่อเขาในข้อความ หัวใจยู่ยี่ก็เต้นไม่เป็นส่ำเสียแล้ว……
เมื่อรับรู้เสียงหัวใจเต้นของตัวเอง ยู่ยี่ก็เงียบ สภาพเธอผิดปกติเกินไปทุกทีแล้ว
อีกฝั่งหนึ่ง
ในห้องวีไอพี
ฉันทัชสวมเสื้อกันหนาวสีดำขลับ กำลังนั่งไขว่ห้าง ด้านหน้าวางแก้วน้ำชาสีขาวนวล นอกจากนั้นยังมีผู้ชายจำนวนหนึ่ง
เมื่อมือถือสั่น มือใหญ่ได้รูปก็ล้วงมือถือออกจากกางเกงสูท แล้วกดเปิดดูด้วยสีหน้าอ่อนโยน มุมปากก็เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
จากนั้น เขาก็ลุกขึ้น “ขออภัยครับ ผมยังมีธุระ จำเป็นต้องกลับไปแล้ว”
ผู้ชายที่นั่งด้วยต่างพากันรั้งให้อยู่ต่อ ฉันทัชยิ่งปฏิเสธ เขาจำเป็นต้องไป เรื่องที่เหลือค่อยคุยกันพรุ่งนี้
พูดถึงขนาดนี้แล้วก็ไม่อาจรั้งตัวได้ ทุกคนจึงพยักหน้าให้
ผู้ช่วยโก๋ส่งเอกสารเสร็จ พึ่งเดินมาถึงหน้าประตูก็เห็นคุณฉันทัชออกมา เขารู้สึกประหลาดใจ งานเลี้ยงสังสรรค์ด้านธุรกิจจะเลิกตอนสามทุ่มไม่ใช่หรือ ตอนนี้พึ่งจะหนึ่งทุ่มกว่าเองนะ
เขาเดินกลับไปที่รถ จากนั้นก็สตาร์ทรถ เมื่อมองกระจกรถก็เห็นคุณฉันทัชกำลังอ่านมือถือ ซึ่งไม่รู้ว่าอ่านอะไรอยู่ โดยใช้เวลาหนึ่งนาที
……
เดินไปด้านหน้าไม่กี่ก้าว รถสีดำก็เข้าสู่สายตา จากนั้นหัสดินในชุดสูทสีดำก็ลงมา
เธอมองเรียบเฉยปราดหนึ่ง จากนั้นก็ทำเหมือนไม่เห็นอะไร เดินต่อไปด้านหน้า
จากนั้นหัสดินก็ขวางทางยู่ยี่ เธอจึงก้าวไปด้านหน้าไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว เขายื่นเช็คธนาคารให้หนึ่งใบ “เอาไป แล้วไม่ต้องทำพฤติกรรมเลว ๆ อีก”
พฤติกรรมเลว ๆ ยู่ยี่ขมวดคิ้ว ทว่าเข้าใจความหมาย เขาคงกำลังหมายถึงเป็นเด็กเสี่ยใจความเข้าใจของเขา ……
เธอยิ้มเบา ๆ ไม่ได้สนใจเขา เธอเดินอ้อมผ่านเขา เหมือนไม่เห็นหัสดินอย่างไรอย่างนั้น
เดินไปไม่ถึงสองก้าว หัสดินก็คว้าข้อมือเธอไว้“คุณไม่ได้ยินผมพูดเหรอ?”
“คุณเป็นใคร ฉันไม่รู้จักคุณ อีกอย่าง ปล่อยมือฉันด้วย” สีหน้าเธอเย็นชาและเรียบเฉยมาก
“หรือคุณจะทำตัวใฝ่ต่ำอย่างนี้ต่อไป?” เสียงหัสดินเจือความโกรธไว้ด้วย“เมื่อก่อนคุณไม่ใช่ผู้หญิงแบบนี้”
“ฉันเป็นผู้หญิงแบบไหนก็เรื่องของฉัน ตอนนั้นให้เช็คเรนนี่อย่างนี้ด้วยหรือเปล่า?”ยู่ยี่มองเขา“วิธีการที่มีต่อผู้หญิงของคุณไม่เปลี่ยนเลย น่าผิดหวังจริง ๆ”
หัสดินรู้ว่านิสัยเธอเปลี่ยนเป็นก้าวร้าวมาก แต่เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้ มันบาดหัวใจกว่าที่เขาจินตนาการหลายร้อยเท่า
“คุณรู้ไหมว่าตอนนี้คุณเหมือนผู้หญิงก้าวร้าว”
“รู้สิ ตอนยังไม่หย่า คุณบอกฉันว่าฉันเป็นผู้หญิงปากร้าย” ยู่ยี่ยิ้มพร้อมกับเน้นย้ำ
เธอฟังอะไรไม่เข้าทั้งนั้น ไม่ว่าเขาจะพูดแบบไหน เธอก็มักจะทำหน้าไม่สะทกสะท้าน ยิ่งถึงขั้นไม่มีระเบียบวินัย ทำให้หัสดินฉุนเฉียวเล็กน้อย
หัสดินใช้แรงจับข้อมือมากขึ้น ก่อนจะดึงเธอมาไว้ในอ้อมกอด สีหน้ายู่ยี่เย็นยะเยือก จ้องเขม็งใส่เขา
“ยู่ยี่คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เพื่อแก้แค้นผม คุณควรรักนวลสงวนตัว ไม่ควรเดินเส้นทางใฝ่ต่ำ ควรกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อน”
ยู่ยี่ดิ้นรน ทว่ากลับดิ้นไม่หลุด ยิ่งไม่อาจทำอะไรเขาได้ จึงกล่าวเสียงเย็นเยียบว่า “ทำไมถึงคิดว่าฉันกำลังแก้แค้นคุณ?”
หัสดินก็จ้องมองเธอ พลางรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
“หัสดิน จะให้ผู้หญิงมาแก้แค้นก็ต้องมีคุณสมบัติหน่อย ต้องมีความแค้นต่อกัน คุณไม่มีคุณสมบัติให้ฉันแก้แค้น และไม่มีแรงขับเคลื่อนให้ฉันแก้แค้นด้วย แล้วฉันจะแก้แค้นคุณทำไม หรือว่าฉันกลัวตัวเองสุขสบายเกินไป”
สายตาเธอเย็นเยียบ ถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยไม่มีความอบอุ่นเลยสักนิด ไม่เหมือนเดินอีกต่อไป คล้ายกับเป็นคนละคน
เห็นสายตาของเธอแล้ว หัสดินพลันขมวดคิ้วนิด ๆ ท่าทางของยู่ยี่ทำให้เขารู้สึกไม่คุ้นเคยเลย เป็นอย่างที่เธอพูดจริง ๆ แววตาเธอไม่มีความรู้สึกอะไรหลงเหลือเลย
เขาคิดว่าเธอกำลังแก้แค้นเขา ทว่าแววตาเธอนอกจากแดกดันแล้ว ก็มีแต่ความเงียบสงบ
เวลานี้นี่เอง หัสดินรู้สึกหนักที่ไหล่ ก่อนจะได้ยินเสียงอันมีเสน่ห์ของผู้ชาย “ประธานหัสดิน ปล่อยแฟนผมได้ไหม?”
ยู่ยี่ฉวยโอกาสนี้ หลุดพ้นจากอ้อมกอดของหัสดิน ก่อนจะยืนด้านข้างฉันทัช “ไม่ใช่บอกว่ามีงานเลี้ยงหรอกเหรอ ทำไมถึงมาล่ะ?”
ดวงตาฉันทัชลุ่มลึกและเคร่งขรึม คล้ายกับหมึกสีดำ เมื่อมือใหญ่ขยับก็โอบเธอไว้ในอ้อมแขน เสียงอ่อนโยนตามมาว่า “เห็นข้อความคุณแล้วก็รีบมาเลย……”
ยู่ยี่หน้าแดงก่ำ หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ แค่ส่งข้อความ เขาก็มาแล้วหรือ
หัสดินจ้องพวกเขาสองคน ความหงุดหงิดก็ผุดขึ้นกลางใจอีกครั้ง ซึ่งมากขึ้นกว่าเดิม ดวงตาดอกท้อจ้องฉันทัช “คุณใช้เงินซื้อตัวเธอเท่าไหร่?”
ยู่ยี่เตรียมจะพูด ทว่ามือใหญ่ของฉันทัชจับแขนเธอไว้ ดวงตาลุ่มลึกหันไปมองหัสดิน
“ประธานหัสดินคิดว่ายังไงล่ะ?”
เขาวางมาดจนหัสดินขมวดคิ้ว“ไม่ว่าจะเท่าไหร่ ผมจะคืนให้คุณสองเท่า ปล่อยให้เธออิสระเถอะ”
ฉันทัชพยักหน้า มุมปากเผยรอยยิ้มอ่อนโยน “ผมขอพูดอีกครั้ง ผมไม่เคยเห็นเธอเป็นเด็กเลี้ยง สำหรับผมแล้วเธอมีค่ามากจนประมูลไม่ได้ เธอเป็นแฟนของผม พวกเรากำลังคบกัน”
“คำพูดของคุณ ผมไม่เชื่อ” หัสดินไม่เชื่อว่าพวกเขาเลิกกันเพียงไม่นาน เธอก็จะมีรักครั้งใหม่จริง ๆ
มือใหญ่ฉันทัชกุมขมับ “เรื่องนี้ต้องอธิบาย ประธานหัสดินไม่เชื่อคำพูดของผมและเธอ งั้นต้องทำยังไงประธานหัสดินถึงจะเชื่อ?หรือว่าให้ยี่พิสูจน์?”
ได้ยินคำเรียกว่ายี่ ยู่ยี่“……”
หัสดินกลับเอ่ยปากพูดว่า“ได้ งั้นให้เธอพิสูจน์ให้ผมเห็น”
ฉันทัชก้มหน้า หลุบตาจ้องเธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะกวาดสายตามองริมฝีปากเธอ บอกใบ้ความหมายอย่างเด่นชัด ……
ยู่ยี่เห็นท่าทางเขา พวงแก้มพลันเกิดเป็นอมชมพู
ครุ่นคิดดูแล้ว เธอก็เขย่งเท้า ริมฝีปากแดงเป็นฝ่ายจูบริมฝีปากบางเอง จากนั้นเธอก็หลับตาลง