ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 412 จู่ๆก็รู้สึกผิด
เธอนั่งเงียบๆอยู่ที่โต๊ะอาหาร มือถือกระดาษและปากกา สีหน้าของเธอจดจ่อและจริงจัง จนแม้แต่เขาเดินเข้ามาในห้อง เธอก็ไม่รู้ตัว
เธอสวมเสื้อโค้ทสีดำ คอเสื้อมีคนสัตว์ปกคลุม ผมถูกมัดลวกๆ เผยใบหน้าขาวกระจ่างใส
ดวงตาของหัสดินขยับเล็กน้อย เขานั่งลงกับที่ อาหารที่ทำค่อนข้างช้าเขาจึงนั่งดื่มชาหรอ
บรรยากาศในห้องเงียบมาก แต่ก็ดูโล่ง สงบ…
กว่าอาหารจะพร้อมเสิร์ฟก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว อาหารสิบชนิดถูกนำมาเสิร์ฟเพียงสี่ชนิดเท่านั้น ยังเหลืออีกหกชนิด
“กินด้วยกันไหม” หัสดินพูด
ยู่ยี่ปฏิเสธโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง
หัสดินค่อยๆชิมอาหาร และรู้สึกว่ารสชาติดีมาก
หลังจากนั้นสิบนาที ยู่ยี่ที่เงียบมาตลอดก็เงยหน้าขึ้น
เธอวางเอกสารไว้บนโต๊ะ “มีรายละเอียดที่ต้องคุย ฉันทำเครื่องหมายไว้แล้ว คืนนี้คุณเอากลับไปอ่านแล้วพรุ่งนี้เราค่อยมาคุยกัน”
ระหว่างพูดเธอก็ยืนขึ้น และจัดกระเป๋า
หัสดินเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ และจ้องไปที่เธอ “นัดกันว่าจะคุยวันนี้ ทำไมต้องเลื่อนไปพรุ่งนี้”
“คุณน่าจะต้องกินข้าวเย็นอีกนาน ฉันไม่อยากรอ แถมนี่ก็เป็นเวลาเลิกงานฉันแล้วด้วย” เธอพูดพลางจะเดินออกไปข้างนอก
“ข้างนอกหิมะตก เดี๋ยวผมไปส่ง” หัสดินก็ลุกขึ้นยืนตามเธอ
ยู่ยี่ปฏิเสธโดยไม่หันไปมอง “แฟนของฉันจะมารับค่ะ”
ฝีเท้าของหัสดินหยุดชะงัก ดวงตาลูกพีชหรี่ลงเล็กน้อย หลังจากใช้ความคิดแล้ว เขาก็เดินตามออกไป
เมื่อออกมาที่ประตูกระจกของห้องโถง เขาก็เห็นยู่ยี่ยืนอยู่บนบันได
ผู้ชายในเสื้อโค้ทสีดำยืนอยู่ที่บันไดตรงหน้าเธอแต่ชั้นต่ำกว่า และกำลังสวมถุงมือหนังให้เธออยู่
เมื่อมองจากมุมนี้ เขาก็สามารถมองเห็นใบหน้าของยู่ยี่ที่มีสีแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย ก่อนทั้งคู่จะขึ้นรถไป
เธอไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเลยตั้งแต่ต้นจนจบ….
เมื่อรถเบนท์ลีย์ขับไปจนลับสายตา หัสดินก็หันหลังเดินกับเขาไปในห้องส่วนตัวด้วยความหงุดหงิดและหดหู่ อาหารบนโต๊ะไม่มีอะไรที่ถูกปากเขาเลย
อีกด้านหนึ่ง
ข้างนอกจะมีหิมะตก อากาศหนาวมาก ยู่ยี่หันไปมองคนข้างกาย “ตอนนี้พวกเราจะไปไหน”
“คุณมีที่ที่อยากไปไหม” ฉันทัชเพิ่มอุณหภูมิในรถอีกเล็กน้อย ก่อนจะถามเธอ
“ไม่มี ข้างนอกหิมะยังตกอยู่ อากาศไม่ค่อยดี บรรยากาศแบบนี้ ไปที่ไหนก็คงไม่รู้สึกสบาย” เธอพูด
หิมะตกอยู่ข้างนอกหน้าต่าง บนพื้นเต็มไปด้วยสีขาว บรรยากาศแบบนี้ควรจะนอนอยู่บนเตียงเป็นที่สุด เปิดฮีตเตอร์ ดูทีวี ผ่อนคลายและสบาย
หลังจากคิดครู่หนึ่ง ฉันทัชก็หักพวงมาลัยรถไปทางซ้าย ทำให้ยู่ยี่รู้สึกแปลกใจ แต่เขากลับยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อย
สุดท้ายรถก็จอดอยู่ที่หน้าคฤหาสน์
ประตูคฤหาสน์เปิดออก บรรยากาศอบอุ่นปะทะเข้ามา ยู่ยี่ตัวสั่นเล็กน้อย รู้สึกว่าอุ่นไปทั้งตัว
จากนั้นฉันทัชก็เดินเข้าไป แม่บ้านในบ้านได้เตรียมอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นอาหารที่กินเป็นปกติ ซึ่งล้วนมีความปราณีต
ไม่ว่าจะเป็นการกินข้าว หรือว่าเรื่องไหนก็ตาม ฉันทัชจะเป็นคนที่ใส่ใจเป็นพิเศษ
ซุปเป็นสิ่งที่วางบนโต๊ะมากที่สุด ในสภาพอากาศที่หิมะตก การดื่มซุปจะยิ่งทำให้ร่างกายอบอุ่น
รสชาติดีมาก ยู่ยี่กินข้าวสองชาม และกินซุปไปเยอะมาก ทำให้เธออิ่มมาก
เมื่อเห็นสายตาฉันทัชที่มองมาที่เธอ หน้าของเธอก็แดงขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะนำผมที่กระจัดกระจายไปทัดไว้ทีหลัง “ฉันกินเยอะไปใช่ไหม”
“เปล่า ผมไม่ชอบผู้หญิงที่คิดว่าผอมแล้วสวย ผมชอบผู้หญิงที่มีน้ำมีนวล…”
ยู่ยี่มองเขา “เพราะอะไร”
ฉันทัชหลับตา ริมฝีปากเซ็กซี่กระตุก ก่อนจะพูด “ ไม่มีใครอยากนอนกอดกระดูกหรอก…”
“….” ยู่ยี่
เธอรู้สึกว่าคุณฉันทัชก็เป็นคนที่จริงจังและเป็นทางการมาก จนบางทีก็น่าเบื่อ
“คุณเคยเห็นแบบสำรวจไหม ยิ่งผู้หญิงผอมมากเท่าไหร่ ผู้ชายก็ยิ่งไขว้เขวมากเท่านั้น เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของผู้ชายชอบผู้หญิงมีน้ำมีนวล ทำให้พวกเขารู้สึกอบอุ่นอย่างเพียงพอ…” เขาเหลือบสายตาขึ้นมามองเธอ และพูดด้วยเสียงต่ำเซ็กซี่
ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นพูดคำพูดแบบนี้ คงทำให้รู้สึกว่าเขาคิดเป็นอื่นแน่ๆ
แต่เมื่อเป็นเขา กลับทำให้รู้สึกอีกอย่างนึง เขาพูดถึงเรื่องเพศอย่างมีสมาธิและจริงจัง ทำให้ดูมีเสน่ห์
ยู่ยี่หน้าแดงเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ
“เพราะฉะนั้นอย่าคลั่งผอมมากเกินไป เอาแบบพอดี มีน้ำมีนวล เหมาะสมที่สุด…”
เรนนี่จิบซุปและถามอีกว่า “ถ้าแฟนของคุณผอมมาก คุณจะไขว้เขวมั้ย”
ฉันทัชยิ้มเล็กน้อย และมองตอบเธออย่างไม่ลังเล “ไม่ ขอแค่เป็นผู้หญิงของผม ไม่ว่าจะเป็นยังไงผมก็ชอบ…”
สายตาที่มองมานั้นเหมือนจะแผดเผายู่ยี่ไปทั้งตัว เธอรู้สึกว่าแก้มของเธอร้อนไปหมด
เธอลุกขึ้นไปที่ผนังกระจกที่สูงพื้นจรดเพดาน
นอกหน้าต่างหิมะยังตก และตกหนักขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ไกลจากตรงนี้มีทะเล หิมะพัดลอยไปดูสวยมาก
ฉันทัชยืนขึ้น ขยับขายาวเดินไปไม่กี่ก้าวจนไปถึงหลังของเธอ จากนั้นมือใหญ่ก็โอบรอบเอวเธอไว้ และบางครั้งลงบนไหล่ของเธอ
ยู่ยี่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับความใกล้ชิดอย่างกะทันหัน ร่างกายของเธอแข่งทื่อ แต่เมื่อเธอรู้ตัวกลับมา เธอก็ผ่อนคลาย และซุกตัวไปที่อกของเขา
เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำเพียงเท่านั้น แต่หน้าอกของเขากลับอบอุ่นเหมือนเตาไฟ ร่างกายของผู้ชายไม่เหมือนกับร่างกายของผู้หญิงเลย
ลมหายใจร้อนของเขารดลงที่ขอของเธอ จนทำให้เธอต้องย่นคอเล็กน้อยด้วยความจั๊กจี้
ก่อนที่ร่างสูงจะโน้มตัวลงมาจูบเธอ
ยู่ยี่ปิดตา ปลายลิ้นของทั้งสองสัมผัสกัน และพันกันอย่างดูดดื่ม
ตอนแรกฉันทัชจะขอเธอจุ๊บ แต่เธอกลับจูบตอบอย่างร้อนแรง และเสน่หา
แต่อย่างไรทั้งคู่ก็โตแล้ว แค่จูบเพียงจูบเดียว จะดับความกระหายได้อย่างไร
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ยู่ยี่ได้สติกลับมา และคิดจะกลับไปหยิบโทรศัพท์ แต่ฉันทัชไม่ให้ไป
แต่เธอก็ยังคิดจะรับสายอีก มือใหญ่ของฉันทัชจึงกอดเอวเธอไว้ และหยิบโทรศัพท์มาให้เธอ
นาโนโทรมา เธอสูดลมหายใจ ชี้ไปที่เขา ก่อนจะรับสาย
“อืม…ใช่…คืนนี้ฉัน…ไม่กลับนะ…” แม้แต่ประโยคเต็มๆเธอก็พูดออกมาไม่ได้ เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย มืออุ่นของเขาบีบเอวเธอเบาๆ ใบหน้าแดงเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกาย
คนที่อยู่ปลายสายได้ยินอย่างชัดเจน และรู้ว่าฝั่งโน้นกำลังมีฉากที่โรแมนติกอยู่
“รอเธอกลับมาฉันจะซักให้สะอาดเลย”
จากนั้นนาโนก็วางสายไปอย่างรู้หน้าที่ ในตอนสุดท้ายเธอยังแอบฟังเสียงลมหายใจของเทพบุตรด้วย
ทั้งสั่น เซ็กซี่ แหบพร่า เธอฟังแล้วเลือดกำเดาแทบพุ่ง…
ทั้งคู่น่าจะร้อนแรงกันมาก
….
เรนนี่กำลังดูทีวีอยู่ เมื่อเห็นว่าหัสดินมา เธอจึงยืนขึ้น
หัสดินไม่ได้พูดถึงเรื่องยาทำแท้ง และเธอก็ไม่ได้ถาม เมื่อเสื้อโค้ทตัวใหญ่ถูกวางลงบนโซฟา ยาก็ตกลงมา
เรนนี่เห็นแล้วไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากเดินไปเทน้ำอุ่น และกลับมานั่งที่โซฟาเหมือนเดิม เธออ่านคู่มือยา จากนั้นก็ถามหัสดิน “กินข้าวเย็นหรือยัง”
หัสดินตอบรับแล้วเปิดโทรศัพท์เพื่อเรียกหมอมา
ถึงการกินยาทำแท้งจะเป็นเรื่องปกติ แต่เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด เขาจึงเรียกหมอมาด้วย
เพราะยังไงเรนนี่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากแบบนี้ก็เพราะเขา เขาต้องรับรองความปลอดภัยของเธอ
ผ่านไปไม่นาน ความเจ็บปวดก็พลุ่งพล่านออกมาจากท้องของเธอ เธอกัดฟันแน่น เจ็บจนตัวเย็นไปหมด
เลือดไหลออกมาจากหว่างขาของเธอ เลือดสีแดงสดอย่างน่าตกใจ
เรนนี่เจ็บปวดจนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หัสดินขมวดคิ้ว ก็เธอไว้ในอ้อมกอด บอกไม่ถูกว่าความรู้สึกนี้คืออะไร
นี่เป็นครั้งแรกของเขา และเป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นผู้หญิงตกเลือดต่อหน้าต่อตา คิดไม่ถึงว่าขั้นตอนจะเจ็บปวดขนาดนี้
ทั้งหมดใช้เวลาไปไม่น้อย เรนนี่เลือดออกไปหลายครั้ง จนใบหน้าของเธอไม่มีสีเลือด ปากก็ซีดขาว
เธอนอนอยู่บนเตียงด้วยความอ่อนแอ แม้แต่พูดก็พูดไม่ออก โดยที่มีหัสดินอยู่เป็นเพื่อน
เมื่อเห็นว่าเธออ่อนแรง หัสดินก็นึกถึงยู่ยี่ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ตอนที่เธอลื่นล้ม เขาไม่ได้อยู่ข้างเธอ เมื่อคิดถึงฉากเลือดออกเมื่อสักครู่ เขาก็คิดไม่ได้ว่าตอนนั้นยู่ยี่จะเป็นอย่างนั้นไหม
เขาไม่ได้อยู่ข้างกายเธอ ทำให้เขาเริ่มรู้สึกผิดขึ้นมา
เมื่อคิดๆดูแล้ว เธอเป็นคนทำแท้งเด็กเอง แล้วเธออยากจะทำแท้ง ทำไมเขาต้องรู้สึกผิดด้วย
เช้าวันถัดมา
เรนนี่ตื่นเช้ามาก ฟ้ายังไม่สางเธอก็ตื่นแล้ว สายตาของเธอมองไปที่หัสดินที่นอนอยู่ข้างกาย
หัสดินรู้สึกผิดอย่างไม่ต้องสงสัย
ท้องที่เพิ่งตั้งครรภ์ได้เพียงแค่เดือนเดียวสามารถแลกกับความรู้สึกผิดของเขาได้ แถมลูกจะมีอีกเมื่อไหร่ก็ได้
เมื่อหัสดินตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเก้าโมงแล้ว เมื่อเห็นว่าเรนนี่อ่อนแอเกินไป เขาจึงไม่ไปบริษัท และอยู่ข้างกายเธอ
“อนาคตเราจะมีลูกกันใช่ไหมคะ” เรนนี่ยกแก้มขึ้นและมองไปที่หัสดิน
ประโยคนี้อ่อนโยน และอ้อมค้อม ตั้งใจจะหลอกเอาคำพูดของหัสดิน
ในใจของหัสดินตอนนี้ไม่ได้คิดถึงเด็กคนนั้นเลย
เมื่อเห็นเธออ่อนแรง สีหน้าซีดขาว เขาจึงไม่อยากพูดปฏิเสธ ทำได้เพียงพยักหน้า
เรนนี่ยกยิ้มโดยไม่ถามอะไรอีก เธอซบลงบนอกเขา แล้วหลับต่อไป
เมื่อตื่นขึ้นมา ยู่ยี่ยังคงนอนหนุนแขนแข็งแรงของเขาคนนั้นไว้ บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยความอบอุ่น ไม่มีความหนาวเย็นแม้แต่น้อย