ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 417 ผมจะจีบคุณอีกครั้ง
ยู่ยี่เงียบ เธอเป็นเพียงพนักงานบริษัท ต้องมีผู้ช่วยด้วยหรอ
ฉันทัชพูดอีกครั้งว่า ถ้าเธอยอมให้โก๋มาช่วย เขาจะได้สบายใจตอนเธอทำงาน ไม่อย่างนั้นเขาจะโทรหาผู้บริหารเดี๋ยวนี้
แม้แต่ผู้ชายที่อ่อนโยน เมื่อออกคำสั่งก็ไม่ธรรมดา เธอทำอะไรไม่ได้ นอกจากปล่อยให้โก๋มาช่วย
ตลอดทั้งเช้ายู่ยี่กลายเป็นพนักงานที่ถูกจับตามองมากที่สุดในบริษัท เธอกระหายน้ำโก๋ก็รีบชงกาแฟมาให้ ถ้าเธอต้องการอะไร เขาก็จะแย่งเอามาให้ก่อนเสมอ
พนักงานต่างนินทาเธอว่าเธอทำเป็นใหญ่ ขณะที่ผู้จัดการรู้เรื่องราวภายในจึงได้แต่ยิ้มๆ และเรียกโก๋อย่างเป็นกันเอง
ในตอนบ่ายเธอกำลังจะไปลงภาคสนาม ยู่ยี่ก็พาโก๋ไปด้วย คนที่ดูแลอยู่ตรงนั้นน่าจะเป็นผู้จัดการ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าที่แท้จะเป็นหัสดิน
มีการแจกจ่ายเงินย้ายถิ่นฐานสำหรับผู้อยู่อาศัยบริเวณนี้ และผู้อยู่อาศัยก็เริ่มย้ายถิ่นฐาน ยู่ยี่จึงให้คนที่รับผิดชอบทำการตรวจวัด และบันทึกข้อมูล
หัสดินสวมเสื้อคลุมสีแดงเข้มไม่ได้ติดกระดุมทุกเม็ด และเขาก็ดูเลอะเทอะเล็กน้อย
เมื่อสังเกตเห็นบาดแผลที่คอและข้อมือของยู่ยี่ เขาหรี่ตาลูกพีชลง พร้อมยกมือจะสัมผัสบาดแผลที่คอของเธอ แต่มือที่ไม่ได้รับบาดเจ็บของเธอจับข้อมือของเขาสะบัดออกก่อน
“มันมาได้ไง” หัสดินขมวดคิ้ว
“ขโมยโรคจิตเมื่อคืน ใช้มีดตวัดใส่” เธอพูดเบาๆ ราวกับว่ามันเป็นเรื่องเล็กน้อย “อย่ารบกวนงานของฉันด้วย”
ที่ไกลๆมีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งพูดกับลูกสาวที่อยู่ข้างๆเธอว่า “นั่นไม่ใช่ยู่ยี่เพื่อนร่วมชั้นของลูกหรอ และนั่นข้างๆกันคือสามีของเธอ พวกเขาหย่ากันแล้วไม่ใช่หรอ ทำไมยังสนิทกัน”
เนเน่กำลังจัดกระเป๋าเดินทางอยู่ เมื่อเธอได้ยินคำพูดของแม่ เธอก็เงยหน้าขึ้นมอง และมันก็ใช่จริงๆ!
เรนนี่เคยช่วยเธอเมื่อเธออยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด ระหว่างยู่ยี่และเรนนี่ เนเน่ชอบเรนนี่
เธอยื่นกระเป๋าเดินทางให้แม่ แล้วแอบตามทั้งสองคนไป
ดวงตาของหัสดินขยับเล็กน้อยแฝงไปด้วยความเย็นชา ยู่ยี่กำลังพยายามทำในสิ่งที่เธอทำได้ ไม่ได้ฝืน เมื่อเห็นว่าไม่เหมาะสม เธอก็หยุดดำเนินการ
โปรเจกต์นี้คือการสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เลยต้องคุยกันถึงรูปแบบ วัสดุ และรูปทรงอย่างละเอียด เลยไปร้านกาแฟที่ใกล้ที่สุด
“ขอห้องส่วนตัว” หัสดินล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงสูทของเขาแล้วพูดกับพนักงานเสิร์ฟ
“ไม่ต้อง แค่นั่งข้างนอกก็พอ” ยู่ยี่ปฏิเสธ
เธอได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือและคอด้วย ถ้าหัสดินมายุ่มย่ามกับเธอ เธอสู้ไม่ได้แน่นอน
เธอเพียงแค่พูดเผื่อ ไม่ได้หมายความว่าหัสดินจะยุ่มย่ามกับเธอจริงๆ เขายังเป็นมีเกียรติ แถมยังมีเรนนี่อยู่เคียงข้าง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมายุ่งกับเธอ!
หัสดินยังคงต้องการที่จะปฏิเสธ แต่ยู่ยี่ได้ก้าวไปข้างหน้า และนั่งลงที่ที่นั่งริมหน้าต่างแล้ว เขาจึงได้แต่ขมวดคิ้วอย่างทำอะไรไม่ได้
เธอทำตัวอย่างเป็นทางการ และหลังจากเขาอ่านข้อกำหนดแล้ว จึงพูดออกความคิดเห็นทีละข้อ
“คุณเปลี่ยนไปเยอะมาก” จู่ๆหัสดินก็พูดขึ้น
ยู่ยี่ไม่สนใจเขา และยังคงเรื่องถึงงานต่อไป
“ก่อนหน้านี้ห้องที่ขโมยเคยขึ้นมาก่อน คุณจะไม่กล้าอยู่ในห้องนั้นคนเดียวเลย” เขาพูดอีกครั้ง
ยู่ยี่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และจดความต้องการของเขาลงสมุดบันทึก ตามคำพูดของเขา
หัสดินขมวดคิ้วสูงขึ้น ยกมือขึ้น และหยิบสมุดบันทึกจากมือเธอมา
ในที่สุดยู่ยี่ก็เริ่มหงุดหงิด เธอโยนปากกาในมือลงบนโต๊ะ และพูด “คุณต้องการอะไร”
“ไม่กี่วันก่อน ผมบอกว่าผมจะจีบคุณใหม่ ประโยคนี้ไม่ใช่คำโกหก หรือพูดลอยๆ แต่เป็นคำพูดที่จริงที่สุด สำหรับเรนนี่ ผมตัดสินใจจะเลิกกับเธอ แต่ตอนนี้ร่างกายเธออ่อนแอ ไม่อยากให้กระทบกระเทือน…”
เธอยกมือข้างหนึ่งขึ้นมานวดหว่างคิ้ว และพูดอย่างเบื่อหน่าย “เกี่ยวอะไรกับฉัน”
แน่นอนว่าเนเน่ซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างหลังทั้งสองคนได้ยินชัดมาก เธอหันหลังให้ทั้งสองคน และคำพูดเมื่อสักครู่ก็ถูกบันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือของเธอแล้ว
ตั้งแต่วินาทีแรกที่ทั้งสองเดินเข้าไปในร้านกาแฟและนั่งลง เธอก็เปิดโทรศัพท์อัดเสียงแล้ว
เนเน่รู้สึกว่าเสียงบันทึกนี้ควรส่งให้เรนนี่ในฐานะเพื่อนที่สนิท เธอไม่ต้องการให้เรนนี่เจ็บปวด
เมื่อได้ยินเนื้อหาของบทสนทนานี้ เนเน่ก็รู้สึกเศร้าและหนาวเหน็บแทนเรนนี่
“คนที่ผมจะจีบใหม่คือคุณ ดังนั้นผมก็ต้องบอกคุณว่าผมกำลังจะทำอะไร” หัสดินมองเธอ และปิดสมุดบันทึก
ยู่ยี่รู้สึกว่าเธอคิดผิดจริงๆที่ยอมรับโครงการนี้ในตอนแรก และเธอไม่อยากเข้าไปพัวพันกับผู้คนและสิ่งต่างๆในอดีตอีก
แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์นี้พัวพันกันเกินไป และส่งผลกระทบต่อการทำงานปกติของเธอ
เนเน่ที่หันหลังให้เธอทั้งสองไม่ฟังอีกต่อไป เธอรู้สึกว่าหัสดินได้พูดประเด็นสำคัญไปแล้ว และแน่นอนว่าไม่มีเนื้อหาอะไรให้ฟังอีกแล้วต่อจากนี้
ที่เหลือไม่มีอะไรมากไปกว่าความอาลัยอาวรณ์ของหัสดิน
เมื่อเดินออกจากร้านกาแฟ เนเน่ก็โทรหาเรนนี่ และถามว่าเธออยู่ที่ไหน จากนั้นจึงเรียกแท็กซี่เพื่อออกไปหาเธอ…
เรนนี่สวมชุดนอน ไม่แต่งหน้า สีหน้าซีดเผือดเล็กน้อย
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เนเน่รีบวิ่งเข้ามา และเมื่อเห็นสภาพของเธอก็ตกใจทันที เพิ่งไม่ได้เจอกันไม่กี่วัน แต่เธอโทรมลงมาก “เธอเป็นอะไร หน้าซีดจัง”
“ฉันท้อง และก็ทำแท้งลูกอีกแล้ว ร่างกายรู้สึกอ่อนแรงไปหน่อย” เรนนี่พูดพลางส่งกาแฟหนึ่งแก้วให้เธอ
“ของหัสดินหรอ เขาไม่ต้องการลูกหรือเธอไม่ต้องการ”
“เขาไม่ต้องการ” เรนนี่กำลังดื่มน้ำอุ่นอยู่ ถามด้วยความสงสัย “ทำไมวันนี้เธอถึงต้องรีบร้อนมาที่นี่”
เนเน่สูดหายใจเข้าลึกๆ และกำโทรศัพท์แน่น “เขาบอกว่าเขาไม่ต้องการลูก เธอก็เลยไม่ต้องการลูก และกำจัดเด็กออกไปเนี่ยนะ”
เนเน่ส่ายหัว ตอนนี้เป็นสังคมที่อยู่ภายใต้กฎหมาย หากคุณต้องการลูกคนนี้ หัสดินจะบังคับ ข่มขู่ให้เอาเด็กคนนี้ออกไม่ได้
“ฉันยังอยากอยู่กับเขา ไม่อยากให้เขาเบื่อ ลูกไว้ค่อยมีก็ได้ อย่างที่เขาพูด ถ้าเอาเด็กออก เขาจะรู้สึกผิดต่อฉันมากอย่างแน่นอน เขาไม่ใช่คนไร้ความปราณี ใช้รู้สึกผิดนี้ ฉันจะสามารถแลกอะไรมาได้มากมาย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เนเน่ก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าจะเปิดเสียงบันทึกในโทรศัพท์ให้เธอฟังดีหรือไม่
ถ้าฟังมัน เรนนี่จะต้องเสียใจอย่างแน่นอน เธอยอมเสียลูกไป แต่เขาก็ยังลงเอยด้วยผลลัพธ์แบบนี้
แต่ถ้าเธอไม่ให้ฟัง เธอก็จะหลับหูหลับตา หลอกตัวเอง และคิดว่าหัสดินจะแต่งงานกับเธอ
ยังไงเนเน่ยังคงคิดว่าความเจ็บปวดที่ยาวนานนั้นแย่กว่าความเจ็บปวดในระยะสั้น ยิ่งเรนนี่รู้เร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี
ในเมื่อหัสดินไม่มีใจให้เธอ ก็ไม่มีความจำเป็นที่เธอจะต้องเป็นแบบนี้ต่อไป ใช้ความสาวและสวยหาผู้ชายที่รักเธอจริงๆและแต่งงานด้วยดีกว่า อย่างนี้ถึงจะเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดในฐานะผู้หญิง
“ฉันมีบางอย่างอยากให้เธอฟัง” เนเน่รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่โหดร้ายกับเรนนี่ และมีแต่จะเลวร้ายมากขึ้น
เรนนี่หันไปมองอย่างสงสัย และรอคอย
เนเน่กดปุ่มบันทึกเสียง และจากนั้นก็มีเสียงผู้ชายทุ้มลึกอันคุ้นเคยดังขึ้น…
[ไม่กี่วันก่อน ผมบอกว่าผมจะจีบคุณใหม่ ประโยคนี้ไม่ใช่คำโกหก หรือพูดลอยๆ แต่เป็นคำพูดที่จริงที่สุด สำหรับเรนนี่ ผมตัดสินใจจะเลิกกับเธอ แต่ตอนนี้ร่างกายเธออ่อนแอ ไม่อยากให้กระทบกระเทือน…]
มีเพียงประโยคสั้นๆไม่กี่ประโยคดังขึ้น จากนั้นเนเน่ก็ปิดโทรศัพท์ เรนนี่นั่งตัวแข็งทื่อราวกับรูปปั้น ไม่พูดอะไรออกมา
ไม่รู้ว่าจะปลอบหรืออะไรดี เนเน่ได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ เรนนี่ยังคงอยู่ในท่าเดิมไม่ขยับ
นาฬิกาสามมิติที่วางอยู่ในคฤหาสน์ส่งเสียงขึ้น นี่จึงเป็นเสียงเดียวในคฤหาสน์ทั้งหมดในขณะนี้
ทันใดนั้น เนเน่รู้สึกว่าเธอใจร้าย เธอไม่ควรให้เธอฟังประโยคนี้ใช่หรือไม่
เธอเดินเข้ามาโอบกอดเรนนี่อย่างอ่อนโยน “เธอใช้เวลาเจ็ดปีให้กับหัสดิน ไม่ว่าจะเป็นเพราะเธอชอบเขาหรืออะไร แต่มันมาถึงวันนี้ได้ขนาดนี้ ก็เพียงพอแล้ว เธอก็เห็นแล้วว่า ไม่ว่าเธอจะใช้วิธีไหนเอาหัสดินมา แต่ก็ไม่สามารถแยกความสัมพันธ์เจ็ดปีของหัสดินกับยู่ยี่ได้ ฉะนั้นลืมมันไปเถอะ”
ประโยคนี้ เรนนี่ไม่ชอบฟังมากที่สุด “เจ็ดปีของความสัมพันธ์หรอ เธอคิดว่าถ้ายู่ยี่ไม่สวยขึ้น หัสดินจะจีบเธออีกครั้งหรอ”
“แต่ไม่ว่าเธอจะพูดอย่างไร มันเป็นความจริงที่ว่าเขาต้องการจีบยู่ยี่อีกครั้ง”
เรนนี่ชักสีหน้า เดินไปที่หน้าต่างพลางดื่มน้ำอุ่น แต่หัวใจของเธอและเส้นเลือดบนหัวของเธอยังคงเต้นตุบๆ
“เธอยังเด็กและสวยมาก หาผู้ชายที่รักเธอแต่งงานได้ไม่ยาก ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ ทำไมถึงต้องยอมอยู่ในสภาพนี้ ถึงจะเป็นเมียน้อย เธอก็ไปเป็นเมียน้อยคนอื่นได้ ในเมืองs มีผู้ชายรวยๆมากมาย ไม่จำเป็นต้องเป็น หัสดิน เขาอาจจะยังมียู่ยี่ในใจ ไม่มีทางที่เขาจะแต่งงานกับเธออย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ให้เธอทำแท้งหรอก!”
เนเน่หว่านล้อมอย่างจริงจัง เธอหวังว่าเรนนี่จะไม่อยู่แบบนี้ต่อไป แต่เลือกเส้นทางที่ถูกต้อง
แต่ในตอนนี้เรนนี่ได้รับการกระตุ้นแล้ว และไม่มีคำใดในคำพูดของเนเน่ ที่เธอชอบที่จะได้ยิน
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คำพูดเหล่านี้ได้เติมเชื่อเพลิงในหัวใจของเรนนี่ ทำให้เธอโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ และการกระตุ้นก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“เธอเอาแต่พูดดูถูกฉัน ฉันจะลืมไปว่าตอนเรียนมหาวิทยาลัย เธอก็ชอบหัสดิน ตอนนี้ให้ฉันปล่อยวาง เพราะเธอจะเข้ามาเสียบใช่ไหม” คำพูดของเรนนี่โหดร้าย และเสียดสี
เนเน่ตกใจเหมือนถูกตบสองครั้ง
ทันใดนั้นโทรศัพท์ดังขึ้น เรนนี่จึงรับสาย “คิตตี้ เดินเล่นหรอ ฉันยังรู้สึกไม่ค่อยสบาย ไปไม่ไหว”
“ได้ยินมาว่าเธอกับหัสดินคบกันแล้ว ยินดีด้วยนะ ตอนอยู่มหาลัยยู่ยี่ขัดตาฉันมาก ตอนนี้โดนทิ้งก็ดี ฉันอยู่ที่ร้านดัง ที่นี่มีแต่ของใหม่ๆเข้ามา ว่างแล้วมานะ มาช๊อปปิ้งกัน ตอนนี้เธอสวยมาก ใส่อะไรก็ดูดีไปหมด…”
โทรศัพท์เปิดลำโพงอยู่ ดังนั้นเนเน่จึงสามารถได้ยินได้ชัดเจน คิตตี้ก็เป็นเพื่อนสมัยมหาลัยเหมือนกัน
แตตอนอยู่มหาวิทยาลัย ความสัมพันธ์ของคิตตี้กับเรนนี่แย่มาก เธอมักจะล้อเลียน นินทาลับหลัง และหลอกเธอด้วย