ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 418 คุณเป็นแฟนไม่ใช่สาม
ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนเปลี่ยนเป็นดีขึ้นมาก
แต่ก็นั่นแหละ ที่จริงทุกคนก็หน้าซื่อใจคดทั้งนั้น ใครๆต่างก็ชอบฟังคำเยินยอและคำชม คำพูดที่น่าเกลียดแต่จริงใจ น้อยคนนักที่จะชอบฟัง แม้แต่เพื่อนสนิทก็ไม่มีข้อยกเว้น
เนเน่ยิ้มเยาะเย้ย หยิบโทรศัพท์และจากไปโดยไม่พูดอะไร
เกินเหตุหรอ เธอไม่คิดว่าอย่างนั้นนะ เธอได้ทำในสิ่งที่เธอควรทำในฐานะเพื่อนแล้ว ไม่ว่ายังไง เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของเรนนี่
บางทีโลกอาจเปลี่ยนเป็นแบบนี้ไปแล้วก็ได้
เรนนี่ดื่มน้ำสองแก้วติดต่อกัน แต่รอยยิ้มที่มุมปากของเขากลับลึกขึ้นเรื่อยๆ ไม่อ่อนโยนเหมือนปกติ ที่แฝงไปด้วยความสดใส
ให้เธอปล่อยมือ นั่นเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้เธอไม่มีลูกแล้ว แล้วจะปล่อยเขาไปได้ยังไง
ก่อนหน้านี้เธอบอกแล้ว ระหว่างผู้หญิง นอกจากความรู้สึกแล้ว ยังมีการวางแผน ยิ่งนานขึ้น การวางแผนก็ยิ่งมีความสำคัญเหนือความรู้สึก
ตอนนี้มันเหมือนกับว่าทุกอย่างกลับมาที่จุดเดิมอีกครั้ง ไหนว่าหัสดินมีความรู้สึกผิดอย่างสุดซึ้งสำหรับเธอไง
เธอจะใช้ความรู้สึกผิดนี้ให้เกิดประโยชน์ แต่เสียงบันทึกนั้นยังทำให้เธอเสียใจ
หลังเสียลูก และอยู่เคียงข้างกันมานาน จู่ๆเขาก็จะกลับไปหาภรรยาเก่า บอกว่าไม่เอาเธอก็จะไม่เอา ง่ายๆแบบนั้นเลยหรือไง
เธอไม่ใช่ดอกไม้ข้างทาง อยากได้เมื่อไหร่ก็มา ไม่อยากได้ก็ทิ้ง
ความโกรธผุดขึ้นในหัวใจของเธอ เธอโยนถ้วยในมือลงจากหน้าต่าง ก่อนจะได้ยินเสียงแตก ถ้วยแแหลกละเอียดเป็นชิ้นๆ แต่เธอจะไม่ใช้วิธีรุนแรง เธอจะยังคงอ่อนโยนเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม นี่เป็นครั้งแรกที่ เรนนี่ เสียอารมณ์และโกรธมาก!
ทางนี้
ยู่ยี่ไม่สนใจหัสดิน เธอเดินทางกลับไปที่บริษัท โดยยังมีเขาตามกลับไปที่บริษัทอย่างหน้าด้านๆ
เพราะเป็นหัสดิน ผู้จัดการจึงต้อนรับเขาแน่นอน ในช่วงเวลานี้ผู้จัดการได้แต่ยิ้มอยู่บ่อยๆ
ภูษาธรกรุ๊ปมีชื่อเสียงมากในเมืองs โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัสดินซึ่งหล่อเหลามาก เมื่อเขามาที่สำนักงาน จึงเรียกกระแสได้ง่ายๆ
หัสดินขึ้นปกนิตยสารบ่อยครั้ง แต่สาวๆชอบเห็นตัวจริงมากกว่า
ผู้หญิงในสำนักงานต่างตื่นเต้น ยื่นหัวออกไปนอกสำนักงาน มีเพียงยู่ยี่เท่านั้นที่ไม่ฟังสิ่งที่เกิดขึ้นนอกหน้าต่าง เอาแต่อ่านหนังสือนักปราชญ์เท่านั้น
ประตูเปิดออก ผู้จัดการเดินมาเรียกยู่ยี่
ยู่ยี่ทำเหมือนไม่ได้ยิน และนั่งอยู่เงียบๆอย่างนั้น ผู้จัดการเรียกอีกครั้ง ยู่ยี่ ยู่ยี่ รองประธานหัสดินมีคำถามจะถาม
เธอไม่ขยับ ปัญหาอะไร เธอรู้อยู่แก่ใจ ผู้จัดการเดินเข้ามา จากนั้นก็บังคับดึงเธอไปที่สำนักงาน
หัสดินเอนกายลงอย่างเกียจคร้าน เมื่อเห็นเธอถูกดึงเข้ามา จึงกล่าวอย่างสุภาพว่า “นั่งสิ”
ยู่ยี่ทัดผมของเธอไว้ด้านหลังใบหู ปิดประตูสำนักงาน และมองไปที่หัสดินด้วยท่าทางเย็นชา “ทำไมคุณถึงจะจีบฉันอีก”
หัสดินมองเธอโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“พบว่ายังรักฉันอยู่ หรือพบว่าเรนนี่ไม่สามารถทำให้คุณพอใจได้ หรือรู้สึกรังเกียจเรนนี่ หรือรู้สึกว่าฉันสวยขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย ถ้าฉันยังหน้าบวม ท้องป่อง ไม่แต่งหน้า ไม่ดูแลตัวเอง คุณคงไม่แม้แต่จะมองหน้าฉัน ใช่มั้ย อีกอย่าง อย่าพูดว่าหลังหย่าแล้ว เพิ่งรู้ตัวว่าอยู่โดยไม่มีคุณไม่ได้ นี่ไม่ใช่ข้ออ้าง เราหย่ากันสองเดือนแล้ว เดือนแรกฉันหางานทุกวันจนเกือบถูกข่มขืน แถมยังต้องทำงานเป็นแม่บ้านช่วงหนึ่ง คุณก็ไม่เห็นบอกว่าจะจีบฉัน แต่ฉันเปลี่ยนไป คุณก็บอกว่าจะกลับมาจีบฉันใหม่ หัสดินคุณชอบอะไร คุณให้ความสำคัญกับอะไร ความรักเจ็ดปียังสู้ความสวยข้ามปีไม่ได้ คุณมีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าจะจีบฉันใหม่”
ยู่ยี่พูดทีละคำอย่างตรงจุด “ดังนั้นอย่าทำอะไรที่ไร้ประโยชน์ ใช้ชีวิตอยู่กับเรนนี่ดีๆเถอะ ฉันเป็นหมาบ้า บ้าคลั่งทุกครั้ง เจ้าชายหัสดินอย่างคุณ ฉันไม่อาจเอื้อมหรอก!”
เมื่อพูดจบเธอก็หันหลังเดินออกไป แต่ผู้จัดการขวางประตูไว้ ยู่ยี่จึงพูดอย่างหงุดหงิด “คุณฉันทัชมารับฉันข้างล่าง”
ผู้จัดการครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะก้าวถอยหลัง เปิดประตู ยู่ยี่ยังไม่ทันได้เดินออกไป หัสดินก็ดึงข้อมือเธออีกครั้ง ทำให้ไม่สามารถเดินออกไปได้
เธอดิ้นไม่หลุด จึงบอกให้โก๋ลงไปบอกฉันทัช เธอโดนดึงไว้ ออกไปไม่ได้ ให้เขาขึ้นมา เธอจะอยู่รอในห้องทำงาน…
โก๋พยักหน้า ก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว และเขาก็ลงไปถึงชั้นล่างในชั่วพริบตา ผู้จัดการคิดว่าแย่แล้ว ฝั่งไหนก็ใหญ่ด้วยกันทั้งนั้น!
ถ้าฉันทัชขึ้นมา เขาควรทำอย่างไรดี
ผู้จัดการหนักใจมาก แต่คนในออฟฟิศต่างเบิกตากว้าง หูผึ่ง คนช่างนินทาจะทิ้งโอกาสดีๆแบบนี้ไปได้อย่างไร
เมื่อหัสดินได้ยินคำว่าฉันทัช หัวใจของเขาก็หงุดหงิด และโมโหมากขึ้นเรื่อยๆ จนแรงในการรั้งข้อมือของเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
หึหึ ฉันทัช มาถูกเวลาซะจริง…
สีหน้าหล่อเหลาดูชั่วร้าย หัสดินยิ้มอย่างมีความหมาย
ในเมื่อเขาได้ประกาศไปแล้วว่าเขาอยากจะจีบเธออีกครั้ง จะกลัวการมาของผู้ชายคนอื่นทำไม โดยเฉพาะกับคนที่ชื่อฉันทัช เขาจะรอดู!
“ฉันไม่ไปแล้ว คุณปล่อยได้แล้ว” ยู่ยี่หันกลับมาพูดกับหัสดินอย่างเย็นชา
เธอไม่ชอบออกหน้า และกลายเป็นจุดสนใจมาโดยตลอด แต่ต้องขอบคุณเขา การแสดงตัวของเธอในวันนี้สุดยอดมาก!
เมื่อเหลือบมองเห็นรอยแดงจางๆบนข้อมือของเธอ เขาจึงคลายมือออก และก็ยักไหล่อย่างเกียจคร้านพลางเอนหลังพิงโต๊ะข้างหลังเขา แขนสองข้างก็ยกขึ้นมากอดอก
ฉันทัชเดินเข้ามาด้วยขายาวที่มีเสน่ห์ เขาสวมเสื้อคลุมสีดำที่มีปกคอทำจากขนสัตว์ ทำให้ออร่าความหรูหราของเขาแผ่ออกมามากขึ้น
ผู้ชายสองคนเป็นประเภทที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากสไตล์การแต่งตัว
หัสดินสวมชุดสีแดงเข้มเหมือนกับอายุของเขา เต็มไปด้วยโอ้อวดและความเย่อหยิ่ง
ในทางกลับกัน ฉันทัชสวมเสื้อคลุมสีดำ และชุดสูทที่เขาสวมข้างในก็เป็นสีดำ แบบเรียบๆ หรูหราและเป็นผู้ใหญ่
ทุกคนในสำนักงานตื่นตัว จ้องมองทั้งสองคน แต่ผู้ชายทั้งสองไม่สนใจ และการดูก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการเพิ่มความเศร้า
ไม่ต้องพูดถึงว่าภูมิหลังของครอบครัวเทียบไม่ได้กับเขา แม้แต่รูปลักษณ์ ร่างกาย ความสูง เหล่านี้ก็ยังด้อยกว่าเขามาก
ดังนั้นพระเจ้าไม่ยุติธรรม เป็นอย่างคำพังเพยพูด เมื่อพระเจ้าปิดประตูให้คุณ พระองค์จะทิ้งหน้าต่างอีกบานไว้ให้คุณเสมอ
สาวๆตื่นเต้นกันมาก หนุ่มหล่อกับหนุ่มใหญ่ปรากฏตัวพร้อมกันที่ออฟฟิศ จะไม่ทำให้สาวๆอย่างพวกเธอตื่นเต้นได้ยังไง
แต่พวกเธอว่า จะดีกว่าถ้าพวกเขาสามารถเลิกสนใจคนทำลายบรรยากาศอย่างยู่ยี่ได้
สายตาของฉันทัชมองผ่านหัสดินไป และหยุดลงบนร่างของยู่ยี่ ก่อนจะพูดเสียงนุ่มนวล “ไปได้หรือยัง”
พยักหน้า ยู่ยี่ยืนข้างเขา ทั้งสองไม่สนใจหัสดิน ถือว่าเขาเป็นอากาศธาตุ เดินเคียงข้างกัน และเดินออกจากสำนักงานด้วยกัน
สำหรับยู่ยี่ เธอรู้สึกหงุดหงิดจากการกระทำของหัสดิน เธอจึงไม่จำเป็นต้องมองเขา
สำหรับฉันทัช พวกเขาเคยเจอหน้ากันไม่กี่ครั้ง ก็เหมือนคนแปลกหน้าที่คุ้นเคย แต่เพราะความประทับใจของเขาที่มีต่อเขาแย่มาก จึงไม่คิดจะทักทาย
หัสดินไม่ยอม จับข้อมือของยู่ยี่อีกครั้ง เหมือนก่อนหน้านี้ ไม่ให้เธอก้าวไปข้างหน้าได้แม้แต่นิด
ในที่สุด ยู่ยี่ก็ควบคุมความโกรธและความรำคาญในใจของเธอไม่ได้ จึงพูดอย่างอารมณ์เสีย “ปล่อย!”
ตอนนี้ผู้จัดการไม่ต้องการให้พนักงานดูเหตุการณ์ เขาจึงก้าวไปข้างหน้าปิดหน้าต่างและประตู
หัสดินยังคงไม่ปล่อย ฉันทัชขมวดคิ้ว กระแอมอย่างเย็นชา เพื่อเป็นการเตือน “คุณหัสดิน มือของคุณกำลังล่วงเกินอยู่ ปล่อยมือเดี๋ยวนี้!”
หัสดินปล่อยมือ และยกริมฝีปากหัวเราะเบาๆ “คุณฉันทัชรู้สึกว่าพฤติกรรมของผมเป็นการล่วงละเมิดหรอครับ แต่ผมไม่รู้สึกนะ ผมกำลังจีบเธอ การแตะเนื้อต้องตัวอาจทำให้สนิทกันเร็วขึ้น”
มือใหญ่อันอบอุ่นของฉันทัชดึงยู่ยี่ไปข้างๆเขา และกอดอย่างสนิทสนม “ก่อนที่จะจีบผู้หญิงคนไหน คุณหัสดินควรตรวจสอบสถานะของเธอให้ชัดเจนก่อนนะครับ”
“คุณฉันทัชเป็นแฟนของเธอ และนั่นคือสิ่งที่ผมได้ยินมากที่สุดจากปากของเธอ แต่ผู้ชายยังไม่ได้แต่งงาน ผู้หญิงก็ยังไม่ได้แต่งงาน อาศัยจีบช่วงนี้ก็ไม่เห็นเป็นไร เป็นแฟนไม่ได้หมายความว่าเป็นสามีสักหน่อย” หัสดินหัวเราะเบาๆ
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ยู่ยี่ก็หัวเราะถากถาง เกรงว่ามีเพียงความคิดของหัสดินเท่านั้นที่จะแปลกประหลาดแบบนี้
“ความคิดของคุณหัสดินแตกต่างจากคนทั่วไป เธอดูจะรังเกียจคุณนะครับ เธอต่อต้านการจีบของคุณมาก และผมก็เป็นแฟนของเธอ คำนี้ทำให้ผมมีสิทธิ์ในตัวเธอทุกอย่าง การกระทำของคุณไม่ได้เรียกว่าการจีบ เป็นแค่การข่มเหง…” เสียงของฉันทัชต่ำ แต่การเคลื่อนไหวของเขาอ่อนโยนต่อยู่ยี่มาก
ข่มเหง…
คำพูดเหล่านี้ทำให้หัสดินโกรธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นการกระทำอันใกล้ชิดของฉันทัชต่อเธอ และเมื่อเห็นท่าทางเชื่อฟังของเธอ เขาก็โกรธมากขึ้น “คุณฉันทัชเหมือนจะลืมไปว่าผมเป็นสามีของเธอ!”
“ความทรงจำของผมดีเสมอ คุณคืออดีตสามีของเธอ…” ฉันทัชอธิบายข้อเท็จจริงเบาๆ
ประโยคนี้ทำให้หัสดินไม่สามารถโต้เถียงได้เลย! มันเป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้!
“อยากกินอาหารเย็นข้างนอก หรือกลับไปให้แม่บ้านทำที่คฤหาสน์ หรือเราจะซื้อวัสดุทำเอง” ฉันทัชถาม ยู่ยี่
ยู่ยี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และพูดว่ากลับไปให้แม่บ้านทำดีกว่า
การสนทนาระหว่างทั้งสองเข้ามาในหูของหัสดินทุกคำ ฟังอย่างไม่สบอารมณ์ จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความหึงหวงและความโกรธ จนเส้นเลือดบนหลังมือแทบระเบิดออก!
เมื่อฟังความหมายของประโยคนั้น ทั้งสองอยู่ด้วยกันแล้วหรอ
ฉันทัชและยู่ยี่เดินออกไป เมื่อผ่านไปครึ่งทางโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ และเดินเร็วขึ้นเล็กน้อย
ยู่ยี่เดินตามหลังเขา ทันใดนั้นก็มีคนคนหนึ่งรั่งเอวเธอไว้ ทำให้เธอวืด หันหลังกลับ