ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 428 ลึกกว่าที่เขาจินตนาการเสียอีก
มือใหญ่ดูดีของฉันทัชนวดคิ้ว“ผมไม่ชอบให้ใครรบกวน คุณรู้ดี”
เธอถอยหลังหนึ่งก้าว“งั้นฉันไปพักกับอาคิระก็ได้ค่ะ”
“ดูเหมือนคุณจะไม่เข้าใจความหมายของผม ผมไม่อยากให้คุณอยู่ในเมืองS……”ระหว่างที่เขาพูดประโยคนี้ สีหน้าก็ยังคงอ่อนโยนอยู่
แต่เอวาก็ยังคงปฏิเสธเหมือนเดิม“ฉันทัช ร่างกายฉันไม่แข็งแรง ถ้าต้องนั่งเครื่องบินสองครั้งต่อวัน ร่างกายฉันคงรับไม่ไหวแน่ค่ะ”
ฉันทัชไม่ได้พูดเรื่องนี้ต่อ แค่ถามเธอว่ากระเป๋าเดินทางอยู่ไหน?
เอวาบอกว่า อยู่ที่สายพาน
ฉันทัชโทรบอกผู้ช่วยโก๋ให้ไปเอากระเป๋าเดินทาง เอวาเดินข้างกายเขา ริมฝีปากแดงเผยรอยยิ้มเบิกบาน
พึ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เอวาก็เข้าไปควงแขนฉันทัช ขาเรียวยาวก้าวไปด้านหน้าตามรอยเท้าของเขา พร้อมกับเรียกคำว่าสามีอีกครั้ง
ช่างบังเอิญเหลือเกิน หัสดินที่อยู่ในห้องวีไอพี ก่อนหน้านี้เขาไปเข้าห้องน้ำ เมื่อกลับเข้ามาก็เห็นภาพนี้เต็มตา
ริมฝีปากบางยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พลางมองอย่างสนใจ จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูป
เมื่อกี้ไม่ได้ห่างกันมากนัก เขาได้ยินอย่างชัดเจนว่าผู้หญิงคนนั้นเรียกฉันทัชว่าสามี
เป็นการพลิกสถานการณ์ที่เหนือการคาดหมาย เห็นทีไอ้ฉันทัชมันคงแต่งงานแล้ว
ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นยู่ยี่ก็……
ดวงตาดอกท้อหรี่ขึ้น ความคิดของเขาล่องลอย จากนั้นผู้ช่วยก็เข้ามารายงานว่าประธาน WAมาถึงแล้ว
หัสดินให้ผู้ช่วยจองโรงแรมห้าดาวกับร้านอาหารล่วงหน้าแล้ว จากนั้นเขาก็จัดแจงเสื้อสูท เดินออกจากห้องวีไอพี
อีกฝั่งหนึ่ง
ยู่ยี่กินข้าวเที่ยงกับนาโน เพราะนาโนโทรมาชวนเธอ
นาโนไม่ได้เล่าเรื่องของตนกับดนัยให้ฟัง และเธอก็ไม่ได้ถาม สุดท้ายนาโนก็เล่าไม่กี่ประโยคในทำนองที่บอกว่า สถานการณ์ตอนนี้ซับซ้อนมาก
เพื่อนพูดอย่างไร้ต้นสายปลายเหตุ ยู่ยี่ไม่เข้าใจว่าเพื่อนต้องการสื่ออะไร ไม่รู้ว่าสถานการณ์ซับซ้อนที่ว่าคืออะไร?
แต่นาโนไม่ยอมเล่ามากกว่านั้น พวกเธอจึงเริ่มกินข้าวเที่ยง นาโนยังซื้อเสื้อขนสัตว์สีแดงมาฝากเธอด้วย
ยู่ยี่รู้สึกว่าสีไม่โดนใจเลย มันแดงจัดจ้านเกินไป รู้สึกดัดจริตนิด ๆ หน่อย ๆ……
นาโนตบไหล่ใส่เธอ บอกว่าชุดนี้ผ่านการคัดสรรจากตนแล้ว สีแดงจ้าแบบนี้มันสวยและเป็นสิริมงคลมาก
เธอรู้สึกไม่ดีกับคำว่าสิริมงคลเอาซะเลย เมื่อยู่ยี่ได้ยินคำนี้ ส่วนมากจะออกจากปากของผู้ใหญ่
นาโนไม่ได้เถียงกับเธอต่อ เก็บข้าวของแล้วจากไป เธอกลับไปที่บริษัทแล้วเริ่มทำงานต่อ
และทำไปจนถึงพลบค่ำ เมื่อถึงเวลาเลิกงาน ยู่ยี่ก็ไม่ได้รับสายจากฉันทัช
ตอนเช้าพวกเขานัดกันไว้แล้ว บอกว่าเขาจะมารับเธอไปตกปลา
ยู่ยี่โทรถามฉันทัชว่ายังไปตกปลาอีกไหม?
เสียงทุ้มต่ำที่เจือความรู้สึกผิดของฉันทัชเอ่ยขึ้น“แน่นอน รอผมยี่สิบนาที ด้านนอกอากาศหนาวมาก ไปดื่มกาแฟรอผมที่ร้านกาแฟก่อน เดี๋ยวผมจะตามไป”
ยู่ยี่พยักหน้าไปรอที่ร้านกาแฟ
ยี่สิบนาทีให้หลัง รถเบนซ์สีเทาก็จอดอยู่นอกร้านกาแฟ ยู่ยี่จ่ายเงิน จากนั้นเหมือนฉุกคิดอะไรได้ จึงซื้อกาแฟดำแก้วหนึ่ง
เธอเปิดประตูรถ จากนั้นก็ยื่นกาแฟให้ผู้ชาย ก่อนจะบอกให้เขานั่งดื่มในรถเฉย ๆ เธอจะขับรถเอง
ดวงตาลุ่มลึก ดำขลับเหมือนน้ำหมึก ตอนนี้อ่อนนุ่มคล้ายกับสามารถหยดน้ำออกมาได้ ฉันทัชยกมุมปากขึ้นยิ้มน้อย ๆ “สงสารผู้ชายของคุณเหรอ?”
ยู่ยี่หน้าแดงเล็กน้อย เมื่อเอ่ยออกจากปากของเขาแล้ว ทำไมจึงรู้สึกไม่เหมือนกับตอนที่รู้สึกกับคนทั่วไป?
ร่างสูงโปร่งโน้มตัวลง จากนั้นฝ่ามือใหญ่อุ่น ๆ ก็จับมืออันเย็นเฉียบของเธอ เมื่อให้ความอบอุ่นชั่วครู่แล้วก็ปล่อยออก “นิ้วของคุณยังเย็นแข็งอยู่เลย ผมไม่วางใจที่จะให้คุณขับรถ เดี๋ยวอีกสิบนาที ร่างกายคุณอุ่นแล้วผมค่อยให้คุณขับ……”
สิบนาทีต่อมา ยู่ยี่จึงได้ขับรถ ฉันทัชดื่มกาแฟ นิ้วมือที่เห็นกระดูกชัดเจนจับแก้วกาแฟพร้อมกับยิ้มระรื่นอย่างอุ่นใจ
มีคนในเรือน้อยมาก ยิ่งไม่มีคนมาตกปลาเลย ยู่ยี่ยืนอยู่บนเรือ เมื่อมีลมหนาวพัดผ่าน ร่างกายก็รู้สึกหนาวจนสั่น จากนั้นเธอก็ขดตัว
เธอรู้สึกเสียใจที่มาตกปลาในสภาพอากาศแบบนี้
ทว่าเห็นได้ชัดว่าสายเกินไปแล้ว เขาเตรียมเบ็ดตกปลาเรียบร้อยแล้ว ยู่ยี่ไม่ได้ใส่เสื้อหนา ตอนนี้รู้สึกว่ามีน้ำเย็น ๆ สาดใส่
เมื่อใส่เหยื่อตกปลาเสร็จ ฉันทัชก็นั่งบนเก้าอี้ พลางมองใบหน้าซีดขาวของยู่ยี่ จากนั้นก็ส่ายหัวอย่างจนปัญญา แล้วโบกมือให้เธอ
ยู่ยี่เดินเข้าไป กระทืบเท้าที่ด้านชา จากนั้นก็ถามเขา“ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะตกปลาได้หนึ่งตัว”
“ไม่มีใครถามแบบนี้กับผมมาก่อน……”เขาตอบ
ยู่ยี่ครุ่นคิดดูแล้วก็ถูก บางคนตกไม่ได้เลยสักตัว แต่บางคนก็จะตกได้หลายตัว
เขากวักมือให้เธออีกครั้ง ยู่ยี่ไม่เข้าใจ เดินเข้าไปใกล้ ฉันทัชก็ดึงเธอไปไว้ในอ้อมแขน
เก้าอี้ตัวที่ใหญ่มาก เขาให้เธอนั่งบนตัก โดยหันหลังให้ทะเลสาบ ให้เธอหันหน้ามายังอกแกร่งของตน จากนั้นก็ใช้เสื้อสีดำของตนคลุมให้เธอทุกระยะ
เมื่อนำร่างกายของผู้หญิงกับผู้ชายเทียบกัน ย่อมมีความแตกต่างกันอย่างแน่นอน มือเท้าของเธอนั้นเย็นเฉียบ ส่วนร่างกายของเขากลับร้อนดั่งเตาไฟ
ยู่ยี่สัมผัสได้ เสื้อกันหนาวสีดำของเขาคลุมพวกเขาสองคนให้ตัวติดกัน เมื่อเธอซุกอยู่ในอกแกร่งของเขาก็ไม่รู้สึกหนาวแล้ว
ดังนั้น เขาก็ทำการตกปลาต่อไป ส่วนเธอก็นั่งบนตัก พิงหน้าอยู่ในอกแกร่งที่แสนจะอบอุ่น แถมยังมีเสื้อกันหนาวคลุมอีกชั้นด้วย เพราะผู้ชายร่างสูงใหญ่ ส่วนผู้หญิงนั้นมีรูปร่างเล็กบอบบาง หากคนอื่นไม่มองดี ๆ ก็คงไม่เห็นว่ายังมีผู้หญิงอยู่ในอ้อมอกของผู้ชาย
ฉันทัชสั่งชานมไข่มุกอุ่น ๆ มาแล้วยื่นให้เธอ ยู่ยี่เป็นคนไม่ชอบชานมไข่มุกเอาซะเลย เพราะรู้สึกหวานเลี่ยนเกินไป
แต่เขาไม่ยอม ผู้หญิงดื่มกาแฟเยอะเกินไปก็ไม่ดี
ยู่ยี่ไม่ได้พูดอะไรต่อ แค่ดื่มทีละนิดทีละหน่อย ระหว่างที่เขาตกปลาก็ถามว่า “นอกจากตกปลาแล้ว คุณยังมีงานอดิเรกอะไรอีก?”
มือที่สวยงามของฉันทัชโอบเอวบางของเธอ ก้มหน้ามองเธอแล้วตอบว่า“ทำไมเหรอ?”
เธอกล่าวว่า“ตอนเดทกันครั้งต่อไปจะได้ไม่ต้องมาที่แบบนี้”
ดวงตาลุ่มลึกทอประกายแสง พลางมุมแก้มฉีก ขานรับเธอแล้วก็เข้าไปใกล้หูเธอ จากนั้นก็พูดต่อว่า “อันที่จริง สถานที่เงียบ ๆ แบบนี้ก็มีข้อดีอยู่นะ”
นอกจากความหนาวเย็นที่แทงเข้ากระดูก และความเงียบงันไร้เสียงรบกวน ยู่ยี่ก็คิดข้อดีอย่างอื่นไม่ออก
ฉันทัชยิ้มอย่างอ่อนโยน ยิ้มระรื่นที่สุด ถึงแม้จะเป็นรอยยิ้มอ่อนโยน ทว่าก็เจือเลศนัยไว้ด้วย
ยู่ยี่ไม่เคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้มาก่อน มันสะท้อนแสงสดใส แลดูอันตราย……หน่อย ๆ……
วินาทีต่อมา เขาก้มหน้าจูบเธออย่างเผ็ดร้อน
ตอนนี้เธอเข้าใจในสิ่งที่เขาบอกแล้ว เธออยากจะหลบหนี
บริเวณรอบ ๆไม่มีเสียงอะไรเลย มีแค่เสียงลมและเสียงน้ำเท่านั้น
……
เซ็กส์แบบบ้าคลั่งเช่นนี้ ไม่เคยเกิดขึ้นกับยู่ยี่มาก่อนเลย ผ่านไปเนิ่นนาน เธอยังคงขดตัวอยู่ในอ้อมอกเขา กระทั่งใบหน้าก็ไม่หลุดออกมา
ยากจะจินตนาการมาก บนดาดฟ้าเรือ บนที่แจ้งแบบนี้ เธอกับเขาถึงกับกล้า……
ยู่ยี่รู้สึกเหนื่อยมาก ใบหน้าแดงไปหมด เธอไม่คิดจะยื่นหัวออกไปเลย
โชคดีที่อกแกร่งแสนอบอุ่นของเขาเหมือนกำแพงที่แข็งแรงทนทาน สามารถบังลมบังฝนให้เธอ เธอจึงไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด
ฉันทัชหยิบกระดาษชำระขึ้นมาเช็ดคราบพวกนั้นอย่างช้า ๆและเบา ๆ ก่อนจะหอมแก้มแล้วใส่กางเกงยีนส์ให้เธอ
อะไรที่ควรทำก็ทำแล้ว อะไรที่ไม่ควรทำก็ทำแล้วเหมือนกัน เวลานี้ไม่จำเป็นต้องเขินอายอีก เธอหลับตาแล้วค่อย ๆผล็อยหลับไป
เธอสามารถรับรู้ได้ว่าอ้อมอกของเขากับหัสดินต่างกันมาก
ถึงแม้อ้อมอกของหัสดินจะอุ่น แต่ก็มีให้แค่ชั่วครู่เท่านั้น ส่วนมากจะได้สัมผัสกันตอนเผด็จศึกบนเตียงเท่านั้น
ส่วนเขานั้นให้ความรู้สึกร้อนแผ่ว หัวใจเต้นอย่างมั่นคงและเงียบสงบ รู้สึกปลอดภัยยิ่ง คล้ายกับสามารถพึ่งพิงได้ทั่วชีวิต
เหมือนเธอจะหลงเสน่ห์ของเขามากขึ้นทุกที และถอยตัวไม่ขึ้น
ยังมีอีก เมื่อเคยมีบาดแผลทางใจมาก่อน จึงสงสัยว่าสามารถครอบครองสิ่งนี้ตลอดชีวิตหรือไม่?
คางของฉันทัชวางไว้บนเส้นผมเธอ ดวงตาของเขาลึกมาก ยากจะอ่านความคิดออก ผ่านไปเนิ่นนาน ริมฝีปากเซ็กซี่จึงเอ่ยเสียงทุ้มต่ำอย่างช้า ๆ ว่า “ถ้าวันหนึ่ง……”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง เขากลับได้ยินเสียงหายใจเบา ๆ ที่มั่นคง เขาก้มหน้าดูก็เห็นว่าเธอหลับแล้ว จมูกยังแดงเพราะหนาวอีกด้วย
เขาไม่มีทางเลือก เก็บคำพูดไว้ ก่อนจะบีบจมูกเธอด้วยรักล้นปรี่และเอ็นดู
มือถือดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมามองปราดหนึ่ง จากนั้นก็กดทิ้ง
ฉันทัชไม่ได้เก็บเบ็ดตกปลา เขาลุกขึ้นแล้วอุ้มเธอเข้าห้องนอนบนเรือ
เธอนอนเตียงด้านใน ส่วนเขานอนเตียงด้านนอก เมื่อเขาเดินออกจากห้องน้ำก็มีสายเรียกเข้าจากอาคิระ
ฉันทัชรับสายปุ๊บ อาคิระก็ถามทันทีว่าจะกลับเมื่อไหร่?
“คืนนี้ไม่กลับ……”ฉันทัชเอ่ยปากพูด
“คุณไม่กลับ ไม่รู้สึกว่าไม่ควรเหรอ เธอมาจากเฮทเค ไม่ใช่เพราะคุณหรือ”น้ำเสียงอาคิระไม่สู้ดีนัก
ฉันทัชกุมขมับ ไม่ได้ตอบ และไม่ส่งเสียงใด ๆ แค่กุมมือถือไว้แบบนั้น
วินาทีต่อมา เสียงอาคิระเป็นมิตรขึ้น น้ำเสียงดีกว่าเมื่อกี้เยอะมาก“เธอรอคุณอยู่”
“ผมมีคนต้องอยู่ด้วย คืนนี้กลับไปไม่ได้แล้ว”กล่าวจบฉันทัชก็ตัดสายทิ้งโดยตรง
ได้ยินเสียงสายขาด สีหน้าอาคิระก็ย่ำแย่ เขารู้ดีว่าคนที่ต้องอยู่ด้วย นอกจากยู่ยี่แล้วก็ไม่มีคนที่สองแล้ว
เขารักยู่ยี่มากกว่าที่เขาคาดคิดเสียอีก……
เช้าวันต่อมา
ยู่ยี่นอนสนิทมาก ประมาณว่าหากนอนในอ้อมแขนของเขาแล้ว เธอก็จะไม่ฝันอะไรเลย
เธอเข้าไปอาบน้ำที่ห้องน้ำ เมื่อเดินออกมา ผู้ชายก็กำลังเตรียมอาหารบนโต๊ะรอแล้ว แผ่นหลังของเขาช่างแข็งแรงและมีกล้ามเนื้อมาก ดูดีสุด ๆ
เสื้อไหมพรมสีดำ กางเกงขายาวสีเทา เป็นเครื่องแต่งกายที่แสนจะธรรมดา ทว่าเมื่ออยู่บนตัวเขากลับให้ความรู้สึกอย่างอื่น ซึ่งเป็นความรู้สึกที่น่าหลงใหล สง่างามยิ่ง