ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 429 พวกเราเลิกกันเถอะ
“มากินข้าวเช้าสิ”เขาโบกมือให้เธอ
ยู่ยี่ขานรับ มองบนโต๊ะแล้วหรี่ตาเล็กน้อย“กินซุปปลาแต่เช้าเลยเหรอคะ?”
“คือตัวที่ตกได้เมื่อคืน ผมให้แม่ครัวทำรสอ่อน ๆ คุณลองชิมดู ถ้าไม่อร่อยค่อยกินโจ๊กกัน”สีหน้าเขาอ่อนโยนยิ่ง
ได้ยินเขาพูดว่าเมื่อคืน ใบหน้าก็ยู่ยี่ก็แต้มเป็นสีแดงอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งสาเหตุมาจากเซ็กส์กลางแจ้งอันบ้าบิ่นนั่นเอง
แต่เมื่อเป็นปลาที่ตกได้เมื่อคืน งั้นก็ต้องลองชิมแล้วละ
เธอดื่มซุปปลาไปสองถ้วย รสชาติดีมากจริง ๆ สดใหม่ และรสชาติอ่อน ๆ กินแล้วรสชาติกลมกล่อม หวานฉ่ำ
ฉันทัชเห็นเธอยกมุมปากโค้งขึ้น จึงรู้สึกภาคภูมิใจ ทว่าก็ยังมีความลับที่ลุ่มลึกซ่อนอยู่
กินข้าวเช้าอย่างเอร็ดอร่อยอย่างชื่นใจเสร็จ ยู่ยี่ก็แต่งหน้าเบา ๆ แล้วรอให้ฉันทัชไปส่งที่บริษัท
ที่นี่อยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควร และห่างจากความเจริญเล็กน้อย การจราจรจึงไม่สะดวกมาก ไม่ว่าจะรถแท็กซี่หรือรถประจำทาง ล้วนมีน้อยมาก
“เดี๋ยวก่อนผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณ……”ฉันทัชนั่งบนโซฟา สีหน้าจริงจังกว่าปกติ
ยู่ยี่เดินเข้าไปอย่างประหลาดใจ ฝ่ามือใหญ่อันอบอุ่นของเขาจับข้อมือเธอไว้ จากนั้นก็ดึงเบา ๆ แล้วเธอก็มาอยู่ในอ้อมแขน เธอนั่งบนตักเขา เขาโอบเอวเธอไว้
“ผมแต่งงานแล้ว มีสถานะสมรส”เขาจ้องเธออย่างไม่ละสายตา พร้อมกับพูดขึ้นมา
ทันใดนั้นเกิดความเงียบเข้ามาแทนที่ ผ่านไปเนิ่นนาน ยู่ยี่จึงหาเสียงตัวเองเจอ “คุณ……คุณล้อฉันเล่นเหรอ?”
“ผมไม่เคยล้อเล่นเลย ไม่ว่าจะคำนี้ หรือคำต่อจากนี้ ผมรับรองว่าเป็นความจริงทั้งหมด ไม่มีคำโกหกเลยสักนิด ……”
ยู่ยี่ไม่รู้ว่าควรโต้ตอบเช่นไร พูดให้ตรงก็คือ สมองเธอขาวโพลน มีเพียงเสียงครึกโครมวนเวียนในสมอง
เธอไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่นเลย คำพูดที่เขาเอ่ยทำให้ร่างกายแข็งทื่อ ด้านชาไปหมด
เส้นเอ็นที่หน้าผากเต้นกะทันหัน จากนั้นเธอก็ดิ้นรนจะลุกขึ้น ทว่าฉันทัชเตรียมใจไว้แล้ว จึงโอบเอวเธอไว้แน่นขนัด “ผมจะปล่อยคุณ แต่คุณต้องฟังผมพูดจบก่อน……”
“ตอนนี้ฉันไม่อยากฟัง คุณปล่อยฉันก่อนที่ฉันจะโมโห”เสียงยู่ยี่เย็นเยียบมาก คล้ายกับเม่นที่กางหนามออก
“ขอแค่ไม่กี่นาที……”เขายืนกราน
ยู่ยี่โมโหน้อยมาก แต่สุดท้ายครั้งนี้เธอก็ระเบิดอารมณ์ออกมาจริง ๆ นิ้วมือเธอข่วนที่คอของเขา พลันเกิดรอยข่วนลึก ๆ สองจุด
เธอหายใจหอบเร็ว หน้าอกกระเพื่อมขึ้น รู้สึกหัวใจถูกบีบจนทรมานมาก ผ่านไปสักพัก เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามข่มอารมณ์ของตัวเองไว้ “ได้ งั้นคุณบอกมาเลย ทำไมคุณแต่งงานแล้วยังตามรังควานฉันอีก?”
ฉันทัชหลับตา จากนั้นก็ยื่นมือหมายจะไปลูบหลังเธอ
ทว่ายู่ยี่หลบหลีก ไม่อยากมีทำอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกับบทสนทนา ซึ่งตอนนี้ท่าทีเธอเย็นชา และห่างเหินมาก
“เมียของผมคือน้องสาวของอาคิระ ชื่อเอวา เป็นแฝดชายหญิงกับอาคิรา เธอแค่เกิดช้ากว่าอาคิราไม่กี่วินาทีและมีโรคหัวใจแต่กำเนิด ……”เขาพูด
ได้ยินดังนั้นยู่ยี่ก็เข้าใจว่าทำไมอาคิระจึงชักสีหน้าใส่เธอเช่นนั้น
และยังมีอีก ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกเธอว่า หากวันนี้เธอรู้เรื่องของฉันทัชบางอย่าง เธอต้องเจ็บปวดและโมโหมาก ๆ แน่
ตอนนั้นเธอไม่ได้คิดดี ๆ ไม่ตรึกตรองว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนี้ ทว่าตอนนี้รู้แล้วว่าหมายถึงฉันทัชแต่งงานแล้ว
“พ่อแม่ของอาคิระกับพ่อแม่ของผมรู้จักกันมานาน พ่อแม่ของเขาตายบนอุบัติเหตุเครื่องบิน ซึ่งตอนนั้นพ่อแม่ผมขนเครื่องเที่ยวบินเดียวกับพวกเขาด้วย และเพราะพ่อแม่ผมซื้อตั๋วช้าไป จึงไม่ได้นั่งติดกัน ตอนนั้นแม่ผมเมาเครื่องบิน พ่อผมจึงเปลี่ยนที่นั่งกับแม่ของอาคิระ ซึ่งอีกฝ่ายก็รับปากด้วยความยินดี ระหว่างทางปลอดภัยดี แต่ฝนตกหนักตอนที่ลงจอดเครื่องบิน จึงมองทัศนียภาพไม่ชัดเจน ต้องร่อนเครื่องบินเร็วกะทันหัน และเมื่อทำไม่สำเร็จก็บินขึ้นไปอีกครั้ง ซึ่งตอนบินขึ้นไปท้องเครื่องบินกระแทกพื้น จึงเกิดอุบัติเหตุขึ้น ผู้โดยสารแถวหน้าจึงเสียชีวิต ส่วนพ่อแม่ผมปลอดภัยดี ถ้าตอนนั้นไม่ได้สลับที่นั่ง แม่ของเขาก็ยังคงมีชีวิตอยู่ ……”
น้อยครั้งมากที่เขาจะพูดเยอะเพียงนี้ และครั้งนี้เป็นครั้งเดียวที่เขาพูดชัดและตึงเครียดมาก
ฉันทัชเม้มปาก เสียงเคร่งขรึมพูดช้าลงกว่าเดิม“พวกเราทั้งครอบครัวจึงรู้สึกผิดต่อตระกูลอนันต์ธชัย สองปีก่อนอาคิระบอกให้ผมแต่งงานกับเอวา แต่ผมแค่เห็นเธอเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ไม่มีอย่างอื่นเลย ซึ่งสองปีก่อนอาการของเอวาทรุดหนัก แต่เดินยังลำบากเลย มีทั้งอาการหน้าแดง หายใจลำบาก อาคิระเห็นความรู้สึกผิดของพวกเรา ให้พ่อแม่ผมชดใช้บุญคุณของพวกเขา แต่ก่อนแต่งงาน ผมกับเธอเคยร่างสัญญากันอย่างชัดเจนว่า ……”
“ระหว่างพวกเรา ไม่ว่าเธอหรือผม หากมีคนที่ชอบก็สามารถทำตามหัวใจได้ ……”
“แล้วสัญญาฉบับนี้ได้รับการปกป้องจากกฎหมายหรือเปล่า?”ยู่ยี่ย้อนถามเขา มือข้างลำตัวกำแน่น
ฉันทัชขมวดคิ้วแน่นเป็นปม เงียบตั้งนานกว่าจะจ้องเธออย่างจดจ่อ
“อันนี้ไม่ใช่เหตุผล สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกคุณไม่ได้หย่า คุณทำให้ฉันกลายเป็นเมียน้อยอย่างไม่รู้ตัว นี้เป็นตำแหน่งที่ฉันเจ็บปวดมากที่สุด แต่คุณกลับทำให้ฉันเป็นคนแบบนั้น”ยู่ยี่เริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่
“ขอโทษ”เขาพูด
ขอโทษในเวลานี้มีประโยชน์หรือเปล่า?
ยู่ยี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ หน้าอกกระเพื่อมไม่หยุด“ทำไมไม่บอกฉันแต่แรก?”
“มีความรู้สึกดี ๆกับผู้หญิงคนหนึ่ง ในสามารถพัฒนาเป็นความชอบได้ สำหรับผมแล้วไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นง่าย ๆ หลายสิบปีมานี้ไม่เคยมีมาก่อน คุณเป็นหนึ่งเดียวเท่านั้น และคุณไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น คุณพึ่งผ่านการถูกทำร้ายมา แล้วสถานการณ์ของผมแบบนี้ หากบอกคุณแต่แรก คุณก็จะตีตัวห่างจากผม ผมไม่อยากพลาดคุณไป ในช่วงอายุที่ตั้งเนื้อตั้งตัว ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีผู้หญิงทำให้ผมฮึกเหิมแบบนี้ ……”
เขาหยุดพูดชั่วครู่ เสียงยิ่งเคร่งเครียดมากขึ้น“ตอนแรกผมบอกคุณไม่ได้ แต่เมื่อรักลึกมากขึ้น จากที่บอกไม่ได้กลายเป็นไม่กล้าบอก และคุณเป็นคนเข้มแข็งเด็ดขาด ถ้าคุณรู้แล้วขอเลิก งั้นก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงคุณได้เลย ……”
“แล้วทำไมตอนนี้ถึงเลือกพูดความจริงล่ะ?”
“ไม่ว่าคุณจะเจ็บปวดเพราะความจริงเรื่องนี้มากแค่ไหน ผมก็อยากให้คุณรู้จากปากของผมเอง ทุกเรื่องของผม ผมไม่อยากปิดบังคุณ ……”ฉันทัชหลับตาพูด
หน้าอกของยู่ยี่กระเพื่อมขึ้นลงไม่หยุด ทว่าเมื่อเทียบกับเมื่อครู่ ตอนนี้ทุเลาลงไม่น้อย
“อันที่จริงเรื่องนี้ฉันก็มีส่วนด้วย โทษที่ฉันสะเพร่าเกินไป วู่วามเกินไป โทษที่ฉันเชื่อใจคุณเกินไป เชื่อทุกการกระทำของคุณ เชื่อว่าคุณมีคุณธรรม มีประสบการณ์ มีการอบรมบ่มเพาะนิสัยที่ดี โทษที่ฉันไม่ได้ถามคุณอย่างละเอียดตอนแรกคบกัน ฉันไม่ควรเชื่อใจคุณมากขนาดนี้ ตอนนี้มันจึงทำให้ฉันตกอยู่ในสภาพน่าเวทนาอย่างนี้”
สภาพจิตใจของฉันทัชย่ำแย่มาก ทว่าเสียงกลับอ่อนนุ่ม สายตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลอย่างหาได้ยาก “คุณอย่าสงสัยในตัวผมเลย ผมเคยบอกแล้วว่าไม่ใช่ความดีพร้อม ผมก็มีข้อเสีย ตอนนี้ข้อเสียผมถูกเปิดเผย คุณเลยไม่อยากมองอีก……”
“ฉันรับข้อเสียมากมายของคุณได้ แต่จุดนี้ฉันยอมรับไม่ได้ อีกอย่างมันไม่ใช่ข้อเสียเลย พวกเราเลิกกันเถอะ ……”
ท้ายที่สุดยู่ยี่ก็พูดประโยคนี้ออกมา
“เมื่อก่อนคิดว่าจะได้ทั้งปลาและอุ้งตีนหมีในเวลาเดียวกัน ผมมีสาเหตุที่แต่งงานกับเธอมากมาย ทั้งมิตรภาพของเพื่อน ความละอายใจต่อพ่อแม่เธอ จากนั้นก็เพื่อให้สานฝันเธอให้เป็นจริง แต่สุดท้ายโลกนี้ก็ไม่มีอะไรที่ดีไปหมด ……”
มือที่โอบเอวบางของเธอจับแน่นขึ้น ดวงตาลุ่มลึกของฉันทัชสะท้อนความเศร้าหมอง พลางสูดกลิ่นกายของเธอย่างอาลัยอาวรณ์ เขากลัวเธอพูดประโยคนี้ที่สุด
หิมะกำลังตกด้านนอก เธอไปทำงานสายแล้ว และไม่มีอารมณ์ไม่ทำด้วย ยู่ยี่จึงไม่คิดจะไปทำงาน
เธอเดินกลางถนน ทันใดนั้นเธอรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรง รักครั้งนี้เธอถลำลึกกว่าที่คาดคิดเสียอีก
ขณะนี้หิมะตกหนักมาก และอากาศก็หนาวสุดขั้ว ไม่มีรถขับผ่านเลยสักคัน
ทันใดนั้นรถเบนซ์สีเงินที่คุ้นตาก็จอดด้านข้างเธอ ฉันทัชปรับกระจกรถลง “ด้านนอกหนาวมาก ขึ้นรถเถอะ”
คล้ายกับยู่ยี่ไม่ได้ยิน เธอเดินอุ้ยอ้ายต่อไป
เธอไม่อยากนั่งรถคันเดียวกับเขา ฉันทัชรู้ตัวดี
ฉันทัชเปิดประตูรถเดินลงไป เห็นได้ชัดว่าเขารีบออกมา ร่างสูงโปร่งไม่ได้ใส่เสื้อกันหนาว แค่ใส่เสื้อไหมพรมสีดำเท่านั้น
เขาคว้าข้อมือเธอไว้“ให้โชเฟอร์พาคุณกลับเมือง S ช่วงนี้ผมมีธุระจะไม่กลับไปสักพัก ที่นี่มีรถน้อยมากนะ”
มีธุระกลับไปไม่ได้ก็แค่ข้ออ้าง เมื่อเธอไม่อยากนั่งรถกับเขา เช่นนั้นเขาก็ทำตามใจเธอ
เพราะอากาศหนาวเข้ากระดูกจริง ๆ ยู่ยี่ก็ไม่ได้เล่นตัว เข้าไปนั่งแถวหลัง จากนั้นรถเบนซ์สีเงินก็สตาร์ทรถขับเคลื่อนไปด้านหน้า
ฉันทัชไม่ได้ไปไหน ยืนอยู่ท่ามกลางหิมะโปรยปราย เธอมองกระจกรถ ร่างสูงใหญ่ค่อย ๆ เล็กลง สุดท้ายก็หายลับไปจากสายตา
เมื่อกลับมาถึงห้อง ยู่ยี่ก็เปิดเครื่องให้ความร้อน จากนั้นก็มุดเข้าไปในผ้าห่ม เธอรู้สึกเหนื่อยทั้งกายและใจ จึงตัดสินใจนอนหนีปัญหา
ฉันทัชไม่ได้กลับห้อง ใส่เสื้อไหมพรมตัวบางอยู่ข้างทางกว่าหนึ่งชั่วโมง
เมื่อยู่ยี่ตื่นขึ้นมาฟ้าก็มืด เธอรู้สึกหิว จึงลุกไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกิน
เมื่อเปิดมือถือก็มีข้อความที่ยังไม่ได้อ่าน ซึ่งส่งมาจากฉันทัช ถามว่าเธอกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัยหรือยัง
นิ้วอุ่น ๆของเธอเลื่อนหน้าจอ จากนั้นก็เงยหน้า ไม่ได้ตอบข้อความ
เธอเดินไปดูที่หน้าต่างว่ายังมีหิมะตกอีกหรือไม่ ทว่าก็เห็นรถเบนซ์คันนั้นจอดอยู่ใต้ตึกโดยบังเอิญ
ยู่ยี่ชะงัก ผ่านไปสักพักก็กลับมาปกติอีกครั้ง เธอหมุนกายไม่ได้เหลียวหลังมองอีก จากนั้นก็นั่งทำงานที่คอมพิวเตอร์
ถึงแม้เขาจะแต่งงานโดยมีเงื่อนไข และคุยกันอย่างชัดเจนกับอีกฝ่ายแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้หย่า และเธอที่ก้าวเข้าไปครอบครัวคนอื่นก็คือเมียน้อยอย่างไม่ต้องสงสัย
นี้คือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ ……
หัวใจของเธอเจ็บไหม?เจ็บ