ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 433 ผมคิดว่าคุณไม่เห็นด้วยเสียอีก
ยังดีไม่ได้เจ็บนาน หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ประตูห้องผ่าคลอดก็เปิดออก คุณหมอเดินออกมาถอดหน้ากากออก
ออกัสที่รอคอยมานานเข้าไปข้างหน้าอย่างอดรนทนไม่ไหว ริมฝีปากบางยกขึ้น พลันเผยเสียงกังวลใจขึ้น “เป็นยังไงบ้าง?”
คุณหมอคลี่ยิ้ม“แสดงความยินดีกับประธานออกัสด้วยครับ สองแม่ลูกปลอดภัยกันทั้งคู่ครับ”
คนทั้งกลุ่มต่างพากันดีอกดีใจ ซารางตบมือรัวๆ พลางพูดว่าหนูมีน้องชายๆไม่หยุดปาก เธอดีใจที่สุด
ออกัสกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกผ่อนคลายแล้ว คุณหมอให้เขาตัดสายสะดือ และเขาที่เป็นถึงประธานสิริไพบูรณ์กรุ๊ป มือใหญ่ที่มีแรงเมื่อจับกรรไกรแล้วกลับสั่นระริกเล็กน้อย
ฤทธิ์ยาสลบยังไม่หมด เชอร์รีนยังคงหลับใหลอยู่ ออกัสไล่ทุกคนออกไป แล้วเขาเฝ้าอยู่ในห้องคนไข้คนเดียว
มือหนากุมฝ่ามือเธอไว้ ออกัสก้มหน้า พลางจูบฝ่ามือเธออย่างอ่อนนุ่ม “เมียจ๋า ลำบากแล้วนะ”
เลอแปงคิดจะพาซารางไปที่บริษัท ซารางกลับขมวดคิ้ว“ห้องทำงานของคุณอา แค่ดึงดูดใจหนูชั่วครู่เท่านั้น ดึงดูดไม่ได้ตลอดค่ะ”
เวลาเธอพูด ไม่ว่าจะจมูก ดวงตา หรือท่าทางการพูดล้วนถอดแบบมาจากแด๊ดดี้ของเธอทั้งหมด
ออกัสรู้สึกปวดหัว คือปีศาจน้อยดีๆนี่เอง“พี่ยู่ยี่ครับ ฝากซารางด้วยนะครับ”
“หนูไม่ใช่เด็กสามขวบนะคะ หนูห้าขวบแล้ว คุณอาไม่ต้องไหว้วานหรอกค่ะ”ซารางเอามือกอดอก ทำท่าตัวเล็กแต่ใจใหญ่
หัสดินเปิดประตูรถให้ยู่ยี่ขึ้นมา และแน่นอนว่าเธอไม่ยอม
ปากของซารางเหมือนไก่จิบข้าว“ถูกต้องค่ะ ขึ้นรถผู้ชายแปลกหน้าไม่ได้ค่ะ”
หัสดินยิ้ม พูดหยอกเธอว่า“ซาราง ฉันอาหัสดินนะ ไม่ใช่ผู้ชายแปลกหน้า”
“แต่อากับคุณน้าหย่ากันแล้วก็จะกลายเป็นผู้ชายแปลกหน้าค่ะ เหอะ หนูขอพูดความจริงนะคะ ตอนยังไม่หย่า หนูชอบอามากเลยค่ะ แต่หลังหย่าแล้ว หนูไม่ได้ชอบอาแล้วค่ะ”
เธออ้าสองมือแล้วยักไหล่ ใบหน้าเล็กรูปไข่ทำหน้าจนปัญญา ทันยังถอนหายใจด้วย
ใบหน้าหล่อของหัสดินย่ำแย่ในบัดดล ยู่ยี่เลิกคิ้ว ซารางคือสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆที่มีอิทธิพลยิ่ง
ยู่ยี่ไม่ได้พูด ไม่ได้กล่าวอำลา เรียกรถแท็กซี่ได้ก็อุ้มซารางเข้าไป แล้วก็จากไป
มือถือของหัสดินดังขึ้นกะทันหัน ซึ่งเป็นสายจากซาฮาร่า บอกให้เขาไปเอาของ เขาจึงขึ้นรถเบนซ์สีดำ จากนั้นไปในเส้นทางตรงข้าม
ภายในร้าน พนักงานขายทุกคนยุ่งอยู่กับการแขวนเสื้อผ้าคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุด ส่วนเรนนี่ก็จดบันทึกหมายเลขสินค้า
วินาทีที่เงยหน้าขึ้นมาก็สบตาเข้ากับหัสดิน ช่วงหลังๆนี้ นี้เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ประสานสายตากัน
เรนนี่เป็นคนตอบสนองคนแรก เธอยิ้มพูดอย่างมีมารยาทและเกรงใจ “陈总อยู่ในห้องพักผ่อนค่ะ”
เมื่อทิ้งประโยคนี้ออกมาแล้ว เธอก็ก้มหน้าทำงานต่อ
หัสดินมองเธอสองปราด ไม่ได้พูดจา เท้ายาวก้าวเข้าไปในห้องพักผ่อน
หลังจากที่หัสดินเดินเข้าไป เรนนี่ก็ยืนมองตัวเองหน้ากระจก เธอใส่เสื้อเชิ้ตสีแดง กางเกงสูทสีดำ รองเท้าส้นสูงบาง และแต่งงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทุกอย่างล้วนโอเคหมด
ต่อหน้าหัสดิน เธอต้องทำให้ตัวเองสมบูรณ์แบบและมีเสน่ห์ตลอดเวลา
เมื่อหัสดินเอาของที่ซาฮาร่าให้เสร็จก็ไม่มีความคิดจะอยู่ต่อ จากนั้นซาฮาร่าเรียกเขาให้หยุด“เรนนี่ต้องไปเอาเอกสารที่สาขาร้านในถนนโจเมพอดี น้องให้เธอติดรถไปด้วยนะ”
เรนนี่ส่ายหัว ปฏิเสธ บอกว่าเดี๋ยวจะขึ้นรถแท็กซี่ไม่เอง เพราะอยู่ใกล้มาก ไม่รบกวนแล้ว
หัสดินเอ่ยปากพูดว่า “ไปเถอะ ผมจะไปที่ถนนโจเมพอดี ทางผ่าน”
เช่นนี้เรนนี่ก็ไม่ปฏิเสธอีกต่อไป พูดเสียงต่ำว่า รบกวนแล้ว
ภายในรถมีโชเฟอร์ขับรถให้ หัสดินนั่งด้านขวาของแถวหลัง ส่วนเรนนี่นั่งด้านซ้าย
ทั้งสองไม่ได้พูดคุยกัน หลังจากที่อยู่ในความเงียบสักพัก ทันใดนั้นปากกาในมือก็หล่น เรนนี่ก้มหน้าหยิบ คล้ายกับตั้งใจและไม่ตั้งใจ หน้าอกอวบอิ่มที่ขาวนวลก็เผยออกมา
หัสดินกวาดสายตามองเรียบๆ จากนั้นก็ละสายตาไปจ้องโน๊ตบุ๊คต่อ
เรนนี่รู้จักพอประมาณ นั่งตัวตรงแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เมื่อรถมาถึงสาขาร้าน เธอก็กล่าวเสียงอ่อนโยน“เดินทางปลอดภัยค่ะ สวัสดีค่ะ”
ความอดทนของผู้ชายมีขีดจำกัด ยู่ยี่ทำหน้าเฉยเมยอย่างนั้น ด้วยนิสัยของหัสดินคงยืนหยัดได้ไม่นาน
ตอนนี้ท่าทางเธอไม่ได้เด่นชัดมากนักและไม่ได้เป็นฝ่ายเข้าหามากเกินไป ทว่าเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมแล้ว เธอจะส่งสัญญาณให้เขาแน่
รถขับออกไปไกล หัสดินทิ้งโน๊ตบุ๊คในมือ พลางกุมขมับ เขารู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
……
เริ่มก่อสร้างแล้ว ฐานของอาคารคือสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจะสร้างห้างสรรพสินค้าหลายสิบชั้น ต้องรองรับน้ำหนักให้ได้
นอกจากนั้นก็จะเหลือด้านความปลอดภัย ขั้นสุดท้ายของงานทำก่อสร้างบนที่สูง เธอต้องคำนึกความปลอดภัยของคนงานด้วย
ตอนที่หารือเรื่องนี้กับหัสดินแจ้งอีกฝ่ายว่าได้ซื้อประกันให้คนงานแล้ว เพื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น
วันนี้ยู่ยี่เตรียมตัวเลิกงาน พอถึงนอกบริษัทก็มีหัสดินยืนขวาง
เธอไม่แยแส หัสดินปรายตามองเธอ“ตอนนั้นพวกเราสนิทกันมาก ตอนนี้ต้องทำถึงขั้นนี้เลยเหรอ?”
ยู่ยี่รู้สึกขบขัน“โปรดอย่าลืมว่าคุณเป็นคนสร้างแบบนี้ขึ้นมาเอง”
“แต่คุณก็มีส่วนผิด ชีวิตคู่ไม่ได้ผิดแค่ฝ่ายเดียว ตอนนี้หลังจากคุณบอกว่าให้อภัยผมแล้ว แต่คุณก็ยังพูดจาเสียดสีผมหลายครั้งต่อวัน ผมก็ต้องหงุดหงิดบ้าง ผมขอโทษคุณหนึ่งเดือนเต็มๆ ขอร้องอ้อนวอนทุกอย่าง แต่คุณก็ทำตัวเหมือนราชันที่สูงส่ง พูดแทงใจดำผมตลอด จนทำให้ผมรู้สึกไม่ดี ดังนั้นถ้าไม่ใช่อย่างนั้นเรื่องราวก็ไม่ถึงขั้นนี้หรอก”หัสดินพูด
“ตอนนี้พูดไปก็ไร้ประโยชน์ คนทำผิดคือคุณ คนที่ตัดสินใจยกโทษให้คือฉัน แต่เรื่องแบบนั้น คุณคิดว่าเมื่อพูดว่าให้อภัยแล้วก็ไม่มีอะไรอัดอั้นตันใจเหรอ ถ้าตอนนั้นฉันเป็นคนเมาแล้วไปขึ้นเตียงกับผู้ชายคนอื่น คุณจะรู้สึกยังไง?”ยู่ยี่ยิ้ม“คงแรงกว่าฉันหลายร้อยเท่าแน่”
ตอนนี้ทั้งสองคนไม่มีทางคุยกับดีๆได้เลย ยู่ยี่ไม่อยากฟัง หัสดินก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย
“ผมอยากให้ความรักของเรากลับไปเหมือนเดิม ผมจริงใจมาก จุดที่ผมผิด ผมขอยอมรับหมด ได้ไหม”หัสดินพูดเสียงอ่อน
ยู่ยี่ขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกไม่เข้าใจเลย“ฉันไม่ได้ให้ยอมรับผิด และฉันก็ไม่คิดจะกลับไปเหมือนเดิม”
หัสดินเลิกคิ้ว“แล้วยังไง?คุณยังคิดถึงไอ้ฉันทัชอยู่ใช่ไหม?หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัว เขาก็ไม่โผล่มาให้คุณเห็นหน้าเลยใช่ไหม?ห้าวัน สิบวัน หรือไม่เห็นหน้าสิบห้าวันแล้ว คุณคิดว่าเขารักคุณมากอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่เกี่ยวกับคุณ”ยู่ยี่กำมือที่อยู่ข้างลำตัวไว้แน่น เธอเป็นคนบอกเลิกเอง เขาไม่มาให้เห็นหน้าก็สมเหตุสมผลดี
ถึงจะมา ทั้งสองคนก็ไม่มีอะไรคุยกัน มันแย่ยิ่งกว่าคนแปลกหน้าเสียอีก
เขาทำให้เธออยู่ในตำแหน่งนั้นอย่างไม่รู้ตัว เธอรู้สึกเคียดแค้น ทว่าบางครั้งเธอก็คิดเธอเขา คิดถึงความอ่อนโยนของเขา
ทว่าเธอสามารถควบคุมตัวเองได้ดี ไม่ว่าเขาจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม แต่เขาเป็นคนสร้างสิ่งนั้นขึ้น ถึงเธอจะคิดถึงปานใด เธอก็ไม่มีทางยกโทษให้เด็ดขาด
หัสดินอารมณ์เสีย จับแก้มเธอแล้วจูบทันที ช่วงนี้เขาทนความเย็นชาของเธอไม่ไหวแล้ว
ยู่ยี่ดิ้นรน จากนั้นก็ยกมือตบหน้าเขา ก่อนจะผลักเขาออกแรงๆ “วันหลังอย่าทำแบบนี้อีก ฉันขยะแขยง”
เธอเช็ดริมฝีปาก รู้สึกริมฝีปากร้อนวูบและด้านชาแล้วเธอจึงจะหยุด
“ขยะแขยง ฮ่าๆ ผมแค่จูบคุณ คุณก็ขยะแขยงแล้วเหรอ
ยู่ยี่ก็ยิ้มเย็น“ตอนนั้นคุณดมกลิ่นห้องครัวบนกายฉัน เห็นฝ้ากระตอนฉันท้อง แล้วเห็นหุ่นบวมๆของฉันแล้ว คุณก็ขยะแขยงไม่ใช่เหรอ?ที่มีกลิ่นฉุนของเครื่องปรุง เพราะฉันทำหมี่ให้คุณกิน กลัวว่าคุณดื่มเหล้าตอนท้องว่างแล้วจะทำให้คุณเสียสุขภาพ ฉันเลยฝึกทำอาหาร และที่ฉันมีฝ้ามีกระก็เพราะคลอดลูกให้คุณ สิ่งที่แย่ๆในสายตาคุณ สิ่งที่น่าขยะแขยงในสายตาคุณ อันที่จริงคุณเป็นคนสร้างขึ้นมา หัสดิน คุณรู้สึกว่าฉันน่าขยะแขยง แต่ฉันขยะแขยงคุณมากกว่า”
หัสดินหน้าแข็งทื่อ ไม่ได้พูดจา ความโมโหลดลงไปไม่น้อย
“มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันขอบอกคุณอย่างจริงจังเลยนะ ฉันกับคุณกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ฉันกลับไปรักคนที่รังเกียจฉันไม่ได้ เข้าใจไหม?คุณมองตาฉัน คุณสัมผัสได้แน่ว่าฉันพูดออกมาจากใจ ฉันเคยรักคุณมากเท่าไหร่ ตอนนี้ก็รังเกียจคุณมากเท่านั้น ฉันไม่ชอบคุณ แต่คุณก็มีสาวสวยอยู่ในอ้อมแขนนี่ คุณไปใช้ชีวิตที่สุขสบายกับเรนนี่เลย ฉันพูดแค่นี้แหละ”
ยู่ยี่พูดตรงและเด็ดขาดมาก เธออยากให้หัสดินตายใจเสียที
สำหรับเรื่องการแก้แค้นเขา มันไม่มีความจำเป็นนั้นเลย เธอมีความสุขกับชีวิตมาก ไม่จำเป็นต้องแก้แค้นใครทั้งนั้น คงไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนต้องแก้แค้นสามีเก่าหรอกมั้ง?
เธอเดินจากไปแล้ว ทว่าหัสดินยังคงยืนอยู่ที่เดิม พลางเลิกคิ้วสูง ยู่ยี่ที่พูดจาเฉียบคมแบบนี้ เขาไม่คุ้นเคยเลย แต่ก็วางเธอไม่ลงจริงๆ
ณ เฮทเค
สนามบินนา ๆ ชาติ
ฉันทัชกับเอวาเดินเคียงไหล่กันมา ส่วนกระเป๋าเดินทางมีคนรับใช้เข็นอยู่ด้านหลัง
“พรุ่งนี้บ่ายสามเจอกันที่สำนักทะเบียน”เอวาเอ่ยปากพูด“แต่ปิดเรื่องนี้กับอาคิระก่อน”
ฉันทัชเลิกคิ้วพร้อมกับจ้องมองเธอ เธอเป็นคนนิสัยดี อ่อนโยน ใจกว้าง ซึ่งเขารู้มาโดยตลอด มิฉะนั้นตอนนั้นเขาก็คงไม่ยอมแต่งงานด้วยแน่ และเธอตอนนั้นก็คงไม่ยอมรับเงื่อนไขพวกนี้แน่
เอวายิ้ม“คุณก็รู้ว่าถ้าเขารู้ เขาไม่ยอมแน่ ฉันไม่อยากเป็นภาระคุณอีก”
“คุณไม่เคยเป็นภาระผมเลย”ฉันทัชพูดอ่อนโยนมาก
“คงงั้นมั้ง พวกเราควรหย่ากันได้แล้ว คุณอายุสามสิบสี่ปีแล้ว ถึงแม้จะบอกว่าผู้ชายรุ่นนี้จะมีเสน่ห์มากก็ตาม สองปีนี้ ฉันขอบคุณคุณมากที่ดูแลฉัน โอบอ้อมอารีฉัน”
ฉันทัชยิ้ม“ผมคิดว่าคุณไม่ยินดีเสียอีก”
“เมียเก่าคุณตายในเงื้อมมือโจรปล้นทรัพย์ ถ้าฉันตายอีกคน คุณก็จะกลายเป็นคนดวงพิฆาตภรรยา แล้วอนาคตใครจะกล้าแต่งงานกับคุณ?คุณรู้ว่าฉันคิดได้ ไม่ว่าจะเรื่องความรักหรือเรื่องโรค ฉันปลงทั้งนั้น ไม่งั้นฉันคงไม่มีชีวิตอย่างมองโลกในแง่ดีจนถึงวันนี้หรอก คุณดีกับคุณมาก ฉันไม่อยากตอบแทนความดีของคุณด้วยคำกล่าวโทษ เดิมทีฉันก็ขโมยเวลาสองปีนี้มาก ฉันขโมยมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว อีกอย่างถึงฉันจะไม่ยอมหย่า แต่คุณก็ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้อีก ฉันเลยลื่นไหลตามน้ำ และถือว่าฉันกลายเป็นคนมีน้ำใจด้วย ……”