ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 434 อันที่จริง เขาไม่ได้ติดค้างอะไรฉัน
บรรยากาศของทั้งสองเป็นไปอย่างสบายอกสบายใจ ขอเรียกร้องที่เอวาต้องการเมื่อยอมหย่าคือ ให้ฉันทัชพาไปเที่ยวปารีสสิบห้าวัน
ปารีสเป็นเมืองที่งดงามละลานตายิ่ง เขาบอกว่า หากไม่เกิดความรักที่ปารีส เช่นนั้นบนโลกนี้ก็ไม่มีอะไรที่เรียกว่าโรแมนติกแล้ว
นี่คือความสุขครั้งสุดท้ายที่เธอไขว่คว้าเพื่อตัวเอง
จำเป็นต้องปกปิดเรื่องนี้กับอาคิระ หากเขารู้ ต้องไม่ยอมแน่ ดังนั้นต้องปิดอย่างเดียว ……
วันถัดไป ทั้งสองไปสำนักทะเบียนตามนัดหมาย
ฉันทัชใส่เสื้อสูทสีดำ สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงสูท รูปร่างองอาจยิ่งสูงตรงและทรงพลังมากขึ้น
เอวาสวมกันหนาวสีดำแบรนด์เดียวกับเขา ดูคล้ายเป็นเสื้อคู่ด้วย
เอวามีเสื้อผ้าเยอะมาก แต่เสื้อกันหนาวตัวนี้เธอไปซื้อด้วยกันกับฉันทัชที่ห้าง และเป็นเสื้อที่เหมือนกับเขาที่สุด
ถึงแม้จะมาทำเรื่องหย่า แต่เธอก็อยากสร้างรูปของทั้งสองคนให้ตัวเอง
เจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนกำลังรอพวกเขาอยู่ เอวามองเวลาแล้วก็เดินเข้าไป
ก่อนแต่งงานทั้งสองเคยตกลงกันอย่างชัดเจน ดังนั้นเมื่อถึงคราวหย่าจึงไม่มีปัญหาด้านทรัพย์สิน ยังคงดีเหมือนก่อนแต่งงาน
“หุ้นส่วนร้อยละสิบสามของบริษัทที่เฮทเคบริษัทHY ผมมอบให้ทนายของคุณแล้ว คุณกลับไปตรวจดูก็พอ”ฉันทัชพูด
เอวาชะงักงัน จากนั้นก็ส่ายหัวปฏิเสธ“ฉันไม่เอาค่ะ”
“หุ้นส่วนร้อยละสิบสาม ไม่ใช่สิ่งที่ผมชดใช้คุณ แต่ผมแค่อยากให้คุณบริหารเอง ผู้หญิงก็ควรมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เอวา คุณรู้ว่าผมมอบของแล้วไม่รับคืน”
ใบหน้าฉันทัชซูบผอมหลายส่วน จากนั้นริมฝีปากเซ็กซี่ของเขาขยับ เสียงอ่อนนุ่มแผ่วเบา ทว่ากลับเจือพลังที่ไม่อาจปฏิเสธได้
เงียบไปชั่วครู่ จากนั้นเอวายิ้มน้อยๆ“ค่ะ ฉันจะรับไว้”
ทุกขั้นตอนดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เมื่อสิ้นเสร็จเอวาดูเวลาพลันพบว่าใช้ไปแค่สิบนาที
ตอนเซ็นชื่อในทะเบียนสมรส หัวใจเธอเต้นตึกตักด้วยความตื่นเต้น มือจึงสั่นเล็กน้อย ทว่าตอนที่หย่า มือกลับสั่นหนักกว่ามาก
เมื่อเดินออกนอกสำนักทะเบียนก็เห็นใบหน้าซีดขาวที่กำลังเกรี้ยวกราดของอาคิระ เขารีบเดินเข้ามาหาพร้อมกับจ้องเอวา“ทำอะไรลับหลังพี่?”
“ทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว นี่คือการตัดสินใจของน้อง ทำไมพี่ต้องโกรธขนาดนี้ด้วย?”เอวามองเขาด้วยรอยยิ้ม
“เอวา แน่มากจริงๆ ”อาคิระเหยียบยิ้มเย้ยหยัน ก่อนจะหันขวับไปหาฉันทัช“นายปิดฉันแล้วทำแบบนี้กับน้องฉันเหรอ?”
“นี่เป็นเรื่องของพวกเรา พวกเราย่อมมีสิทธิ์เลือกที่จะตัดสินใจ”
อาคิระเดือดดาลถึงขีดสุด ทั่วเรือนร่างปกคลุมไปด้วยเพลิงโทสะ เขาจ้องฉันทัชด้วยแววตาเย็นยะเยือก ดวงตายังเจือเส้นเลือดด้วย
ร่างสูงยืนตัวตรง ฉันทัชตอบกลับพลันจ้องเขา
บรรยากาศตึงเครียดผิดปกติ กระทั่งหายใจก็ยาก คล้ายกับเป็นสงครามที่จู่โจมครั้งเดียวก็สำเร็จอย่างไรอย่างนั้น
เอวาดึงแขนอาคิระ ก่อนจะลากเขากลับไปยังทิศทางตรงข้าม หากไม่เข้าขัดขวาง ต้องเกิดเหตุการณ์ไม่พึ่งปรารถนาแน่
เดินมาถึงที่ลับคน เอวาจึงปล่อยเขาออก สีหน้าอาคิระดูไม่ได้เลย มืดครึ้มถึงขีดสุด“เขาเสนอหย่า น้องก็เห็นด้วยอย่างนั้นเหรอ?”
“ก็คุยเงื่อนไขตอนแต่งงานแล้วนี่ ฉันคงกลับคำไม่ได้ อีกอย่างฉันถ่วงเวลาเขาต่อไปไม่ได้”
อาคิระยิ้มเย็น ไม่มีไออุ่นเลยสักนิด ชวนให้หนาวเหน็บเข้ากระดูก “น้องเป็นคนดีแล้วคิดคนอื่นจะดีด้วยเหรอ?หย่ากับเขาก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวคนเดียว แล้วตอนที่เจ็บปวดจากอาการโรคกำเริบ เขาก็กอดคออยู่กับคนรัก”
“ความเจ็บปวดจากอาการกำเริบนั้นเป็นมาแต่เกิด หรือฉันต้องดึงเขามาร่วมเจ็บปวดด้วยกัน?เขาไม่ได้ติดค้างอะไรฉัน”
“ดี วันหลังอย่ามาร้องไห้กับพี่อีกแล้วกัน ไม่ต้องร้องไห้บอกว่าคิดถึงเขา น้องใจกว้าง ยิ่งใหญ่ ใครจะเทียบน้องได้?”
อาคิระพูดประชดประชัน สิ้นเสียงก็ไม่อินังขังขอบเอวา ขึ้นรถแล้วจากไป ทิ้งเธอไว้อย่างนั้น
เอวาแหงนหน้ามองฟากฟ้าพลันยกมุมปากยิ้ม เขาโกรธเพราะเธอหย่ากับฉันทัช หรือว่าโกรธที่ฉันทัชลืมดาหวันแล้วไม่ชอบผู้หญิงคนอื่น?
……
เมืองS
ผู้จัดการเรียกยู่ยี่เข้าไปพบที่ห้องทำงานส่วนตัวแต่เช้า
ผู้จัดการบอกว่า มีการเปลี่ยนแปลงงานของเธอ โดยให้เธอไปรับช่วงงานก่อสร้างโรงเรียน ส่วนงานในมือก็มอบให้คนอื่นรับผิดชอบต่อไป
ยู่ยี่ไม่ยินดี เธอโดนย้ายไปมาหลายครั้งแล้ว อีกอย่างงานในส่วนที่รับผิดชอบตอนนี้ก็กำลังไปได้สวยเลย ทำไมต้องเปลี่ยนด้วย?
อันที่จริงงานก่อสร้างโรงเรียนดำเนินไปกว่าครึ่งแล้ว หากไปรับช่วงตอนนี้จะเบามือมาก ง่ายกว่าทำงานร่วมกับบริษัทภูษาธรกรุ๊ปเป็นไหนๆ ผู้จัดการกล่าว
ทว่าเธอไม่ชอบความสบาย ยู่ยี่ยังคงยืนกรานที่จะปฏิเสธ
ผู้จัดการบอกว่าการโยกย้ายงานเป็นเรื่องปกติ อีกอย่างส่วนที่รับเหมาจากบริษัทภูษาธรกรุ๊ปนั้นพึ่งเริ่ม ไม่มีผลกระทบใดๆ
ยู่ยี่ยังคงไม่ยินดี เธอทุ่มสุดตัวกับงานนี้ ทั้งหาข้อมูล วาดภาพออกแบบเอง ทั้งหมดทั้งมวลนี้เธอลงมือทำเอง แล้วตอนนี้จะให้เธอวางมือ เป็นไปไม่ได้
“ให้คนอื่นรับงานในมือคุณ แต่จะทำตามภาพออกแบบของคุณ ไม่ให้คุณสูญแรงเปล่าแน่ คุณวางใจได้เลย ตอนนี้คุณจำเป็นต้องรับงานก่อสร้างโรงเรียน เรนบีท้อง ทำต่อไม่ได้ งานในส่วนของเธออยู่ในช่วงที่สำคัญที่สุด ผิดพลาดไม่ได้แม้แต่นิดเดียว และคุณไม่มีสิทธิ์เจรจา พอแล้ว ไปเอาเอกสารข้อมูลกับเรนบีเถอะ”
ยู่ยี่ตั้งข้อเสนอว่า งานจากบริษัทภูษาธรกรุ๊ปต้องให้เธอมีส่วนร่วมในการแก้ไข ตรวจสอบและสังเกตความก้าวหน้าของงาน
ผู้จัดการคลี่ยิ้ม ตอบว่าแน่นอน ยู่ยี่จึงเดินออกไปขอข้อมูลและภาพวาดจากเรนบี
เรนบีได้ยินพลันขมวดคิ้ว อารมณ์ไม่สู้ดีนัก ทว่าไม่ได้แสดงออกมาทันทีทันใด หลังจากมอบงานในมือให้ยู่ยี่เสร็จก็ไปที่ห้องทำงานส่วนตัวผู้จัดการ
เรนบีเดินเข้าไปหยิบแก้วน้ำบนโต๊ะแล้วเขวี้ยงใส่พื้น พลางเอ่ยเสียงใส “ทำไมต้องเอาผมที่ฉันรับผิดชอบให้เธอด้วย?”
ผู้จัดการเดินเข้าไป ยื่นมือโอบกอดเธอ จากนั้นก็ยื่นเอกสารให้ดู“คุณดูเองว่าเพราะอะไร”
เรนบีชะงักงัน ไม่ได้โวยวายอีก สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย บอกผู้จัดการว่าตัวเองท้องสามเดือน อนุมัติให้เธอพักงานด้วย
เธอเดินออกมา ยู่ยี่ประหลาดใจมากที่ไม่เห็นเรนบีทำหน้าบึ้งตึง ทว่ากลับเก็บของบนโต๊ะอย่างเงียบสงบ
คนรอบข้างเข้ามาถามเธอด้วยความสงสัย?
เรนบียิ้มตอบว่า ตนท้องสามเดือน สามีไม่ให้ทำงานต่อ จะให้พักงานก่อน
และเมื่อผู้จัดการออกไป ทุกคนก็เริ่มซุบซิบจนเกิดเสียงอื้ออึง คนพวกนั้นบอกว่าไม่รู้ว่าเด็กในท้องเป็นของสามีเธอหรือเป็นของผู้จัดการกันแน่
แต่ยู่ยี่ไม่สนใจเรื่องนี้ เธอไม่อยากรับงานต่อจากเรนบี ทว่ากลับบ่ายเบี่ยงไม่ได้
ทว่าดำเนินงานเกินครึ่งแล้ว อีกไม่นานก็แล้วเสร็จ
วันนี้เลิกงานเร็ว เพราะจะไปเยี่ยมเบบี้น้อยที่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ ซึ่งนัดนาโนไปด้วย
นาโนขับรถมารอเธอด้านล่างบริษัท ทั้งสองไปที่ห้างสรรพสินค้าเพื่อเลือกซื้อของขวัญ ซึ่งราคาของขวัญมีมูลค่าไม่น้อยทีเดียว
นาโนถามยู่ยี่ว่า เธอรู้ไหมช่วงนี้เรนนี่ชอบไปที่บ้านตระกูลภูษาธรบ่อยมาก?
ยู่ยี่ยักไหล่ เกี่ยวอะไรกับฉัน
ดูท่าคงคิดจะประจบประแจงพ่อแม่ของหัสดิน ได้ยินว่าไปพร้อมกับพี่สาวหัสดินบ่อยโครตๆเลย นาโนพูดต่อ
เมื่อก่อนยู่ยี่กับซาฮาร่าไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่ แค่เห็นหน้าแล้วทักทายกันพอพิธีเท่านั้น ยู่ยี่รู้ว่ามีคุณสมบัติที่ดีเลิศมาก
ฝ่ายพ่อแม่มีรวย ฝ่ายสามีก็รวย แล้วที่สำคัญตัวเธอเองก็หาเงินเก่งมาก ถึงแม้สามีจะแอบไปเล่นกับผู้หญิงอื่นด้านนอกทุกวัน ทว่าเธอก็ยังดีกว่าผู้หญิงอื่นอยู่ดี
“เธอรู้ไหมตอนนั้นสามีของซาฮาร่ายังมาเจ้าชู้ใส่ฉันด้วย?”ยู่ยี่แย้มยิ้มกล่าว
นาโนเห็นเรื่องประหลาดจนไม่รู้สึกแปลกใจแล้ว ตอบเธอว่า ผู้ชายแบบนั้น เห็นผู้หญิงสวยไม่ได้ อยากลากขึ้นเตียงท่าเดียว
ทั้งสองคุยกันอย่างมีความสุขตลอดทาง มีเสียงหัวเราะคิกคักไม่ขาดสาย และชื่อของเบบี้น้อยยังไม่ได้ตั้ง ประธานออกัสบอกว่าต้องคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อน
ซารางรู้สึกสบอารมณ์ รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ทีน้องคือจะคิดอย่างละเอียดเชียวหรือ แต่ตอนเธอเกิดไม่เห็นมีใครคิดจริงจังเลย หม่ามี๊เอาพจนานุกรมมาพลิกดู จากนั้นตัวแรกก็ตั้งเป็น ซา ตัวที่สองเป็น ราง เธอเลยได้ชื่อเป็นซาราง
ท่านประธานออกัสทำให้องค์หญิงน้อยเคืองใจไม่ได้ รีบเข้ากอดและปลอบกันยกใหญ่
ซึ่งมีหัสดินกับดนัยอยู่ด้วย ร่างกายเชอร์รีนฟื้นฟูได้ดีมาก เมื่อเธอเห็นสร้อยคอของยู่ยี่โดยบังเอิญก็ยิ้มเบาๆ “สวยจังเลย ใครให้?”
ยู่ยี่ยื่นมือไปที่คอระหงด้วยสัญชาตญาณ หน้าใจเธอกระเพื่อม ใส่นานจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายไปแล้ว และลืมถอดออกไปเสียสนิทใจ
นาโนกวาดสายตามองหัสดินที่จ้องยู่ยี่ กล่าวอย่างรู้สึกโลกยังวุ่นวายไม่พอ “คุณฉันทัชให้ เหมาะกับผิวดีใช่ไหม?”
ดังคาด สีหน้าหัสดินเขียวช้ำและมืดครึ้ม ดูไม่ได้เลย
เขาเกิดความคิดที่บุ่มบ่ามอย่างหนึ่ง ซึ่งคือความคิดที่อยากดึงสร้อยคอเส้นนั้นออก เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีโอกาส
หลังกินข้าวเย็นที่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ หัสดินเอ่ยปากพูดว่าจะส่งยู่ยี่กลับบ้าน ทว่าพึ่งปริปากพูด นาโนก็โบกมือเรียกยู่ยี่ให้ขึ้นรถของตน จากนั้นก็เหลือเพียงสายลมทิ้งไว้ให้เขา
ดนัยกับหัสดินจะไปดื่มเหล้า ทว่าตอนนี้ประธานออกัสมีทั้งลูกชาย ลูกสาวและภรรยาแสนสวยแล้ว เขามีพร้อมทุกอย่าง ไม่คิดแตะต้องบุหรี่กับเหล้าอีก แม้จะชักชวนขนาดไหนก็ไม่ลากเขาไปไม่ถึงร้านบาร์แล้ว
ดนัยถามหัสดินว่า นิสัยเรนนี่ไม่ดีมั้ง?
หัสดินตอบว่าดีมากเลย นิสัยอ่อนโยน ละเอียดรอบคอบ
ในเมื่อดีขนาดนี้ก็แต่งงานกันเลยสิ การที่มีโอกาสเจอผู้หญิงแสนดีนั้นยากมาก แล้วทำไมต้องวิ่งไล่ตามหลังยู่ยี่ด้วย
หัสดินตอบว่า หัวใจยังวางไม่ลง
ดนัยหัวเราะ ไม่พูดต่อ เขาไม่ควรก้าวก่ายความรักของคนอื่น นั่นเป็นเรื่องของหัสดิน ตอนนี้เขาเองก็ชลมุนไม่แพ้กัน มีอารมณ์สนใจเรื่องคนอื่นที่ไหน?
แต่พูดตามความเป็นจริง เขารู้สึกว่ากรรมตามสนองหัสดิน เมื่อก่อนแอบคบกับเรนนี่จนต้องหย่ากับยู่ยี่ แต่ตอนนี้ก็วิ่งไล่ตามยู่ยี่ไม่ปล่อย เรนนี่ให้ความรู้สึกดีๆกับเขาขนาดนั้น และยังรู้สึกสบายกายสบายใจด้วย แล้วทำไมไม่แต่งไปอยู่ด้วยกันเลยล่ะ
นาโนถอยรถแล้วถามเพื่อนรักว่า เธอไม่ขับรถนานแล้ว ไม่คิดจะซื้อรถบ้างเหรอ?