ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 436 เขายังไม่ละทิ้งความพยายาม
ดนัยยักไหล่ ก่อนจะเทเหล้าเข้าคอ ทั้งสองดื่มอย่างหนักหน่วง ผ่านไปเนิ่นนาน ไม่รู้ว่าใครพูดหนึ่งประโยคกะทันหัน “อิจฉาออกัสจริงๆ”
ชีวิตดีจริงๆ มีทั้งลูกชายลูกสาวและหญิงงาม เรียกได้ว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง ชีวิตมีรสชาติยิ่ง
ไม่เหมือนพวกเขาสองคน ล้วนมีปัญหาของตัวเอง ไม่ใช่ปัญหานี่ก็คือปัญหานั้น มีเรื่องร้อยแปดพันเก้า อยู่ไม่เป็นสุขเลย มักจะรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นประจำ หากมีชีวิตอย่างออกัสก็จะดีมากเลย พวกเขารู้สึกอิจฉามาก ……
วันต่อมา
ยู่ยี่ที่กำลังทำงานอยู่ เมื่อไม่เห็นหน้าเรนบีก็รู้สึกว่าภาพตรงหน้าสวยงามขึ้นเยอะ
ตอนเที่ยง หัสดินมาด้วยใบหน้าเกรี้ยวกราด ตามโดยตรงว่า“มันเกิดอะไรขึ้นกับคนรับผิดชอบงาน?”
ยู่ยี่ที่ดื่มน้ำมะนาวเงยหน้าขึ้น เธอรู้สึกเปรี้ยวจี๊ดจนต้องหรี่ตาโดยไม่รู้ตัว “ไปถามผู้จัดการ ฉันแค่ทำตามคำสั่งเจ้านาย”
จากนั้นหัสดินก็เดินจากไป ไม่นาน ผู้จัดการก็เรียกยู่ยี่เข้าไปในห้องทำงาน
“ยู่ยี่ยินดีย้ายงานนี้ใช่หรือไม่?”ผู้จัดการยิ้ม พลางมองยู่ยี่
ยู่ยี่ยิ้มเย็น พูดไม่ออก บอกไม่ถูก จึงไม่ตอบซะเลย เธอยืนอยู่ตรงนั้นปล่อยให้ผู้จัดการพูดเองเออเอง
“อีกอย่างตอนนี้ทางบริษัทมีคนลางานเพราะท้อง งานอยู่ในช่วงสำคัญที่สุด ขาดคนรับผิดชอบไม่ได้?ประธานหัสดินเห็นใจหน่อยได้ไหมครับ?”
หัสดินหรี่ตา นิ้วมือเคาะโต๊ะ “หรือว่าได้สัญญาจากผมไปแล้ว เลยมีท่าทีแบบไหนกับผมก็ได้?”
ผู้จัดการรู้สึกเครียดเล็กน้อย ใบหน้าที่ปั้นยิ้มกระตุกขึ้น ก่อนจะแข็งค้าง “ไม่ใช่เลยครับประธานหัสดิน ผมไม่กล้าหรอกครับ แต่ทางบริษัทเราจนปัญญาจริง ๆ ครับ ประธานหัสดินเห็นใจด้วยครับ”
จากนั้นหัสดินบอกว่าให้เขาเข้าใจก็ไม่ยาก แต่คุณต้องมีการแสดงออกสักอย่างหนึ่ง ใช่หรือไม่?
ระหว่างที่พูดประโยคนี้ สายตาเขาจ้องไปยังตัวของยู่ยี่ จึงสื่อความหมายชัดเจนมาก
ผู้จัดการถนัดด้านการสังเกตสีหน้าที่สุด แล้วจะไม่เข้าใจได้อย่างไร?
แน่นอนครับ แน่นอนครับ เพราะถึงอย่างไรวันนี้งานของยู่ยี่ก็ไม่ได้ยุ่งมาก และประธานหัสดินยังไม่เข้าใจภาพออกแบบ วันนี้จะให้ยู่ยี่ไขข้อสงสัยทั้งวันเลยครับ ผู้จัดการพูดไพเราะระรื่นหูมาก
ยู่ยี่ยิ้มเย็น และไม่ลืมที่จะตอบว่า ไม่ไป ไม่มีเวลา วันนี้ต้องเร่งทำงานให้แล้วเสร็จ
ผู้จัดการขบฟัน ยู่ยี่ดูสีหน้าไม่เป็นจริงๆ ยู่ยี่เดินอ้อมหัสดิน พลางกล่าวเสียงเบากับผู้จัดการว่าให้พักงานสามวัน
นี่เท่ากับเป็นการตั้งข้อต่อรองชัดๆ ทว่าผู้จัดการก็จำใจรับปาก เขาขบฟันและพยักหน้า
เมื่อเดินไปถึงลิฟต์ลงไปชั้นล่าง และลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่งก็เปิดออก จากนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งเข้าสู่สายตาอย่างคาดไม่ถึง
คนเดินนำคือฉันทัชที่สวมเสื้อสูทสีดำ ยืนตัวตรง สูงยาวเข่าดี ใส่กางเกงสูทแล้วช่างให้อรรถรสเป็นอย่างยิ่ง และสองมือของเขาก็ล้วงเข้ากระเป๋ากางเกง
ทั้งสองประสานสายตา ยู่ยี่อึ้ง จากนั้นก็ละสายตา ไม่แยแส ไม่พูดจา
ซึ่งวินาทีที่ยู่ยี่เดินออกมา ฉันทัชจ้องเธออย่างจดจ่อ ไม่คลาดสายตาเลย
ยู่ยี่ก้มหน้าแบกเอกสารก้าวเฉียดไหล่เขา ชุดทำงานของเธอกับเสื้อสูทของเขาสัมผัสกันเบาๆและจากกัน
กลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มบนเสื้อสูทเขาหอมจางๆ เธอได้กลิ่นนั้น
เขาก็ได้กลิ่นแชมพูรสส้มของกายเธอเช่นกัน
หัสดินที่ตามอยู่ด้านหลังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขาเห็นพวกเขาสองคนเป็นเช่นนี้ก็รู้สึกเบิกบานใจยิ่ง
ในมือของหัสดินยังถือเสื้อขนสัตว์ของยู่ยี่ด้วย ซึ่งเขารับมาจากเพื่อนร่วมงาน ตอนที่เขาเดินผ่านฉันทัชก็รู้สึกภาคภูมิใจยิ่ง
และยู่ยี่ก็เห็นสิ่งนี้ เธอเลิกคิ้ว เขาเอาความภาคภูมิใจในตัวเองมาจากไหน?
ยู่ยี่เดินอยู่ด้านหน้า หัสดินเดินตามหลัง ทั้งสองเดินออกไป ฉันทัชจ้องเสื้อขนสัตว์ตัวนั้น เขาก็อารมณ์เสียนิดน้อย
“คุณเลือกสถานที่เลย พวกเรารีบเคลียร์เรื่องงานให้จบเร็วๆ”ยู่ยี่รับเสื้อขนสัตว์มาใส่
หัสดินกลับเอ้อระเหยลอยชาย ทำตัวสบายๆ ไม่รีบร้อนอะไร
รถจอดอยู่ด้านข้าง ทั้งสองเดินไปยังรถ เมื่อเปิดประตูรถ ตอนที่เธอจะก้าวเข้าไปนั่งก็ถูกคว้าแขนไว้
เธอหันขวับด้วยความแปลกใจ คือฉันทัชนี่เอง
เขาจับข้อมือเธอ ก้มหน้ามองเธอด้วยดวงตาลุ่มลึก เสียงแหบพร่าเอ่ยขึ้นว่า “คุณจะนั่งรถของเขาเหรอ?”
“คุณฉันทัช การกระทำของคุณไม่เหมาะสม ไร้มารยาท”ยู่ยี่กล่าว
ฉันทัชเป็นคนสุขุม ยิ่งเรียกได้ว่าสุขุมเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรก็ไม่หวั่น
ไม่มีใครทำให้เขาหงุดหงิดได้ในชั่วพริบตา ซึ่งมีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น
ได้ยินเธอบอกว่าไร้มารยาท ฉันทัชก็ไม่ปล่อย นาทีนี้มารยาทไม่สำคัญกับเขาเลย
ได้ยินเธอเรียกว่าคุณฉันทัช เขาก็รู้บาดหู คิ้วงามขมวดขึ้น
ส่วนหัสดินนั้นตรงข้ามกับเขามาก ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม รู้สึกรื่นรมย์ใจยิ่ง เขาเอามือกอดอกแล้วมองฉันทัชอย่างไม่สะทกสะท้าน“คุณฉันทัช เหมือนเธอจะไม่ชอบการกระทำของคุณตอนนี้นะ”
ริมฝีปากเซ็กซี่ของฉันทัชขยับ คลี่ยิ้มแล้วพูดเสียงอ่อนโยน“ไม่รบกวนประธานหัสดินเตือนหรอก”
“ได้ยินว่านิสัยใจคอคุณฉันทัชดีมาก ทุกคนที่เคยปฏิสัมพันธ์กับคุณฉันทัช ล้วนชื่นชมไม่หยุด แต่ทำไมตอนนี้ผมดูแล้ว คุณฉันทัชถึงทำตัวอันธพาลเช่นนี้ล่ะ”
ผู้ชายที่สุขุมเป็นผู้ใหญ่ต่างจากผู้ชายทั่วไปจริงๆ ผู้ชายทั่วไปจะไม่ยอมทนการหยามศักดิ์ศรีแบบนี้แน่
ทว่าฉันทัชไม่เหมือนผู้ชายทั่วไป เมื่อเผชิญหน้ากับคำท้าทายเสียดสีของหัสดิน เขาก็แค่ยิ้มเจือจาง ไม่แยแส ใบหน้าเป็นธรรมชาติตลอด คล้ายกับไม่ได้ยินอย่างไรอย่างนั้น
การมองข้ามแบบนี้ทำให้หัสดินไม่สบอารมณ์ เขาก้าวเข้าไปดึงข้อมือด้านขวาของยู่ยี่
ยู่ยี่เอือมระอากับสถานการณ์ตอนนี้มาก มองไปยังฉันทัช“อะไรที่ควรพูด ก่อนหน้านี้พวกเราก็พูดชัดเจนแล้ว จากวันนี้เป็นต้นไป ไม่ต้องติดต่ออะไรกับฉันอีก โปรดปล่อยมือฉันด้วย ฉันรู้สึกไม่สบาย คุณฉันทัช”
เธอบอกว่าไม่สบาย ฉันทัชก็ไม่ได้บีบเค้นอะไรอีก เขายอมปล่อยมือแต่โดยดี
หัสดินทำหน้าลำพองใจ รอยยิ้มเต็มหน้า ยู่ยี่หมุนกายมองเขา พลางพูดเสียงเย็นชาถึงขีดสุด “คุณยิ่งทำให้ฉันรังเกียจ ปล่อย”
คำนี้ไม่น่าฟังเท่าไหร่ ทว่าก็ไม่กระทบอารมณ์ดีของหัสดิน ดวงตาดอกท้อมองเขา พลางยักไหล่ “OK!”
ยู่ยี่ถือโอกาสนี้นั่งเข้าไปในรถ ก่อนจะปิดประตู หัสดินเดินอ้อมหน้ารถ จากนั้นก็เข้าไปสตาร์ทรถแล้วจากไป
ส่วนฉันทัชไม่ได้ไปไหน ยืนอยู่กับที่ ควันท้ายรถที่มากับสายลม ทำให้เขาขมวดคิ้วแน่นมากขึ้น
ยู่ยี่มองกระจกรถ ร่างสูงใหญ่ค่อยๆเล็กๆ หัวใจเธอเต้นตึกตักเล็กน้อย จากนั้นก็ละสายตา
ผู้ช่วยโก๋วิ่งตามมา“คุณฉันทัชครับ พวกเราไปกินข้าวเที่ยงก่อนไหมครับ ข้าวเช้าคุณยังไม่ได้กินเลยนะครับ”
หลังจากที่คุณฉันทัชกลับเฮทเค แล้วมาที่เมืองS เขาก็ต้องตะลึงงัน เพราะคุณฉันทัชผอมลง
ตอนเช้าแม้คุณฉันทัชไม่พูด เขาก็รู้ว่าคุณฉันทัชรีบมาหาคุณยู่ยี่ แต่ใครจะไปรู้ พึ่งมาถึง คุณยู่ยี่ก็ไปกับสามีเก่าซะแล้ว
ตอนนี้อารมณ์คุณฉันทัชไม่ดีเลย เรียกได้ว่าแย่มาก
“ผมไม่หิว ถ้าหิวก็ไปกินข้าวเที่ยงเลย คุณเอารถไปใช้เลย”ฉันทัชเอ่ยปากเสียงเรียบ
ผู้ช่วยโก๋พยักหน้า ไม่รู้ควรพูดอะไร จึงปิดปากเสียเลย จะได้ไม่ทำให้คุณฉันทัชอารมณ์เสียไปมากกว่านี้
บอกว่าคุยเรื่องงาน แต่หัสดินไม่ได้ทำอย่างนั้น อ้าปากพูดแต่ละทีก็บอกยู่ยี่ให้เริ่มต้นใหม่กับเขาเสมอ
คำพูดที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้ ยู่ยี่ไม่อยากฟังเลย เขายังไม่รู้สถานการณ์ตอนนี้อีกหรือ
“ก็เหมือนที่ฉันพูดกับคุณเมื่อวาน ฉันคลอดลูกให้คุณ คุณก็รังเกียจที่หน้าฉันมาฝ้า ร่างบวม ฉันทำอาหารให้คุณ คุณก็รู้สึกเหม็นกลิ่นครัว คุณรู้สึกว่าคุณรักฉันหรือ?มีความจำเป็นอะไรที่จะมาอยู่กับคนที่คุณรังเกียจ?”
หัสดินครุ่นคิดดูแล้วตอบว่า“ผมรักคุณแน่นอน สำหรับเรื่องพวกนั้น ผมขอโทษ ผมอยู่ในช่วงเบื่อหน่ายชีวิตคู่ รู้สึกหงุดหงิด แต่มันก็เป็นเรื่องธรรมดานี่”
ยู่ยี่รู้สึกปวดหัวมากที่ต้องสื่อสารกับเขา“แล้วก่อนหน้านี้ที่ไม่นอนกับฉันล่ะ?หลับนอนกับฉันไม่ได้หนึ่งครั้ง สองครั้ง แต่กับเรนนี่กับได้เสมอ คุณจะใช้เหตุผลอะไรอธิบาย?ชู้ครั้งแรกเป็นเพราะอุบัติเหตุ แล้วครั้งที่สองล่ะ คุณมีสิทธิ์อะไรให้ฉันยอมรับผู้ชายที่เจ้าชู้เป็นสันดาน?”
หัสดินเอ่ยปากพูดอย่างจริงจัง “ผมจะปรับปรุง ปรับปรุงจริงๆ จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้อีกเด็ดขาด”
“คำรับรองของคุณไม่มีค่าสำหรับฉันเลย ก็เหมือนเมื่อก่อนที่คุณบอกว่าจะไม่โอนเงินให้เรนนี่อีก แต่คุณก็แอบโอนลับหลังฉัน ฉันไม่เชื่อคำสัญญาของคุณ อีกอย่างฉันไม่อยากได้คุณแล้วจริงๆ คุณเข้าใจไหม?ไม่อยากได้แล้ว ฉันว่าคุณควรมีสติหน่อย ต้องมีช่วงเบื่อหน่ายชีวิตจริง ๆ แต่มันไม่ใช่เหตุผลและข้ออ้างที่คุณจะนำมาใช้ได้ คุณลองคิดดูเอง คุณทนความยั่วยวนไม่ได้ หรือว่าเป็นเพราะเบื่อหน่ายชีวิตคู่จริงๆ คำพูดแย่ๆฉันก็เคยพูดกับคุณแล้ว ไม่อยากพูดอีก จบแค่นี้แหละ”
สิ้นเสียง เธอหยิบกระเป๋าถือแล้วจากไป
สีหน้าหัสดินเคร่งขรึมเล็กน้อย ตอนที่ลุกขึ้นเตรียมจะก้าวออกไปก็รู้สึกไม่สบายกะทันหัน
โดยเฉพาะบริเวณท้อง เขาคิดว่าควรไปตรวจที่โรงพยาบาลจริงแล้ว ความเจ็บที่มากะทันหันเช่นนี้ ไม่ปกติแน่นอน
หัสดินขึ้นรถแล้วมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล……
ยู่ยี่ไม่อยากช้อปปิ้ง ส่วนนาโนก็ไปกินหม้อไฟเป็นเพื่อนเธอไม่ได้ สำหรับเชอร์รีนยิ่งไม่มีทางออกจากบ้านแน่ เธอจึงคิดที่จะกลับบ้าน
เธอนั่งรถเมล์หนึ่งชั่วโมงก็ลงมาที่ป้ายรถเมล์ เธอเดินไปด้านหน้า เมื่อเดินขึ้นลาดเอียงก็เห็นผู้ชายใส่เสื้อกันหนาวแบรนด์ดัง นั่งอยู่ด้านข้างสวนดอกไม้ ในมือถือแก้วน้ำอุ่น ซึ่งน่าจะได้รับจากรปภ.