ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 444 อยากจะไปด้วยกันไหม
เขาอุ้มเธอเดินตรงไปข้างหน้า และเดินเป็นระยะทางค่อนข้างไกล ถึงจะวางเธอลง ใบหน้าที่มีเค้าโครงงดงามนั้น ปรากฏรอยยิ้มบาง อย่างไม่หยุดพัก
ยู่ยี่รู้สึกจำใจอยู่เล็กน้อย แต่แท้จริงแล้ว เธอนั้นมีความสุขจริงๆ
ฉันทัชอยากจะสอนเธอเล่นสกี เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบรับกลับ เธอนั้นโง่เล็กน้อย สิ่งเหล่านี้ค่อนข้างไม่ง่ายที่จะเรียนรู้สำหรับเธอ
เมื่อใส่อุปกรณ์ที่จำเป็นแล้ว เขาก็นำทางเธอ ไปที่ลานสกี พร้อมจับมือเธอไว้อยู่ตลอด
คนที่ลานสกีนั้นเยอะมาก มีผู้คนทุกเพศทุกวัย ทั้งผู้ชาย ทั้งผู้หญิง แต่ไม่มีใครเหมือนฉันทัชในแบบนี้
เขาสวมชุดสูทสีดำแบบทางการ เสื้อคลุมสีกาแฟถูกถอดออกเรียบร้อยแล้ว ทั่วทั้งร่างของเขาเปล่งประกายความโดดเด่นและทรงพลังเฉพาะตัว ชวนให้คนตาพร่ามัว
ยู่ยี่นั้นมีความกล้าอยู่ไม่น้อย แต่เธอนั้นไม่ชอบความรู้สึกตอนล้มเลยจริงๆ ดังนั้นเธอจับมือของเขาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อย
ฉันทัชเหมือนกับไม่อยากให้เธอสมหวัง ยังคงปล่อยมือเธอเช่นเดิม ใต้เท้าเธอลื่นไถล เธอล้มลงกับพื้น เบาๆ ไม่ได้แรงมาก
ยู่ยี่เม้มปาก หรี่ตามองเขา “จู่ๆ คุณก็ปฏิบัติกับฉันอย่างไม่มีความสุภาพบุรุษ อย่าลืมสิ คุณยังอยู่ในช่วงพิจารณาอยู่นะ”
ยิ้มบาง ลมหายใจผู้ชายที่คุ้นเคยและทรงพลัง เข้ามาใกล้เรื่อยๆ เธอเงยหน้าขึ้น ร่างสูงของชายหนุ่มยืนอยู่ตรงหน้าเธอ “แต่ผมชอบคุณที่มีท่าทีกับผมตามใจชอบแบบนี้มากกว่า คุณที่อารมณ์เสียได้ โกรธได้ เป็นธรรมชาติ และไร้การควบคุม และยิ่งหวังว่า นิสัยของคุณจริงๆ จะเปิดเผยต่อหน้าผม…….”
หากผู้ชายคนหนึ่งพูดเองจากปากว่าต้องการรู้จักตัวตนทั้งหมดของคุณ ไม่เพียงแต่ด้านที่สมบูรณ์แบบ แต่รวมถึงด้านที่แย่อีกด้วย หัวใจของคุณนั้น คงไม่สามารถที่จะทำให้สงบไร้คลื่นได้สำเร็จ
“มันไม่ง่ายเลยที่ต้องการจะสมบูรณ์แบบ แต่ถ้าต้องการจะให้เปิดเผยข้อเสียทั้งหมดนั้นก็ไม่ง่ายเช่นกัน” ยู่ยี่เอ่ย
ทัศนคติแบบนี้ ฉันทัชชอบมันมาก ตรงกลางระหว่างคิ้วและตานั้นปรากฏความอ่อนโยนนุ่มนวลที่ไม่สามารถอธิบายได้ ดูเหมือนจะหลอมละลายลงได้
เขากลัวเธอหนาว จึงให้เธอนั่งพักผ่อนอยู่ข้างๆ และเขาก็จากไป
เด็กสาว 2 คนนั่งอยู่ข้างๆ ถัดกับเธอไป อายุไล่เลี่ยกัน เมื่อเห็นฉันทัชจากไปแล้ว หลังจากนั้นทั้งสองก็หน้าแดงมองมาทางยู่ยี่ิ และถามอายุของทั้งสอง
แต่ยู่ยี่ไม่ได้รู้สึกอะไร เธอตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติและตรงไปตรงมา
เด็กสาวที่อยู่ทางซ้ายกล่าวว่า “อายุของทั้ง 2 คนห่างกันตั้งขนาดเลยอะ ยังไงฉันก็คิดว่าอายุแก่กว่าแค่ 3 ปีนั้นน่าจะดีกว่า”
เด็กสาวที่อยู่ทางขวาที่เกือบจะไม่มีตาแดงเอ่ยขึ้น “อายุห่างกันขนาดนั้นแล้วทำไมล่ะ ผู้ชายแก่กว่าเธอ ถึงจะรู้จักอ่อนโยนและเอาใจใส่ สังคมตอนนี้ หนุ่มรุ่นลุงหรือหนุ่มใหญ่กำลังเป็นที่นิยม เทรนด์ตอนนี้ไม่ใช่ไอดอลวัยรุ่นแล้ว เพียงแค่ได้มองแผ่นหลังของคุณลุงนั้น ก็มีความสุขเปี่ยมล้นจนเพียงพอแล้ว”
ยู่ยี่หัวเราะ ตอนนี้ฉันทัชกลับมาแล้ว ในมือถือนมสดร้อนมาด้วย “อุณหภูมิกำลังพอดี”
เธอรับมา อุณหภูมิกำลังพอดีอย่างที่เขาบอกไว้จริงๆ เมื่อดื่มลงไป ท้องก็รู้สึกอุ่นขึ้นมา
การมาผ่อนคลายในสถานที่แบบนี้ เพียงแค่ได้มาบ่อน้ำพุร้อนเธอก็ยังรู้สึกผ่อนคลายได้ ยู่ยี่ชอบเดทแบบนี้มาก
ฉันทัชเอ่ยปาก ถามเธอ ยังอยากเรียนสเก็ตน้ำแข็งต่ออยู่ไหม?
ยู่ยี่ส่ายศีรษะ เธอเล่นพอแล้ว อีกทั้งยังสร้างปัญหามาพอแล้ว
เกือบจะเท่ากัน เมื่อนั่งบนรถ ฉันทัชก็ถามเธอ “คิดว่าผมอายุเยอะไหม?”
คำพูดที่เด็กสาวทั้งสองเพิ่งพูดไปนั้น เขาอาจจะได้ยินเข้าแล้วเป็นแน่ ยู่ยี่รู้สึกขำอยู่เล็กน้อย แล้วส่ายศีรษะ
แต่ทว่า ฉันทัชกลับไม่ได้ขับรถออกไป มือใหญ่เห็นข้อกระดูกชัดเจนวางอยู่บนพวงมาลัย น้ำเสียงนุ่มนวล กล่าวว่า “อายุเยอะนั้น ย่อมมีข้อดีอยู่แล้ว คุณอยากฟังไหม?”
“พูดมาสิ” ยู่ยี่เอ่ย
“ตอนอายุ 34 ปีนั้น ผมก็ผ่านประสบการณ์มามากแล้ว อีกทั้งประสบการณ์เหล่านั้น ก็คือประสบการณ์ที่คุณไม่เคยผ่านมาก่อน ผมมีประสบการณ์มากกว่าคุณ ยามที่คุณเดินนั้นก็ไม่ต้องเสียเวลาออกนอกเส้นทางโดยไม่จำเป็น ผมจะบอกทางลัดให้กับคุณเอง อีกทั้งสภาพอารมณ์ความรู้สึกของผมไม่มีทางเป็นกระดาษเปล่าสีขาว 1 แผ่นไปได้ เพราะว่ามันมีหลากสีอย่างแน่นอน ดังนั้นถึงได้รู้ว่าจะไปจัดการกับอารมณ์ความรู้สึกอย่างไร……”
“ทำไมฟังดูเหมือนกำลังขายของอยู่เลย?” ยู่ยี่จงใจเอ่ยขึ้น “แต่ว่า ฟังไปแล้วก็รู้สึกว่ามันใช้ได้เลยนะ”
“ใช่ คุณรู้สึกเหมือนกันกับผมเลย พวกเรามีความคิดเห็นตรงกันแล้ว……” เสียงของฉันทัชแต่เดิมก็เพราะอยู่แล้ว ยามที่เอ่ยคำพูดนี้ออกมา เสียงฟังดูทุ้มๆ ต่ำๆ ยิ่งทำให้เพราะยิ่งขึ้นไปอีก
ยู่ยี่ “………..”
นี่ดูเหมือนจะเป็นความรู้สึกทั้งหมดของเขาจริงๆ……..
ยู่ยี่อยากกินข้าว ทั้งสองจึงไปร้านอาหารพื้นเมืองที่อยู่ใกล้ๆ สั่งเอาข้าวขาว 2 ถ้วยพูน และยังสั่งอาหารอีกไม่น้อย รวมถึงซุปรสอ่อน
ยู่ยี่อยากจะไปเข้าห้องน้ำ แต่เมื่อเธอเพิ่งออกไป โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
โทรศัพท์มือถือนั้นวางอยู่บนโต๊ะ ดวงตาของฉันทัชกวาดมอง เห็นเป็นสายจากเบอร์แปลกหน้า ไม่ได้บันทึกไว้ เขาจึงไม่รับสาย
แต่โทรศัพท์กลับดังอย่างต่อเนื่องไม่หยุด มันมีท่าทีที่ว่าหากคุณไม่รับ ก็สาบานได้ว่ามันจะไม่หยุด
สุดท้าย ฉันทัชก็ลุกขึ้น และรับสาย มีเสียงถามขึ้นมาจากฝั่งนั้นแทบจะทันทีที่รับสาย “เป็นอะไรไป? เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า? ทำไมตั้งนานถึงเพิ่งรับสาย?”
เป็นเสียงของหัสดิน
มือใหญ่ล้วงกระเป๋ากางเกงสูทท่าทีสบายๆ ฉันทัชจิบน้ำชาไปจิบหนึ่งเบาๆ “เธอไปเข้าห้องน้ำ ถ้ามีอะไรจะพูด สามารถฝากผมไปบอกได้นะ ประธานหัสดิน………..”
คำพูดนั้นเหมือนกันทุกประการ กับในตอนแรก ที่หัสดินก็เคยกล่าวเช่นนี้
ครั้งนี้ เปลี่ยนเป็นหัสดินเป็นฝ่ายไม่มีความสุขแทน จมูกส่งเสียงหึออกมาอย่างเย็นชา “ฝากไปบอกแทน? คุณมีสิทธิ์อะไรถึงรับหน้าที่ไปบอกแทน? พวกคุณตอนนี้อยู่ที่ไหน?”
ฉันทัชไม่สนใจคำถามเหล่านั้นของเขา เขาวางสายโทรศัพท์ทันที
เขาไม่ได้ตั้งใจจะรับสายอยู่แล้ว เพียงแต่เพราะว่าเสียงโทรศัพท์ดูจะดังบ่อยมากเกินไป เขาเลยคิดว่าเป็นเรื่องด่วน ถึงได้ฝืนกฎรับโทรศัพท์ไป
หัสดินที่อยู่อีกฝั่งนั้นเปลี่ยนไปเป็นไม่มีความสุข เส้นเลือดสีเขียวบนขมับปูดโปนและเต้นเป็นจังหวะตุบๆ แต่เขากลับทำได้เพียงแค่โกรธเท่านั้น
ยู่ยี่กลับมาจากห้องน้ำ ฉันทัชบอกเรื่องนี้กับเธอแล้ว เธอไม่มีการตอบสนองมากมายอะไรนัก สีหน้ายังดูเรียบเฉย
หลังจากทานอาหารเสร็จ ก็ไปที่อพาร์ตเมนต์ของยู่ยี่ เพื่อดูหนัง ดูไปได้ 2 เรื่อง หลังจากหนังจบ เวลาก็ปาเข้าไป 4 ทุ่มกว่าแล้ว
หิมะข้างนอกยิ่งตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ข่าวรายงานว่าพื้นถนนบางส่วนเป็นน้ำแข็งแล้ว ฉันทัชอยากจะจากไป แต่ยู่ยี่นั้นไม่วางใจ
ลังเลสับสนอยู่นาน เธอก็เอ่ยขึ้นว่า “ไม่งั้น วันนี้ก็นอนที่นี่เถอะ ความหมายของฉันคือ ตอนนี้ถนนลื่นเกินไป ส่วนความหมายอย่างอื่นนั้น ฉันไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น”
ฉันทัชหัวเราะเบาๆ ดวงตาฉายแววอ่อนโยน เหมือนผิวทะเลสาบที่ปรากฏคลื่น เป็นวงๆ “ผมรู้ว่าคุณไม่ได้มีความคิดอย่างอื่น”
ห้องนี้ไม่ใหญ่นัก มีแค่ห้องนอน และห้องนั่งเล่น ยู่ยี่อุ้มผ้าห่มมา 2 ผืน เอามาให้เขา
เมื่อหมุนตัวจะกลับไปยังห้องนอน จู่ๆทุกอย่างก็กลับมืดลง เธอเอ่ยเสียงแผ่ว “ไฟดับแล้ว ฉันจะไปหาเทียน”
แต่ฉันทัชยื่นมือมาดึงเธอเอาไว้ ให้เธอนั่งบนโซฟา “มันมืดเกินไป เดี๋ยวจะไปชนอะไรเข้า นั่งอยู่ตรงนี้ไม่ต้องขยับไปไหน แล้วบอกตำแหน่งที่คุณเก็บเทียนไว้กับผม”
ยู่ยี่บอกเขาไป ฉันทัชอาศัยแสงไฟอ่อนๆ จากโทรศัพท์ หาเทียน แล้วจุดไฟ ดวงตาหรี่ลง เขาเอ่ยออกมาอีกครั้ง “มีแสงไฟส่องมาจากข้างๆ ห้อง กล่องเครื่องมืออยู่ตรงไหน?”
เมื่อหามาได้แล้ว เขาก็ถอดเสื้อคลุมออก บนร่างสวมแค่เสื้อเชิ้ต เอาเก้าอี้เล็กวางไว้ใต้เท้าเขา เพื่อเปลี่ยนหลอดไฟ
ยู่ยี่ถือเทียนเอาไว้ มืออีกข้างคอยจับเก้าอี้ให้เขา เขายืนอยู่บนเก้าอี้นี้ ก็เพื่อให้ง่ายต่อการสัมผัสหลอดไฟ เสื้อเชิ้ตพอดีตัวติดกับแขนเขาแน่น เส้นสายของรูปร่างดูลึกมีมิติและสง่างาม ร่างกายเขาแข็งแรงราวกับสิงโตตัวผู้ บั้นท้ายที่อยู่ภายใต้กางเกงสูทนั้นงอนขึ้นและราบเรียบ
มันช่วยไม่ได้ ที่รูปร่างของเขาที่ถอดเสื้อผ้าไปนั้นจะปรากฏอยู่ตรงหน้าเธอ จากนั้น เธอก็หน้าแดงและส่ายศีรษะ
มองดูไปแล้วผู้ชายที่สง่างามเช่นนั้น กับเรื่องแบบนี้ ไม่คิดเลยว่าจะสามารถลงมือทำงานเช่นนี้ได้ ขณะนี้ ยู่ยี่รู้สึกใจเต้นขึ้นมาจริงๆ
เมื่อเปลี่ยนเสร็จแล้ว ก็ลองเปิดไฟดู ทั้งห้องสว่างไสว ฉันทัชถึงค่อยลงจากเก้าอี้ แต่ทุกอย่างก็มืดลงอีกครั้ง เขานวดคลึงระหว่างคิ้ว อย่างไร้หนทาง “ดูเหมือนว่า ครั้งนี้ไฟจะดับจริงๆ…..”
เมื่อเทียบกับแสงไฟแล้ว แสงไฟสีเหลืองอ่อนดูริบรี่จากเทียนนั้น ยิ่งชวนให้คนรู้สึกใจเต้นและรู้สึกโรแมนติก
ระยะห่างของหน้าฉันทัชและยู่ยี่นั้นใกล้มาก เปลวไฟจากเทียนอยู่ระหว่างคนทั้งสอง วูบไหวริบหรี่ ดูเหมือนกำลังบอกกล่าวอะไร บรรยากาศเช่นนี้ ทำให้หน้าแดงและใจเต้น
ยู่ยี่ไม่อยากอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้อีกต่อไป เธอบอกว่าเธอเหนื่อยแล้ว อยากจะไปนอน
“อย่าลืมเอาเทียนเข้าไปด้วย แล้วตอนนอน อย่าลืมดับไฟ ผมอยู่ที่ห้องนั่งเล่น หากมีของที่อยากได้ ก็บอกผม…..” เสียงนุ่มนวลของเขาเอ่ยเตือนเธอ
ยู่ยี่พยักหน้า เธอก้าวเท้า เดินหน้าแดงเข้าห้องไป เอนตัวลงกับเตียง เธอยังไม่นอน เขาเองก็ยังไม่นอน
แม้ว่าจะห่างจากธรณีประตูมาแล้ว เธอยังสามารถได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินไปเดินมาได้ ถึงแม้ว่าเธอตั้งใจจะปล่อยมันไป แต่ก็ยังได้ยินอยู่ดี
ไม่มีฮีทเตอร์ ห้องนั่งเล่นต้องหนาวแน่ๆ ลังเลอยู่ชั่วครู่ ยู่ยี่ก็หน้าแดง เดินออกไป พูดอย่างเรียบเฉย และเป็นธรรมชาติ “นอนในห้องนอนเถอะ ห้องนั่งเล่นมันหนาวเกินไป”
บนเตียงใหญ่นั้น ทั้งสองแบ่งกันนอนทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวา
มีแสงไฟวูบไหวอยู่ข้างๆ ตกกระทบเป็นเงาที่สวยงาม
เธอหายใจแผ่วเบา ฉันทัชโอบเธอเข้ามาในอ้อมอก แผงอกชายหนุ่มร้อนระอุ ราวกับเตาไฟ เขากอดเธอไว้อย่างแนบชิด ไม่มีลมหนาวลอดผ่านได้
บางครั้งความสัมพันธ์ที่เพิ่มมากขึ้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นเรื่องสำคัญเสมอไป บางครั้ง การโอบกอดที่ชวนหวั่นไหวนี้ ก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกสั่นไหว เปี่ยมล้นไปด้วยความอบอุ่น
อย่างไรก็ตาม ยู่ยี่รู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อย เธอครุ่นคิดอย่างรอบคอบ วันนี้ทั้งวันเธอไม่ได้กินของอะไรแปลกๆ เลย หลังจากนั้นอาการคลื่นไส้ก็ถูกระงับลงไปอีกครั้ง
ในเวลาตี 5 ฉันทัชก็ตื่นขึ้นมาแล้ว เขาต้องไปประชุมด่วน จำเป็นต้องออกจากที่นี่เร็วเล็กน้อย ตอนนี้ ไฟก็มาแล้ว ในขณะเดียวกันกับที่เขาไปเข้าห้องน้ำ เขาเปิดฮีทเตอร์ในห้อง กลัวว่าเธอจะเป็นหวัด
ตอนที่ยู่ยี่ตื่นขึ้น ห้องก็อบอุ่นเรียบร้อยแล้ว บนตัวถูกคลุมด้วยผ้าห่ม รู้สึกร้อนเล็กน้อย เขาออกไปแล้ว
เมื่อเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ก็ลงไปข้างล่าง ซื้อปาท่องโก๋ กินไป 1 คำ สัมผัสที่มันมากเกินไปทำให้อาการคลื่นไส้ตอนนั้นกลับมารู้สึกอีกครั้ง อาจจะเป็นที่ความรู้สึกคลื่นไส้ที่เกิดขึ้นแบบแปลกๆ นี้ ไม่ใช่เรื่องปกติ ตอนยู่ยี่ท้องแต่ก่อนนั้น ก็มีอาการไม่ค่อยจะดีแบบนี้
ตอนที่ทั้งสองมีอะไรกันนั้น เธอไม่เคยกินยาคุมกำเนิดเลย เป็นเขาที่สวมถุงยาง และสวมถุงยางในทุกครั้ง
อย่างตอนที่เขาเมาในครั้งนั้น หรือตอนแต่ก่อนที่เคยมีอะไรกันครั้งหนึ่ง และหลังจากเหตุการณ์นั้นเธอเองก็ยุ่งมาก เลยไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ ถึงขั้นลืมกินยาไป
เธอไปซื้อที่ตรวจท้อง แล้วไปห้องน้ำเพื่อตรวจ หลังจากนั้นก็ดูผลที่ปรากฏออกมา มือสั่นเล็กน้อย เธอท้อง
หัวใจของยู่ยี่เต้นรัว หน้าอกอดไม่ได้ที่จะกระเพื่อมขึ้นลงเล็กน้อย มือวางไว้ตรงท้อง ตรงนี้ มีอีก 1 ชีวิตเกิดขึ้นมาแล้ว
จะเอาไว้ หรือไม่เอา?
เขามาอย่างกะทันหันเช่นนี้ ทำให้เธอไม่ได้ระวังตัวแม้แต่น้อย……..
จนกระทั่งมาถึงที่บริษัท เธอยังคนสับสนมึนงง ความคิดล่องลอย ยังคงคิดอยู่ว่า จะเก็บเขาไว้ หรือไม่เก็บเขาไว้?
นี่มัน กะทันหันไปจริงๆ เธอในสถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนคนที่เหมาะจะมีลูกเหรอ?
ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนยังไม่ไปถึงขั้นที่ตกลงพูดคุยเรื่องแต่งงานกัน สถานะที่สามารถให้มากสุดก็คือกำลังคบกันอยู่ เงาที่เธอทิ้งไว้ในอดีตยังคงอยู่ สถานะครอบครัวอันมีชื่อของเขาก็ยังคงอยู่ เธอกลับมีเด็กเสียแล้ว!
ในตอนแรกคิดว่าใส่ถุงยางก็คงไม่เป็นไร ตอนนี้ดูเหมือนว่า มันจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ความคิดของยู่ยี่ยุ่งเหยิงเล็กน้อย สองมือกุมหัว เอนตัวไปกับโต๊ะทำงาน ตอนเที่ยงนั้น ฉันทัชได้ส่งข้อความมา เขาต้องเดินทางไปเมืองบีเจ อาจจะต้องไปหลายวัน เธออยากจะไปด้วยกันไหม?