ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 445 เด็กคนนี้จะเก็บหรือไม่เก็บ
เมื่อเธอกลับมาแล้ว ก็มีงานที่ต้องทำ จึงไปไม่ได้แล้ว และถามเขาว่าจะไปกี่วัน
ทั้งสองคนส่งข้อความมากมายหลายข้อความ สำหรับเรื่องท้องนั้น ในตอนนี้ยู่ยี่กำลังช็อกอยู่จึงยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับฉันทัช
ตอนเที่ยงพักทานอาหารกลางวัน ยู่ยี่ไม่ได้ทานอะไรมากนัก สามารถมองออกได้ว่า เธอนั้นกำลังมีเรื่องหนักอกหนักใจ
ในวันเดียวกันนั้นฉันทัชก็จากไปแล้ว ตกกลางคืน ยู่ยี่นอนไม่ค่อยจะหลับทั้งคืน เป็นเพราะว่า สถานการณ์เธอในตอนนี้กลับมาแย่อีกครั้ง
พลิกตัวจากซ้ายไปขวา จากขวาไปซ้าย ก็ยังนอนไม่หลับ ยู่ยี่ถอนหายใจ เมื่อไปทำงานในวันถัดไป เธอจ้องไปที่ใต้ตาอันดำคล้ำที่เห็นได้ชัดมากที่สุด
หัสดินขวางทางเธอที่บริษัท เธอในตอนนี้ยิ่งไม่มีอารมณ์จะไปสนใจหัสดิน แต่หัสดินก็ไม่ยอมไป นั่งข้างๆ อยู่ตลอดเวลา
การตัดสินใจของเขานั้นใหญ่มาก ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองนั้น จะต้องกลับมารื้อฟื้นกันใหม่อย่างแน่นอน
2 วันมานี้ หัสดินวนเวียนอยู่รอบๆ ตัวเธอตลอด ทั้งตอนเช้า ตอนเที่ยง ตอนบ่าย ก็ไม่ได้ไปบริษัท ดูเหมือนคนไม่เอาถ่านอยู่เล็กน้อย
ยู่ยี่คุยกันอยู่กับฉันทัชผ่านทางโทรศัพท์ แต่สำหรับเรื่องเด็กนั้นเธอไม่เคยพูดถึง ประกอบกับสถานการณ์เธอที่เป็นแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดถึงอย่างไรดี ในใจยังคงคิดเรื่องนี้อยู่ต่อไป
วันนี้ ยู่ยี่ออกไปทำงานอย่างขยันขันแข็ง เธอไปที่ไซต์ก่อสร้าง หัสดินยังตามเธออย่างใกล้ชิด
เธอไม่สบอารมณ์นัก และตำหนิเขา หัสดินเพียงแค่หรี่ตาดอกท้อของเขาพลางยิ้ม ไม่มีความคิดที่จะจากไป ยู่ยี่ไม่มีทางเลือก ปล่อยเขาไปอย่างนั้น
…………
เรนนี่ยังสอบถามข่าวคราวเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ หัสดินยังไม่ได้สงสัยเธอ แสดงให้เห็นว่าวิธีของคุณหมอไอแซ็คนั้นค่อนข้างจะได้ผล
ส่วนตระกูลภูษาธรนั้น เธอเคยไปแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และในครั้งนั้น ก็เป็นซาฮาร่าที่ให้เธอไปส่งของให้
จากที่ฟังซาฮาร่าบอกมา หัสดินในช่วงนี้กำลังตามจีบยู่ยี่อยู่ สิ่งที่แสดงออกมานั้นค่อนข้างชัดเจน ว่าต้องการให้ยู่ยี่มีลูกกับเขา
ชฎารัตน์ก็รู้เรื่องที่เขากำลังทำอยู่ ไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้บอกเห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้ห้ามปราม และอาจจะถือได้ว่านี่คือการยินยอม
ทางด้านพ่อหัสดินนั้น เธอในครั้งนั้นเห็นเขาโดยบังเอิญ ดูค่อนข้างเก่งกาจพอตัว
ตอนนี้ ปัญหาหลักทั้งหมดอยู่ที่ยู่ยี่ ดังนั้นการเคลื่อนไหวของยู่ยี่นั้น เธอจึงจำเป็นต้องใส่ใจระมัดระวัง
แต่ว่ายู่ยี่ดูเหมือนจะกลับมาคืนดีกับคุณฉันทัชคนนั้นแล้ว เลิกกันไม่นานเท่าไร ก็กลับมาคืนดีกันอีก เห็นได้ชัดว่า ความรู้สึกของคนทั้งสองนั้นไม่ธรรมดา
คุณฉันทัชเป็นสไตล์ที่ผู้หญิงทุกคนจะชอบจริงๆ แต่ฐานะทางครอบครัวของเขาไม่อาจเทียบเท่าหัสดิน หรือบางทีอาจจะไม่เทียบเท่าแม้แต่ตระกูลของสามีซาฮาร่า มิเช่นนั้น……….
เรนนี่คิดไว้มากมาย ทั้งเรื่องเกี่ยวกับหัสดิน เรื่องเกี่ยวกับยู่ยี่ และเรื่องเกี่ยวกับเธออีกด้วย
ขอเพียงหัสดินถูกยู่ยี่ที่อยู่ที่นั่นปฏิเสธ หรือถึงขั้นยอมแพ้ไปเลยก็ยิ่งดีที่สุด ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอก็สามารถชนะได้โดยไม่ต้องลงแรง ได้รับสิ่งที่เธอต้องการครอบครองทั้งหมด
อีกด้านหนึ่ง
หัสดินยังคงตามติดยู่ยี่ แต่ยู่ยี่ไม่แม้แต่จะหันไปมอง ยังคงเดินอยู่ในไซต์ก่อสร้าง
แม้ว่าแต่ก่อนโปรเจกต์นี้จะเป็นเรนบีที่รับช่วงต่อไป แต่เธอก็เข้ามาอยู่เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่เธอในขณะนั้นก็ถือว่าเป็นผู้รับผิดชอบคนหนึ่ง ดังนั้นจึงควรปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบของตัวเอง
ตึกใหญ่แห่งนี้ตามพิมพ์เขียวอาคารนั้นจะต้องสร้าง 30 ชั้น ขณะนี้ดำเนินการสร้างไปแล้ว 18 ชั้น อีกไม่นานก็ใกล้จะเสร็จงานแล้ว
อากาศนั้นหนาวมาก ขนาดใส่เสื้อกันหนาวขนเป็ดหนาๆ เธอก็ยังสามารถรู้สึกถึงลมหนาวราวกับน้ำเย็นจัดพัดพาเข้าไปข้างใน รู้สึกหนาวมากจริงๆ
แต่คนงานบนไซต์ก่อสร้างนั้นกลับสวมเสื้อผ้าบางๆ บางคนใส่เสื้อแจ็คเก็ตเพียงแค่ตัวเดียว แต่ทั้งหน้ากลับเต็มไปด้วยเหงื่อ ลำบากพวกเขาแล้ว
หัสดินที่เดินอยู่ข้างหลังนั้น สามารถเห็นเธอดึงเสื้อกันหนาวขนเป็ดเข้าหาตัวเอาไว้แน่นอย่างอดไม่ได้อยู่ตลอด ดวงตาดอกท้อของเขาหรี่ลง เขาเริ่มถอดเสื้อคลุมสีดำ ไปคลุมไว้ที่ไหล่ของเธอ
ยู่ยี่ไม่ได้รับมันเอาไว้ เธอหยิบเสื้อคลุมออกแทบจะในทันที หันหน้า และยัดเสื้อไว้ที่อกเขาทันที และเดินไปข้างหน้าโดยไม่บอกกล่าว
น้ำใจของคนอื่นนั้น เธอรับมันได้หมด แต่เพียงแค่หัสดินเท่านั้นที่ไม่ได้!
บนไซต์ก่อสร้างนั้นกำลังยุ่งวุ่นวายกับการทำงาน เธอเดินสังเกตการณ์อยู่ 2 รอบ จากนั้นก็เตือนผู้รับผิดชอบโปรเจกต์เป็นพิเศษว่า ในช่วงฤดูหนาว โดยเฉพาะยังมีการทำงานบนที่สูง ดังนั้นในด้านความปลอดภัยนั้น จะต้องใส่ใจ รอบคอบ ตรวจสอบ!
ผู้รับผิดชอบพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า แสดงออกว่าเข้าใจ
เมื่อไม่มีอะไรต้องหยุดพักอีก ยู่ยี่ก็ออกจากไซต์ก่อสร้าง ตอนนี้ใกล้จะถึงเวลาเลิกงานแล้ว เธอคิดที่จะไม่กลับไปที่บริษัทอีก
หัสดินขวางทางเธอไว้ทันที “ผมเลี้ยงมื้อเย็นคุณเอง คุณไม่ใช่ว่าชอบต้มเผ็ดเนื้อที่สุดเหรอ เดี๋ยวผมพาคุณไปทาน”
ยู่ยี่ขมวดคิ้ว แค่นหัวเราะเย็น 2 ที “คุณไปกินเองก็ได้นี่ อยากกินมากเท่าไหร่ก็กินมากเท่านั้น ฉันไม่มีอารมณ์และไม่สบายใจที่จะไปเป็นเพื่อนกินข้าวกับคุณ อีกอย่าง ทำไมเมื่อก่อนฉันถึงไม่รู้นะว่าคุณยากที่จะรับมือขนาดนี้ หากเปลี่ยนเป็นคำพูดที่ไม่น่าฟังก็คงเป็นคำว่า หน้าด้าน!”
หลายวันมานี้ อารมณ์ของเธอนั้นไม่ดีมาก ความหงุดหงิดนั้นยิ่งเป็นเรื่องที่หายได้ยาก แล้วตอนนี้หัสดินยังคอยวนเวียนอยู่ตรงหน้าเธออีก พูดได้ว่าเขาทำให้เธอรู้สึกไม่สบอารมณ์จริงๆ
ยู่ยี่แต่เดิมก็ไม่ชอบเขาอยู่แล้ว ประกอบกับตอนนี้ยังรู้สึกหงุดหงิดเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ยิ่งทำให้เธอไม่ชอบเขาเข้าไปอีก
หัสดินไม่ได้เจ็บปวดกับสายตาที่สื่อความหมายของยู่ยี่ที่อยู่ตรงนี้แต่อย่างใด อีกทั้งยังเชี่ยวชาญทำตัวเป็นกำแพงเหล็กเป็นที่เรียบร้อย ลูกศรนับพันก็ไม่อาจเจาะผ่านได้ และถึงขนาดยังยิ้มบางได้ “หรือว่าคุณอยากทานอย่างอื่น?”
เธอไม่สนใจเขาอีก หมุนตัว เดินมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำที่อยู่ฝั่งตรงข้าม
หัสดินยังยืนอยู่ที่เดิม รอให้เวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที มองดูรถแท็กซี่จากด้านหน้าหายลับไป สองมือของเขากำหมัด แต่กลับหัวเราะออกมา
คนที่นั่งอยู่ในรถแท็กซี่คือยู่ยี่ เธอใช้การเข้าห้องน้ำเป็นเหตุผล
เพื่อเลี่ยงเขาจากฝั่งตรงข้าม
รถพุ่งไปอย่างบ้าระห่ำตลอดทาง จากเดิมที่ต้องใช้เวลาเดินทาง 30 นาที แต่หัสดินใช้เวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้น
เนคไท เสื้อคลุมสีดำ ของทั้งหมดนั้น ถูกเขาโยนลงบนโซฟาส่งๆ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง ยากที่จะสงบความเดือดดาลลงได้
ชฎารัตน์เดินออกมา หลังจากดื่มชาแล้ว ก็เอ่ยปากขึ้นว่า “ได้ยินพี่สาวลูกบอกว่า ยู่ยี่คบกับแฟนคนใหม่แล้ว ความสัมพันธ์ดูเหมือนจะค่อนข้างดี ใช่ไม่ใช่?”
เขาถอนลมหายใจเย็นยะเยือกออกมา หัสดินแค่นหัวเราะออกมา 1 ที ด้วยอารมณ์ไม่ดี ยกน้ำขึ้นมาดื่มจนหมดแก้ว และส่งเสียงหึอย่างเย็นชา “ผมกับเธอมีความสัมพันธ์กันมาตั้งกี่ปี ไอ้ฉันทัชนั่นรู้จักเธอมานานเท่าไหร่ ถ้าพูดถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้ง เขาจะมาเทียบเท่าผมได้ยังไง ตอนนี้ภายในใจยู่ยี่ยังโกรธเกลียดผมอยู่ รอผมได้รับการอภัยจากเธอ เรื่องทั้งหมดจะกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้น แม้แต่ที่จะยืนอยู่ไอ้ฉันทัชก็ไม่มี”
“งั้นลูกคิดว่า เธอมีโอกาสที่จะให้อภัยลูกไหม?” ชฎารัตน์ถามขึ้นอีกครั้ง
อารมณ์ของหัสดินเองก็ไม่ได้ดีมากนัก ในตอนนี้จึงได้มีอารมณ์โกรธขึ้นมาบ้าง ถูหัวเข่าไปมาแล้วก็ลุกขึ้นจากโซฟา “ผมรู้ว่าแม่กังวลเรื่องอะไร ไม่มีอะไรไปมากกว่าจะกลัวว่าตระกูลภูษาธรไม่มีลูกหลาน ไม่มีผู้สืบทอด จุดประสงค์ที่ถามคำถามเหล่านี้ก็คือกำลังบีบบังคับผมให้รีบเลือกให้เร็วที่สุดเท่านั้น วันนี้ ผมขอพูดไว้ตรงนี้เลยว่า ผมจะเลือกมีลูกกับใครนั่นก็คือเรื่องของผม ผมเลือกเองและจัดการเองได้”
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินออกจากห้องไปด้วยความโกรธ
………..
โทรทัศน์ถูกเปิดทิ้งไว้ ภายในกำลังฉายรายการวาไรตี้ตลก มีเสียงหัวเราะลอยออกมาเป็นระยะๆ
ยู่ยี่นั่งอยู่บนโซฟา ความคิดล่องลอยไปไกล จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว หลายวันมานี้ เธอกำลังขบคิดปัญหาเดิมๆ อยู่ตลอดเวลา นั่นคือเด็กที่อยู่ในท้องนี้จะอยู่หรือไป
เธอไม่ใช่ว่าไม่ชอบเขา ไม่รักเขา เธอนั้นชอบเด็กมาก โดยเฉพาะตั้งแต่ตอนนั้นที่เธอเคยแท้งลูกไป เธอจึงชอบเด็กมากยิ่งขึ้นไปอีก
เพียงแต่ว่า เขามาไม่ถูกเวลาจริงๆ!
เธอนั้นทั้งสับสนทั้งลังเล ภายในใจยุ่งเหยิง เกินกว่าใครจะจินตนาการได้
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ยู่ยี่หยิบขึ้นมาดู เป็นฉันทัชที่โทรเข้ามา หลังจากที่ลังเลอยู่ชั่วครู่ เธอก็รับสาย
เสียงของเขายังคงน่าดึงดูดเหมือนแต่ก่อน ทุ้มต่ำและอ่อนโยน ถามเธอว่าทานข้าวเย็นหรือยัง ทำงานเหนื่อยไหม
ถึงแม้ว่าเธอจะอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่เล็กน้อย แต่เธอยังคงคุยกับเขาอย่างอ่อนโยนทั้งที่ใจไม่เป็นสุข
ในท้ายที่สุด เสียงถอนหายใจทุ้มต่ำของฉันทัชก็ดังออกมา เสียงนั้นฟังดูนุ่มลึกมากขึ้น “ผมคิดถึงคุณมาก…….”
หัวใจของยู่ยี่เต้นรัว ลังเลเล็กน้อยอยู่ชั่วครู่ ตอบเขากลับ “ฉันก็คิดถึงคุณมาก……..”
เสียงหัวเราะอันบางเบาดังขึ้นมาอีกครั้ง เขาเอ่ยปาก เล่าถึงความคิดถึงของไม่กี่วันมานี้ “บอกผมที ผมต้องทำยังไงถึงจะเจอคุณได้ ในตอนนี้………”
ยู่ยี่ถามเขา คุณมีวีแชทไหม
เธอคิดว่า ผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่และมั่นคงอย่างเขานี้ คงจะไม่มีของอะไรแบบนี้
เป็นอย่างที่คิด เขาไม่มีจริงๆ และยังพูดอีกว่า รอผมสักครู่ หลานสาวผมมี
ยู่ยี่คิดอยากจะเอาคำพูดตัวเองกลับมา แต่เห็นได้ชัดว่าสายไปเรียบร้อยแล้ว เขากลับมาแล้ว ต้องการเบอร์ของเธอ เธอจึงให้เขาไป
การเคลื่อนไหวฝั่งนั้นของเขาเร็วมาก พริบตาเดียวก็เสร็จแล้ว เมื่อเปิดวิดีโอคอล เธอสามารถเห็นเด็กหญิงตัวน้อยอายุ 10 ขวบคนหนึ่งกำลังปรับกล้องให้เขาได้อย่างชัดเจน
ตั้งหลายวันที่ไม่ได้เจอกัน ฉันทัชนั้นสวมเสื้อสเวตเตอร์สีเทา ข้างล่างใส่กางเกงขายาวสีดำ ส่วนที่เท้านั้นสวมใส่สลิปเปอร์ แต่งตัวตามสบาย ขายาวมีเสน่ห์ทั้งสองข้างนั้นไขว่ห้างอยู่
เมื่อปรับกล้องเสร็จ เด็กหญิงตัวน้อยก็ซุกซนขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้าเล็กสีชมพูยื่นเข้ามาใกล้หน้ากล้อง ทักทายเธอด้วยเสียงหวาน
เธอตอบกลับ
ฉันทัชยิ้มบาง พลางหรี่ตาลงเล็กน้อย หยิบหูฟังที่อยู่เหนือศีรษะเด็กหญิง และจับจ้องไปที่เธอ
เขายังมีเสน่ห์อยู่มาก แม้จะผ่านกล้อง เธอสามารถเห็นหน้าต่างแบบฝรั่งเศสที่อยู่ข้างหลังเขา อีกทั้งยังเห็นโซฟาสีงาช้าง
เขาจ้องมองเธออย่างจดจ่อ ดูเหมือนมองอย่างไรก็มองไม่พออย่างไรอย่างนั้น มุมปากยกยิ้ม ยู่ยี่เองก็ยิ้ม แต่ภายในใจนั้น กำลังกลัดกลุ้มใจ
ยามที่เขามองดูคนนั้นทำให้คนรู้สึกถูกให้ความสนใจมากเกินไป ยู่ยี่จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนไปมองทางอื่น
สุดท้าย เธอก็ต้องการจะปิดกล้อง แต่เขากลับหรี่ตาคู่สวยลง ดูโลภอยู่เล็กน้อย มือใหญ่เห็นข้อต่อชัดเจนขยับหน้ากล้องเล็กน้อย “ผมขออีก 5 นาที…….”
ยู่ยี่ไม่มีทางเลือก จึงจำต้องปล่อยเขาไป เธอมองหน้าของเขา คำว่าท้องนั้นตั้งแต่ต้นจนจบก็ยังไม่ได้พูดออกไป
หลังจากที่จ้องมองกันอยู่นาน ในที่สุดยู่ยี่ก็ทนไม่ได้อีกต่อไป แม้ว่าเธอจะเป็นคนหน้าหนา แต่ถูกจับจ้องนานขนาดนี้ ก็ยังหน้าแดงขึ้นนมา
เธอต้องการจะปิดวิดีโอคอล แต่เขากลับไม่ยอม ยู่ยี่จึงพูดติดตลกว่า “หากจ้องกันอย่างนี้อีก คงต้องเก็บตังค์แล้ว”
กาแฟที่อยู่ในมือซ้ายของฉันทัชนั้น เขายกมันขึ้นมาจิบ และไม่นานนั้น ขาทั้งสองของเขาก็ไขว่ห้างขึ้นมาอย่างสบายๆ หว่างคิ้วแฝงไปด้วยรอยยิ้มบางเบา “บอกราคากับผมมาสิ ผมจะจ่าย……”
ยู่ยี่บอกว่าวันนี้เธอไปที่ไซต์ก่อสร้าง รู้สึกเหนื่อยจริงๆ อีกทั้งยังอยากอาบน้ำอีก
มือของเขาสัมผัสเบาๆ ที่แก้วกาแฟ พยักหน้าเล็กน้อย ส่งสัญญาณว่าสามารถปิดกล้องได้แล้ว และสุดท้าย ก็เอ่ยขึ้นมาอีก “ก่อนที่ผมจะกลับไป ดูแลตัวเองให้ดีนะ……..”
เมื่อเอนตัวลงบนเตียง เธอมักจะนอนไม่หลับในทุกคืน ติดต่อมาหลายวันแล้ว ภายในใจนั้นมักจะมีความคิดที่ยุ่งเหยิงมากมายอยู่เสมอ
แท้จริงแล้ว เธอเองก็เข้าใจดี สำหรับเรื่องที่จะเก็บไม่เก็บเด็กคนนี้นั้น สุดท้ายมันก็เป็นทางเลือกที่ต้องทำสักทาง