ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 457 ตัวตนที่แท้จริงของเขา
“ฉันยอมรับ” หัสดิน พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม ไม่มีใครเห็นหน้าตาและท่าทางของเขา
คุณพ่ออติวิชญ์ได้ยินประโยคนี้ ชฎารัตน์ ซาฮาร่าถึงขั้นถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก
เรนนี่ คุณยอมรับที่จะเป็นภรรยาของหัสดินหรือไม่ อาศัยอยู่กับเขาตามคำสอนของพระคัมภีร์ กลายเป็นหนึ่งเดียวกับเธอต่อพระผู้เป็นเจ้า รักเธอ ปลอบโยนเธอ เคารพเธอ ปกป้องเธอ เช่นเดียวกับที่คุณรักตัวเอง ไม่ว่าเธอจะป่วยหรือสุขภาพดี รวยหรือจน จริงใจกับเธอไปจนกว่าเธอจะจากโลกไป?”
แน่นอน คำถามแบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีวันลังเลแน่นอน ริมฝีปากสีแดงค่อยๆขยับ เมื่อเรนนี่กำลังจะพูด ทันใดนั้นประตูโบสถ์ก็ถูกผลักเปิดออก!
พร้อมเสียงฝีเท้าที่วุ่นวายและมีเสียงพูดออกมา
พิธีวิวาห์กำลังดำเนินสู่ช่วงเวลาศักดิ์สิทธิ์จนกระทั่งถูกขัดจังหวะ ไม่ว่าใครต่างบันดาลโทสะเป็นฟืนเป็นไฟ
ความเดือดดาลในใจเรนนี่พุ่งขึ้นมาได้โดยไม่ต้องอธิบาย แต่ใครกันที่บุกเข้ามาล่ะ?
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่กำเนิดเสียง ได้เห็นนักข่าวเข้ามาเป็นฝูงชนกลุ่มใหญ่ นักข่าวทุกคนต่างถือไมโครโฟนและกล้องถ่ายรูป
อย่างไรก็ตาม นักข่าวพวกนั้นไม่ได้มาทำข่าวสำหรับงานแต่ง และไม่ใช่สำหรับเรนนี่กับหัสดิน ทั้งหมดมาก็เพื่อฉันทัช
คุณฉันทัช แผนการพัฒนาของบริษัท CH ที่จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาของคุณในไตรมาสใหม่นี้จะดำเนินการยังไปทิศทางไหนครับ ”
คุณฉันทัชครับ บริษัทของคุณทั้งตั้งอยู่ในปักกิ่ง ฮ่องกง และสหรัฐอเมริกา แต่ทำไมยังมีบริษัทที่อยู่ในเมือง S ล่ะครับ? ”
ฉันทัชไม่ตอบคำถามแรก แต่คำถามที่สองฉันทัชยิ้มอ่อนๆ พร้อมโอบกอดยู่ยี่และถามกลับไปว่า “แล้วคุณคิดอย่างไรล่ะครับ’
สายตาของนักข่าวมุ่งเล็งจากฉันทัชไปยังยู่ยี่
สายตาที่จับจ้องมาที่ยู่ยี่อย่างกะทันหัน ทำให้ยู่ยี่ร้อนรนเล็กน้อย เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พร้อมยิ้มๆเพียงเล็กน้อย
“อีกอย่าง วันนี้วันเกิดท่านประเสริฐไม่ใช่เหรอ? ในวันสำคัญของลูกชายคนรองทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี้”
งานแต่งงานที่แสนจะงดงามกลับกลายเป็นงานสัมภาษณ์ส่วนตัวคุณฉันทัชทำให้ทุกคนในงานแต่งต่างงงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ไม่เพียงแค่นั้น นักการเมืองที่อยู่ในบริษัท CH ที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ต่างรู้ดีถึงชื่อเสียงอันโด่งดังของบริษัท
เขาลงทุนทำอุตสาหกรรมต่างๆมากมาย ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นอุตสาหกรรมเกี่ยวกับโรงแรม ทั้งตั้งอยู่ในนิวยอร์ก ลอนดอน ปารีส เมืองต่างๆ รวมถึงการจัดเลี้ยง การพัฒนาซอฟต์แวร์ และการผลิตรถยนต์
ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างบริษัท CH และบริษัทอื่นๆ คือสามารถเข้ามามีส่วนร่วมเข้าในทุกๆอุตสาหกรรม ทั้งยังเป็นผู้นำที่ไร้จุดอ่อน และยังพัฒนาได้อย่างรอบด้าน
หัสดินเองก็รู้ และเรนนี่ก็ทำงานประเภทนี้อยู่ และแน่นอนมันความฝันของใครหลายๆ คนที่จะได้ร่วมงานกับบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกเช่นนี้
แต่เธอเองก็คาดไม่ถึงว่า ฉันทัชจะเป็นถึงประธานของบริษัท CH
เธอรู้สึกเหนื่อยหอบ ปวดที่หัวใจ เธอนำมือไปแตะที่หน้าอก แสร้งทำเป็นสงบไม่มีอะไร แม้ว่าใบหน้าของเธอจะซีดเซียว
หัสดินเองก็ไม่เคยคิดว่านั่นคือตัวตนที่แท้จริงของฉันทัช
วันเกิดท่านประเสริฐถ้าคุณฉันทัชไม่อยู่ที่นี่ เขาจะไม่มีการร้องเรียนใดๆหรือครับ” นักข่าวยังคงถาม
“วันเกิดปีละหน ฉันไม่อยู่ก็คงไม่ดี แต่ฉันมีเหตุผลที่ต้องทำ และเหตุผลนี้สามารถทำให้เขามีความสุขและตื่นเต้นได้…”ดวงตาของฉันทัชจ้องมาลึกเข้าไปในตาของยู่ยี่ ดวงตาแคบลง พร้อมพูดถ้อยคำที่อ่อนหวานนุ่มนวล
คนอื่นๆต่างโอดครวญต่อตัวตนของเขา ซึ่งมักจะเห็นประเสริฐจากทางโทรทัศน์บ่อยๆ มีเพียงไม่กี่คนที่ไม่รู้จักเขา
ว่าแต่ คุณผู้หญิงที่อยู่ข้างกายท่านในแฟนของคุณฉันทัชหรือเปล่า? เมื่อไม่กี่วันก่อนมีนักข่าวไปที่โรงพยาบาลเห็นคุณกับยู่ยี่ไปตรวจร่างกายที่แผนกสูตินรีเวช และดูเหมือนคุณทั้งคู่จะยังไม่ได้หมั้นหมายกัน หรือจะท้องก่อนแต่ง แล้วคุณฉันทัชว่างแผนไว้ว่าอย่างไรล่ะ?
ทันทีที่คำถามนี้ผุดขึ้นมา ยู่ยี่ยื่นนิ่งอยู่กับที่เป็นรูปปั้นไปชั่วขณะ มีก้องอยู่ในหูของเธอ เธอร้อนรนเล็กน้อยพร้อมหันมากเขาด้วยหางตา
เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่า ข่าวการตั้งครรภ์ของเธอจะถูกเปิดเผยต่อนักข่าวแบบนี้!
ฉันทัชและยู่ยี่หันมามองหน้ากัน ดูเหมือนทั้งคู่จะรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย วินาทีต่อมา เขาได้ทำการยกเรเดียน “ผมมีความสุขมากๆและเต็มใจที่จะยอมรับ สำหรับผมแล้ว มันเป็นข่าวดีสำหรับผมเลยทีเดียว”
งานแต่งงานที่แสนจะสวยงามกลับกลายเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา มีใครเหล่าจะไม่บันดาลโทสะ?
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไร งานวิวาห์พังทลาย หรืออาจจะเป็นตัวตนที่แท้จริงเบื้องหลังของฉันทัช หรือบางทีอาจจะเพราะยู่ยี่กับฉันทัชได้รับความสนใจจากผู้ที่เข้าร่วมงานวิวาห์ครั้งนี้ แต่ท้ายที่สุดหัสดินเปลี่ยนสีหน้าเป็นความเหลืออดเหลือทนกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ทันทีที่ก้าวเท้าออก หัสดินกำลังจะก้าวไปข้างหน้า แต่คุณพ่ออติวิชญ์ได้ห้ามเขาไว้ “นายอยู่นี่ เดี๋ยวฉันไปเอง”
ฉากหลังของฉันทัชอยู่ที่นั่น คุณพ่ออติวิชญ์ กล่าวเขาสามารถควบคุมการพูดของเขาได้ดี
คุณฉันทัชวันนี้เป็นวันแต่งงานของหัสดิน อย่ามาสร้างวุ่นวายแบบนี้ มันไม่ค่อยเหมาะสมนัก คุณพ่ออติวิชญ์กล่าว
“ขออภัยครับ……”ฉันทัชยกนิ้วถูกคิ้วไปมา สีหน้าไม่สู้ดีรู้สึกผิดในเรื่องที่เกิดขึ้น “ผมไม่นึกว่าพวกเขาจะเข้ามากะทันหันแบบนี้”
พวกเขาที่พูดมาหมายถึงนักข่าว
และในเวลาเดียวกันนั้น มีนักข่าวพูดขึ้นมา “ต้องขออภัยด้วยที่พวกเราเข้ามาอย่างไม่เหมาะสม ต้องทำให้พวกคุณต้องลำบากใจ ณ ที่นี้ พวกเราขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง พวกเราจะจากไปทันที”
ตามคำกล่าวที่ว่า นักเขาสำนึกผิดก็ไม่จำเป็นต้องไปต่อว่าพวกเขาอีก และคุณพ่ออติวิชญ์เองก็ไม่ได้ด่าทอกลับไป
นอกจากนี้ นี่เป็นงานแต่งงานที่มีคนจำนวนมากมาร่วมงานนี้และพวกเขาล้วนเป็นคนชนชั้นสูงสูงในเมือง S หากคุณทำให้งานนี้เสีย จะทำให้คุณจะอับอายเสียหน้า
เขาพยักหน้า คุณพ่ออติวิชญ์ ไม่ได้กล่าวไม่พูดอะไรอีก แต่สีหน้าดูไม่ค่อยสู้ดีนัก ไม่ว่าใครที่ถูกรบกวนในงานแต่งแบบนี้ก็คงอารมณ์ไม่ดีกันทั้งนั้น
ฉันทัชยกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย พร้อมโอบเอวยู่ยี่พาออกไปข้างนอก
แถมนักข่าวยังคงรุมล้อมถ่ายภาพพวกเขากันราวกับฝูงผึ้ง
“ คุณฉันทัช ขออนุญาตสอบถาม คุณอาศัยอยู่เมือง S มานาน คุณมีความคิดที่อยากจะพัฒนาเมืองนี้บ้างไหมคะ”
“…”
“ คุณฉันทัช คุณชอบเด็กๆไหม”
ฉันทัชยิ้ม ดวงตาสีเข้มเป็นประกาย”ผมชอบมาก…”
“ คุณฉันทัช… ”
แม้ว่ามีกลุ่มคนบางส่วนเดินออกไปแล้ว แต่คำถามถูกถามมาอย่างไม่ขาดสาย พวกก้าวย่างเดินบนพรมแดงเข้ามาถามคำถามซึ่งถามแล้วถามอีก
หลังจากนั้นไม่นานหอประชุมก็เงียบลงไร้เสียงใดๆเปล่งออกมา
หลังผ่านครู่หนึ่งความสนุกครื้นเครงพิธีวิวาห์ก็กลับกลายเป็นความเงียบสงัดไม่มีความรู้สึกใดๆ
ไม่มีใครรู้ถึงความโกรธในใจของเรนนี่ เธอกำเสื้อแต่งงานแน่นด้วยความในใจที่โกรธเคืองและความไม่พอใจ
ทำไมยู่ยี่ถึงมีอะไรกว่าเขาไปเสียทุกอย่าง
วันนี้เธอต้องได้อยู่กับหัสดินและยินยอมที่จะเป็นภรรยาของบ้านตระกูลภูษาธร
เธอไม่เพียงแต่ตั้งครรภ์ แต่ยังได้พบกับชายที่สง่างามโดดเด่นเช่นนี้ ในท้ายที่สุดฉันทัชยังเป็นถึงประธานของบริษัท CH ยู่ยี่ได้เจอแต่สิ่งดีๆอยู่ตลอด
เด็กๆพวกนั้นยังไม่จากไปไหน แต่พวกเขาก็ไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้น
ขั้นตอนที่เหลือก็ถูกข้ามไป ไม่มีความน่ายินดี คำสาบานและจากนั้นก็แลกเปลี่ยนแหวนกัน
เมื่องานแต่งงานใกล้จะจบลง ออกัสมาถึง สวมชุดสูทสีดำแนวตรง รองเท้าหนังเป็นมันเงา เชอร์รีนไม่ได้มา แต่เขาพาซารางมาด้วยกัน
นาโนต้องการเอื้อมมือออกไปกอดซาราง แต่ซารางไม่ยอมให้เธอมาเข้าใกล้ มือเล็กๆ ขาวนวลของจับไปที่คอของออกัส เขาเป็นไข้และรู้สึกตื่นคน
นาโนค่อยๆลูบบั้นท้ายของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ สองครั้ง มองดูสถานการณ์นั้นอย่างเย็นชา ดนัยกำลังเล่าตัวตนของฉันทัชให้ออกัสฟัง
ชีวิตของยู่ยี่ดีขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน หากเอาหัสดินกับชายคนนั้นมาเปรียบเทียบ มันชั่งเทียบไม่ได้กว่าจริงๆ
เมื่อเธอถูกพาออกจากหอประชุม หัวใจของยู่ยี่ยังคงเต้นแรงอย่างไม่หยุด ร่างกายของเธอมีความตึงเครียดเล็กน้อยจนไม่ได้สังเกตฉันทัช
ข่าวการตั้งครรภ์ของเธอถูกเปิดโปงอย่างกะทันหัน ทำให้เธอตกใจมาก และจนกระทั่งตอนนี้เธอก็ยังสงบสติอารมณ์ไม่ได้
นักข่าวยังคงไล่ถามคำถามกับฉันทัช เขาเพียงยิ้มแต่ไม่ได้พูดอะไร เพื่อปกป้องยู่ยี่และเปิดประตูขึ้นรถให้เธอนั่งและขับรถออกจากตรงนั้นไป
บรรยากาศภายในรถเงียบสงัด จนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มที่ตกลงพื้น
ยู่ยี่หันไปมองที่หน้าต่างอย่างเงียบๆ ซึ่งอารมณ์ของเธอตอนนี้กำลังสับสนอยู่มาก
เพราะประเด็นว่าจะทิ้งลูกไว้หรือไม่นั้นยังไม่มีการตัดสินใจ ตัวเธอเองก็ไม่แม้แต่จะสนใจตนที่เรื่องถูกแพ่งพายออกไป เธอก็ยังจับมือไม่ทัน
ฉันทัชได้แต่กวาดสายตามองไปที่ยู่ยี่โดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ
หลังจากงานเลี้ยงที่โรงแรม ออกัสไม่มีแผนที่จะอยู่ต่อ
หัสดินยังคงสวมชุดเจ้าบ่าวและเดินออกมาบอกให้เขาอยู่ต่อ
ออกัสมองไปที่ซาราง ในตานั้นมีแต่ความเจ็บปวด “ลูกไม่สบาย เป็นไข้มาสามวันแล้ว ละช่วงนี้เขามักจะติดผมมาก ต้องขออภัยด้วยไว้คราวหน้าผมจะเชิญคุณมาดื่ม”
หัสดินขยับถูกปากไปมามันไม่ง่ายเลยที่จะให้อยู่ต่อ ในขณะเดียวกัน ดนัยและนาโนก็เดินออกมา
ดนัยยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ เขาแสดงให้เห็นถึงว่าเขาเองก็ต้องไปจากแล้ว
นาโนยื่นมือกอดอก และไม่มีอะไรต้องห้าม ทำไมถึงไม่อยากให้ดนัยมีส่วนร่วม
เพื่อนที่ดีทั้งสองคนก็ไม่อยู่ด้วยแล้ว เพื่อที่เหลือก็ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าเพื่อนกิน ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์หรือบรรยากาศจะไม่มีธรรมชาติ ชีวิตชีวา และความสุขอย่างที่เคยเป็น ดังนั้นมันอยู่ได้ไม่นานแล้วก็สลายไป
นี่คืองานแต่งงานของเรนนี่ที่รอคอยมายาวนาน แต่สำหรับเธอแล้ว เธอไม่พอใจอย่างมาก
ตอนแรกก็ปรากฏตัวของยู่ยี่ ตามมาด้วยการบุกรุกของนักข่าว และตามด้วยการเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของฉันทัช
เห็นๆกันอยู่ว่าเป็นงานแต่งงานของเธอ แต่เธอดันทำชุดแต่งงานให้กับคนอื่น แบบนี้เธอจะไม่โกรธได้ยังไง?
และสิ่งที่ทำให้เธอต้องโกรธมากขึ้นไปอีกคือในคืนวันแต่งงานหัสดินไม่มาพบเธอ…
ทั้งสองนอนอยู่บนเตียงเดียวกัน ข้างนอกคือหัสดิน ส่วนด้านขวาคือเรนนี่ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
……
เมื่อทั้งสองกลับถึงอพาร์ตเมนต์ก็เป็นเวลาดึกมากแล้ว นับตั้งแต่ที่พวกเขาขึ้นรถจนถึงตอนนี้ยู่ยี่ไม่ปริปากแม้แต่น้อย ฉันทัชเองก็เช่นกัน
หลังจากนั้น ฉันทัชไปห้องน้ำเพื่ออาบน้ำ ส่วนยู่ยี่เทน้ำอุ่นดื่มในขณะที่รู้สึกสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำให้ใจเธอตกใจสะดุ้งแรง เธอเดินตามเสียงแล้วมองไปตามโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะกาแฟ และเป็นสายของฉันทัชที่โทรมา
เธอเหลือบมองไปที่สายเรียกเข้าทั้งไม่ได้จดบันทึก และไม่ได้รับสาย แต่โทรศัพท์ยังคงดังไม่หยุด
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ยู่ยี่หยิบโทรศัพท์ ไปเคาะประตูห้องน้ำ “มีคนโทรมา”