ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 458 เธอคิดว่าฉันสมคบคิดทำร้ายผู้อื่นยังไง
ในห้องน้ำมีเสียงตะโกนดังขึ้นท่ามกลางไอน้ำ สักพักเสียงทุ้มต่ำของชายคนนั้นก็ออกมารับสายจากเธอ
ยู่ยี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง บุคคลอีกฝ่ายที่โทรมาให้นั้นเกียรติมากโดยเรียกคุณฉันทัชก่อน
เธอเตรียมที่จะพูดเอ่ยกล่าว แต่อีกฝ่ายไม่เปิดโอกาสให้เธอพูดก่อน และเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ทำให้ยู่ยี่ยื่นตัวแข็งทื่อ
เรื่องที่คนคนนั้นพูดถึงก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานแต่งวันนี้…..
แต่สิ่งที่เขาพูดคือเรื่องความลับที่รู้กันภายใน…
ใช้น้ำเสียงพูดให้ความเคารพ เขามีวิธีจัดการนักข่าวตามที่คุณทัชสั่งได้อย่างไร แล้วงานวิวาห์เป็นยังบ้างล่ะ…
ณ จุดนี้ ยู่ยี่รู้ได้ทันทีว่านักข่าวที่มาในวันนี้ ฉันทัชจงใจปล่อยให้พวกเขาเข้ามาซึ่งนั้นเป็นแผนของเขา
แล้วเอกสารตรวจครรภ์ล่ะ? หรือว่าเขารู้มาตั้งแต่แรกแล้ว?
ถือแก้วน้ำแน่ เธอคิด เขานั้นสายตาชั่งคมกริบมากหรือบางทีเขาอาจเคยเห็นมันมาก่อนมันทำให้นึกถึงเวลาที่ให้ผู้ช่วยโก๋ยกซุปมาให้
ยู่ยี่รู้สึกว่าเขารู้มาแต่แรกแล้ว แต่ไม่คิดที่จะปริปากพูด
ในใจเธอร้อนรุ่มเป็นไฟที่กำลังแผดเผา
หลังจากนั้นไม่นาน ฉันทัชหันกลับเดินออกมา ยู่ยี่จองและยิ้มเบาๆไปที่เขา “คุณกล้าพูดออกมาไหม?”
“เรื่องนั้นเธอเองก็รู้มาตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่ไหม?”
ดวงตาของฉันทัชรู้สึกสั่นไหวเล็กน้อย “เรื่องไหนล่ะ’
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ ยู่ยี่พูดออกมาทีละคำว่า “ฉันท้อง!”
ฉันทัชแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาไม่มีการปกปิด ดวงตาของเขานั้นแน่วแน่ ไม่ลังเลใดๆ แล้วตอบออกมาสั้นๆว่า “ใช่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หัวใจของเธอถึงกับสั่นสะท้านแต่เพียงเล็กน้อย และร่างกายของยู่ยี่เองก็สะท้อนไปด้วย “ทำไมคุณไม่บอกฉันสักคำ ทำไมถึงต้องปิดบังฉันด้วย?”
ในหัวเธอคิดอยู่ว่าเขารู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไร และเขาปิดบังเธอไปนานแค่ไหน?
“ในใจของคุณคิดอะไรอยู่กันแน่ ทำไมถึงปล่อยให้ฉันจมอยู่ในความมืดมิด คุณรู้ทุกอย่างแต่ไม่คิดที่จะบอกฉันเลย คุณมองฉันเป็นแค่ตัวตลกหรือไง?” อารมณ์ของเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ
ตามที่ยู่ยี่พูด ไอน้ำบนใบหน้าฉันทัชได้จางออกและน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแสดงอารมณ์ได้อย่างชัดเจน”ดูเหมือนว่าเรื่องนี้เธอจะปิดบังฉันก่อนยู่ยี่”
เขาไม่ชอบน้ำเสียงที่เธอพูดออกมาแบบนั้น ในสายตาเธอเขาจงใจเห็นเธอแกล้งโง่หรือเปล่า?
ยู่ยี่สูดหายใจเข้าลึก ๆ อารมณ์ของเธอยังผันผวนอยู่มาก “คุณใช่ฉันสมคบคิดทำร้ายผู้อื่น…”
“คุณใช่ฉันสมคบคิดทำร้ายผู้อื่น…”
ฉันทัชเริ่มแสดงออกถึงความจริงจังเป็นครั้งแรก และจริงจังกว่าครั้งก่อนๆ “คุณ คุณแน่ใจจริง ๆ ไหมว่าฉันหลอกคุณนะ?”
หน้าอกของยู่ยี่สั่นๆขึ้นๆลงๆ ๆไม่มีเสียงใดๆ
“เมื่อฉันได้ยินข่าวว่าคุณตั้งครรภ์ มันไม่มีใครเข้าใจความสุขของฉันเลย และมากกว่านั้นผมเองก็ดีใจเหลือเกิน แต่ความลังเลและทัศนคติของคุณบอกฉันว่าคุณไม่รู้ว่าจะบอกฉันอย่างไร ผมเลยแสร้งทำเป็นไม่รู้ ผมไม่สามารถบังคับคุณมากเกินไปได้ ”
“ผมได้แต่เฝ้ารอ เฝ้ารอให้คุณบอกกับผม แต่เธอไม่ และฉันก็สงสัยว่า เป็นเพราะผมหรือเปล่า ตอนนี้เรากำลังมีความรักกันและเรากำลังพูดถึงเรื่องการแต่งงาน สำหรับความคิดผม ไม่ว่าผมชอบเด็กหรือไม่ คุณมีทั้งความสับสนและความไม่แน่นอนอยู่มากดังนั้นคุณจึงรู้สึกหวั่นไหว”
“วันนี้ในงานวิวาห์ของเขา ผมตั้งใจให้มันเกิดขึ้นอย่างนั้น และจุดประสงค์ที่เขาเชิญคุณมันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าปล่อยให้คุณถูกมองว่าเป็นตัวตลก แต่กับฉันใครมันจะทนเห็นได้? การใช้โอกาสนี้เพื่อขจัดปัญหาของลูกออกไป มันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าการใช้โอกาสที่จะแสดงความจริงใจต่อคุณ ผมต้องการให้คุณเอาความสงสัยและความกังวลของคุณทิ้งไป เด็กคนนี้ผมชอบและอยากได้มาก ผมอยากแสดงทัศนคติอย่างชัดเจน และผมจะเป็นคนรับผิดชอบอย่างดีที่สุดเอง ขอแค่ให้คุณบอก ผมหลอกใช้คุณอะไร”
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาบันดาลโทสะเป็นอย่างมาก เมื่อพูดเสร็จ ดวงตาของเขาค่อยๆหรี่ลง และหลับตาไป
ยู่ยี่ไม่เคยเห็นเขาทำแบบนี้มาก่อน แต่เธอสามารถรับรู้ได้สิ่งที่เขาพูดไปนั้นเป็นความจริง
“คุณคิดว่า ผมหลอกอะไรคุณล่ะ…”
ฉันทัชนั้นยากที่จะมีอารมณ์โกรธและลุกเป็นไฟ เขาเยาะเย้ยอยู่ที่มุมริมฝีปากของเขา จากนั้นเขาก็ผลักประตูเดินเข้าห้องนอนไปโดยไม่สนใจเธอ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาหัวร้อนและใส่อารมณ์กับเธอ
ยู่ยี่ยื่นถือแก้น้ำอยู่ตรงนั้น อันที่จริง สิ่งที่เธอพูดไปนั้น ไม่มีเจตนาที่จะพูดแบบนั้นออกไป
ที่เธอต้องการจะสื่อ มันไม่ใช่อย่างที่เขาคิด เขาคงคิดว่า……
เขาปฏิบัติต่อเธออย่างดีมาโดยตลอด และเขาไม่เคยนอกใจเธอเลย แต่ครั้งนี้ เขาปกปิดเป็นความลับกับเธอมานานมาก!
นอกจากนี้ อารมณ์ของเธอยังไม่ดีขึ้นนัก เธอจึงยังไม่พูดอะไรมากนัก
ในใจของเธอยังคงตื่นตระหนกจนถึงตอนนี้จนไม่ทันคิดเรื่องนี้ แต่เมื่อเขากำลังจะอ้าปาก เพียงชั่วพริบตาเธอก็ถูกบังคับไปอยู่มุมอับ
เธอไม่ได้โง่ ตอนนี้ที่อยู่ในงานแต่งแสนรื่นรมย์ เธออมยิ้มพูดกล่าวคำพวกนั้นออกไปจริงๆแล้วมันช่างมีความหมายที่ลึกซึ้งจริงๆ
ทันทีที่เขาพูด เธอเข้าใจถึงความหายในสิ่งที่เขาจะสื่อ เขาได้เสนอสันติภาพที่มีความรับผิดชอบให้เธอแล้ว
แต่เธอเองก็หงุดหงิด เธอไม่ได้คิดว่าจะเผชิญความรู้สึกในอนาคตอย่างไร และเธอเองก็ไม่ได้คิดว่าจะคลอดบุตรคนนี้ได้หรือไม่ ยิ่งคิด ยิ่งสงสัยว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาจะเป็นไปได้หรือ หลังจากนั้นเราจะยังคู่ควรกันอยู่ไหม ได้แต่ตีกันอยู่ในหัว
เธอมีความคิดมากมายอยู่ในหัว และการถูกเขาข่มเหงเช่นนี้มันจะทำให้เธอโกรธ โมโห ขาดสติ พูดเรื่องไร้สาระนั้นมันทำให้เขาต้องของขึ้น
อันที่จริง ปัญหามันอยู่ที่เธอไม่ใช่ที่เขา จุดประสงค์ที่เขาทำลงไปเพียงใช้ความคิดเล็กน้อยมันสามารถเข้าใจได้ไม่ยาก
เธอมีเซ็กซ์ก็ไม่ได้มี อยากได้เงินก็ไม่ได้ แต่ฉันทัชผู้ที่เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างแล้วจะหลอกเธอไปเพื่ออะไร?
อย่างไรก็ตาม ตอนที่เขาโมโหก็ค่อนข้างจะน่ากลัวเลยทีเดียว
หลังจากสงบสติอารมณ์ ยู่ยี่ได้ไปนั่งอยู่ตรงที่หน้าต่าง เทน้ำอุ่นอีกแก้วหนึ่งจิบขณะครุ่นคิด
เธอนั่งไตร่ตรองแบบนี้จนเวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนที่เธอจะกลับมารู้สึกตัวอีกที
เธอรู้สึกถึงความกลัวที่จะเจ็บปวดถึงบาดแผลที่จะหยั่งลึกลงไป เธอมิกล้าที่จะไปสัมผัส และอีกอย่าง เขาเป็นคนที่โดดเด่นละเก่งมากๆ จนทำให้ตัวเธอเองไม่มีความมั่นใจใดๆเลย
ลูกก็คือชีวิตหนึ่ง เธอกลัว กลัวว่าลูกเกิดมาแล้วจะทำให้ลูกเจ็บปวดและโชคร้าย
เธอเลยตัดสินใจไม่ถูก!
แต่ถึงอย่างไร หลังจากที่เขาเปิดเผยความตั้งใจของเขาที่เกิดขึ้นในงานแต่งงานนั้น ทำให้เธอตัดสินใจ
เธอตั้งใจจะลองอีกครั้ง แม้ว่าจะเดินไปไม่ถึงจุดสิ้นสุด แต่การได้มีลูกคนนี้มันก็เพียงพอแล้ว
เมื่อลูกคนล่าสุดตายจากไป เธอถือว่าเด็กคนนี้ที่จะเกิดมาเป็นของขวัญจากพระผู้เป็นเจ้า
ในความเป็นจริงแล้ว มันขึ้นอยู่กับใจเธอ ถ้าเธอตัดสินใจจะทำแท้งลูกอีก มันจะเจ็บเหมือนครั้งที่แล้วไหม?
เธอพลิกกระเป๋าเดินทางไปมา จนได้พบผ้าพันคอที่เธอถักเอาไว้ มีสีเหลืองทอง นุ่มสลวยสวยงาม
เด็กคนนั้นโชคไม่ดี เธอถักเก็บไว้ให้เขาเยอะมาก แต่เธอก็ไม่ได้เอามันมาใช้เลย และจนถึงตอนนี้เธอจะเอามันไปอีกอีกเหรอ?
การทำแบบนี้มันมีแต่จะทำให้จิตใจมีแต่ความเจ็บปวด แต่ในความเป็นจริงแล้ว เธอนั้นปล่อยวางไปบ้างแล้ว
ยู่ยี่เธอเอื้อมมือออกไปลูบผ้าพันคอจัดวางให้ดี ยกเว้นก็แต่อันนที่ส่งให้ซาราง และสิ่งเดียวที่เหลือไว้ให้เด็กคนนั้นคือผ้าผืนนี้ และตอนนี้ มันก็มีประโยชน์ไว้ทำอย่างอื่นด้วย…
จู่ๆ ในหัวใจของเธอก็รู้สึกสบายขึ้นมาก เธอมองไปยังห้องนอนที่ประตูยังปิดอยู่ ไม่ได้เปิดออกชายผู้นั้นที่บันดาลโทสะออกมานั้นก็ไม่ประเมินอารมณ์ต่ำเกินไป
มันเป็นความผิดของเธอจริงๆ…
ยู่ยี่เดินเข้าไปเคาะประตูอย่างช้าๆ “เปิดประตูให้หน่อย ฉันมีของที่จะไปเอา”:
“…”
ในตอนท้าย ยู่ยี่พูดอีกครั้งว่า “เปิดได้ไหม ฉันต้องการเปลี่ยนรองเท้าผ้าฝ้าย”
คราวนี้ เสียงโทนต่ำของชายหนุ่มที่ยังโกรธเคืองอยู่เล็กน้อยออกมาทางแผงประตูด้วยความเย็นชา: “ผมจะไม่เปิดประตู ได้โปรดออกไปเถอะ!”
“งั้น…ฉันขอโทษด้วย…แต่ฉันคงต้องบอกว่า…นี่คืออพาร์ตเมนต์ของฉัน…ห้องนอนของฉัน…ดูเหมือนว่าคนที่ควรจะจากไปคือคุณนะ…” นิ่งไปพักหนึ่ง ยู่ยี่กล่าว
“…”
ภายในห้องนั้นเงียบสงัดไม่มีเสียงออกมาแม้แต่น้อย ยู่ยี่รู้สึกประหลาดใจมาก เลยแนบหูติดกับบานประตูแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรแม้แต่น้อย
เขาคงจะโกรธมากกว่าเดิม เธอคิดว่า…
เพียงยืนอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อยู่ยี่กำลังจะพูดขึ้นอีกครั้ง ประตูห้องนอนก็เปิดจากด้านในออกมาทันที
เธอเองไม่ทันที่จะตั้งตัว เธอเดินโซซัดโซเซก่อนที่เธอจะถอยหลังไปยืนอยู่กับที่
ชายที่ปรากฏตัวต่อหน้าเธอได้เปลี่ยนเสื้อคลุมอาบน้ำ และตอนนี้เขาสวมสูทสีดำที่มีขอบคมเข้มเป็นเส้นตรง
เพียงแต่ว่าตอนนี้ฉันทัชไร้ความอบอุ่นเหมือนเคย และเมื่อต้องเผชิญหน้ากันด้วยความเฉยเมยความเหินห่าง
ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรออกมา ร่างของชายคนนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วต่อหน้าเธอ เหลือเพียงแค่กลิ่นหอมจางๆ จากการอาบน้ำมาในจมูกของเธอ
เจลอาบน้ำที่ยู่ยี่เป็นคนเลือก กลิ่นหอมที่โชยออกมาเป็นกลิ่นส้มจางๆ
เมื่อกลับมามีสติอีกครั้ง ยู่ยี่ได้ไล่ตามเขาไป แต่ชายผู้นั้นมีลำตัวที่สูงขาและเท้ายาวราวกับเดินอยู่บนสายลม เขาลงลิฟต์ไปยังลานจอดรถที่อยู่ชั้นล่าง
เริ่มขับถอยหลัง เลี้ยวขวาออก ทำทั้งหมดในครั้งเดียว…
ในใจยู่ยี่คิด เขาคงโกรธฉันมากจริงๆ
คำพูดของเธอในตอนนั้น มันทำร้ายเขาจริงๆ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา นาโนมาและบอกว่าคืนนี้เธอจะไม่กลับ เธอจะอยู่ที่นี่
และดูเมื่อเธอจะคิดอะไรบางอย่างออก เลยถามถึงเทพบุตรคนนั้น?
ยู่ยี่เทน้ำให้เธอ และนั่งไปที่โซฟาตรงถามเธอ และพูดออกไปตรงๆ ว่าเราทั้งคู่ทะเลาะกัน
เมื่อได้ยินเช่นนี้ น้ำลายในปากของนาโนแทบจะไม่หยดออกจากปาก ขมวดคิ้วถามเธอว่า “เธอแน่ใจว่าคุณทะเลาะกับเขาอ่ะ? ”
“ทะเลาะกัน แล้วเขาก็จากไป” ยู่ยี่พูด
“โอ้ เธออ่ะไม่ธรรมดา เธอต้องมีความสามารถมากแค่ไหนถึงจะทำให้ผู้ชายมาทะเลาะกับเธอเนี่ย และความสามารถของเธอเองก็ยิ่งเก่งขึ้นเรื่อยๆเลยนะ”
ยู่ยี่วางมือบนขอบโต๊ะโดยไม่พูดอะไรเลย ใช้นิ้วนวดขมับที่ปวดหัวเล็กน้อย
“เขาเองก็เป็นคนดูอ่อนโยนและใจกว้างมาก นอกจากนี้ เขาอายุเยอะกว่าเธอมาก และจิตใจของเขาก็ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับเธอนะ และผู้ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่อยู่ดีๆจะมาทะเลาะกับเธอนะ ไหนบอกมาสิ บอกฉันทีว่าเกิดอะไรขึ้น?
สำหรับวิธีที่เธอเล็งผู้ชาย นาโนเชื่อมั่นมากว่าถ้าเธอมองแล้วต้องไม่ผิดพลาดเป็นแน่แท้
ยู่ยี่เธอได้เล่าให้เขาฟัง รวมถึงสิ่งที่ฉันทัชกล่าวมาด้วย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ นาโนก็เย้ยหยัน ”เธอคิดว่าสามารถเธอสวยกว่า ไซซีและมีทรัพย์สินมากกว่า Bill Gates กับผู้ชายแบบนี้จะหลอกอะไรเธอได้”
ประโยคเมื่อกี้ที่นาโนพูดเธอเองก็รู้ ปากยุบยิบไปแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปต่อ