ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 464 ลงมาหน่อย มีอะไรให้คุณด
หัสดินกลับไม่ได้พูดอะไรอีก เขาเอื้อมมือไปตบเบาๆ เป็นการบอกให้เธอขึ้นรถ
ที่จริงแล้ว ถ้าพูดตรงๆ ตอนนี้สิ่งที่หัสดินยอมรับ และทนได้ คือนิสัยแบบเมื่อก่อนของเรนนี่ที่อ่อนโยนดั่งน้ำ เข้าอกเข้าใจคนอื่น ให้อภัยเรื่องเล็กๆน้อยๆ อดทน และเข้าอกเข้าใจ
ดังนั้น หากนิสัยเรนนี่ เปลี่ยนไป หัสดินก็ย่อมรับไม่ได้อยู่แล้ว
หากยืนอยู่ในสถานการณ์ของเรนนี่จะเห็นได้ชัดว่าไม่เป็นเช่นนั้น ตอนนั้นที่เธอแสดงนิสัยเช่นนี้เพื่อต้องการแต่งงานกับหัสดิน จนตอนนี้ได้แต่งงานกับหัสดินแล้ว ซึ่งแสดงว่าเธอทำสำเร็จแล้ว นอกจากนี้ ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของเขาแล้ว ที่เขาทำตัวสนิทสนมกับสาวไนต์คลับเช่นนั้น ยังจะให้เธออ่อนโยน เห็นอกเห็นใจ และเข้าอกเข้าใจต่อไปอีกเหรอ
ถ้ามันยังคงเป็นแบบนี้ต่อไป ถ้างั้น มันอาจไม่เป็นผลดีอะไรต่อเธอแน่ หรือบางทีมันอาจจะไม่ต่างจากยู่ยี่ก็ได้
เรนนี่รู้สึกว่า ตอนนี้เธอต้องทำให้หัสดินรู้สิ่งหนึ่ง นั้นคือตอนนี้เธอเป็นภรรยาของเขาไม่ใช่คนรัก
ตลอดทาง ทั้งสองคนไม่คุยอะไรกันสักคำ ต่างนิ่งเงียบ เพราะในใจทั้งสอง ต่างคิดเรื่องอยู่
เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ภูษาธร มีแขกมาท่านหนึ่ง คือสามีซาฮาร่า รัดเกล้า
เขาสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร แม้หน้าตาถือว่าหล่อ แต่ก็ไม่ได้ถือว่าขี้เหร่ ส่วนรูปร่างนั้นจัดว่าดูแลได้ดี
นิสัยเจ้าชู้ของเขา เรนนี่เคยได้ยินจากซาฮาร่า เมื่อหันไปมองสายตา รัดเกล้าก็หันไปทางนี้พอดี
ซึ่งทำให้ทั้งสองสบตากัน และมีผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นในดวงตาของรัดเกล้าจนทำให้เรนนี่รีบหันไปมองทางอื่น
ต่อหน้าคุณพ่อคุณแม่ของเธอนั้น รัดเกล้ากลับแสดงความสุภาพ และมีมารยาท แต่ซาฮาร่า กลับเยาะเย้ย ดูถูก และหัวเราะฮึอย่างเย็นชาเป็นพักๆ
หัสดินไม่ทานอาหาร อาบน้ำเสร็จ ก็ไม่ลงไปข้างล่างอีกเลย ทีแรกเรนนี่ก็ไม่อยากลงมา แต่ความสัมพันธ์กับชฎารัตน์นั้นไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ให้มันแย่ลงกว่านี้ไม่ได้อีก ดังนั้น จึงต้องลงไป
ในระหว่างนี้ ชฎารัตน์กำลังพูดว่ารัดเกล้าและซาฮาร่า ก็ควรมีลูกกันได้แล้ว พวกเขาอายุก็ไม่น้อย
รัดเกล้าทำได้เพียงตอบกลับ ซาฮาร่าไม่มีความคิดจะมีลูกเลยสักนิด โดยเฉพาะกับ รัดเกล้า จึงรีบพูดว่า “ใครอยากมีลูกกับเขาค่ะ แอบมีผู้หญิงอยู่นอกบ้านเยอะขนาดนี้ ไม่แน่อาจมีเด็กนอกกฎหมายมากมายอยู่แล้วก็ได้นะคะ ”
สุดท้ายแล้ว สถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก รัดเกล้าจึงลุกเดินออกไป โดยลืมเอากระเป๋าไว้ ชฎารัตน์จึงให้เรนนี่นำไปให้ แต่เรนนี่ปฏิเสธ
ไม่มีทางเลือก ชฎารัตน์จึงให้เรนนี่นำไปให้อีกครั้ง แม้จะไม่ค่อยเต็มใจ แต่ว่า เรนนี่ก็ต้องไปอยู่ดี
……
ไม่กี่วันก่อนวันตรุษจีน บริษัทให้หยุดพักผ่อนประจำปี ยู่ยี่รู้สึกว่าวันที่ไม่มีงานทำนั้นสบายกว่าเหลือเกิน สามารถนอนจนกว่าจะตื่นเองได้
ช่วงเทศกาลตรุษจีน เธอไม่มีแผนที่จะกลับบ้านไปฉลอง เลือกอยู่คนเดียวสบายๆในอพาร์ตเมนต์
เธอโทรคุยกับฉันทัช แต่ตอนที่คุยโทรศัพท์นั้น เธอไม่ได้ถามเรื่องวันเดินทางกลับของเขา
ยังไม่อยากพูดถึงบริษัทขนาดใหญ่ของเขา ซึ่งเทศกาลตรุษจีน เป็นเทศกาลใหญ่ ต้องฉลองกับครอบครัวอยู่แล้ว นอกจากนั้น ครอบครัวของเขายังเป็นครอบครัวใหญ่ ในด้านนี้ คาดว่าจะมีข้อกำหนดและกฎระเบียบแน่นอน
ฉลองเทศกาลตรุษจีนคนเดียวดีกว่าที่ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เสื้อผ้า หรือสิ่งอื่น ๆ ผักอะไรก็ซื้อมานิดๆหน่อยๆ และที่ซื้อมากที่สุดคือลูกชิ้น
เธอเป็นคนชอบทานก๋วยเตี๋ยวหม้อดิน ดังนั้น เธอจึงต้องซื้อเยอะหน่อย ใกล้สิ้นปี ราวกับทุกคนต่างก็ยุ่งวุ่นวาย ยุ่งกับการซื้อของปีใหม่
ดูเหมือนว่าผู้คนบนถนนจะเยอะ คับคั่ง และคึกคักไม่ลดน้อยลง ที่พบมากที่สุดคือคู่รักที่มาเดินห้าง อย่างหวานแหวว และหวานแหวว
ยู่ยี่ใช้เวลาทั้งวัน ในการซื้อของต่างให้เสร็จ จากนั้นก็กลับไปพักในอพาร์ตเมนต์ ไม่ออกไปข้างนอกอีก
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เธอรับสาย เมื่อเห็นหมายเลข ก็พลางยิ้มออกมาทันที
“ตอนนี้คุณกำลังทำอะไรอยู่” เสียงทุ้มต่ำของฉันทัช กลับปนไปด้วยความอ่อนโยนและการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ
“ห่อเกี๊ยวค่ะ มีไส้รากบัว และไส้กุยช่ายค่ะ” ยู่ยี่รับโทรศัพท์มือหนึ่ง อีกมือก็เช็ดแป้งออก
“เก่งจัง……” อีกฝั่งนั้น ดวงตาของฉันทัชเผยประกายแวววาว ด้วยความชื่นชม น้ำเสียง แฝงด้วยความอ่อนนุ่ม “มีของผมบ้างไหมนะ”
“มีค่ะ ฉันทำไว้เยอะมาเลยค่ะ ใส่ไว้ในตู้เย็นให้นะคะ เมื่อคุณกลับมา ฉันจะทำให้คุณทานนะคะ” ยู่ยี่หัวเราะคิกคัก
“ไม่ต้องมาล่อใจผมนะ……” ทันใดนั้นเสียงของชายคนนั้นถูกลดระดับไปหลายระดับ น้ำเสียงจริงจังแฝงด้วยความตึงเครียดเล็กน้อย
ยู่ยี่ส่ายหัว “ฉันพูดความจริง ประโยคนั้นล่อใจคุณคะ”
“ทุกประโยค ทุกคำพูด ทุกลมหายใจของคุณ ล้วนดึงดูดใจผม ไม่เคยมีช่วงเวลาเหมือนเช่นนี้มาก่อนเลย ที่ผมปรารถนาเป็นอย่างมาก ที่อยากคุณอยู่เคียงข้าง…”
เมื่อตอนเขาพูดยั่วยวน มันจะทำให้คนหลงใหล หัวใจเกิดความดึงดูดอย่างรุนแรงจนต้านไม่ไหว แม้นตอนนี้จะมีโทรศัพท์กั้นไว้
แก้มยู่ยี่ร้อนวูบวาบ ยู่ยี่ตอบเขา อย่างหยอกเล่นเล็กน้อย แถมพูดอย่างมีเหตุมีผลที่เป็นเช่นนั้น เพื่อทำให้สถานการณ์มันดีขึ้น“ฉันตัดสินใจแล้วค่ะ เพื่อไม่เป็นล่อใจคุณต่อไป จึงจำเป็นต้องวางสายก่อน อย่าลืมดูแลตัวเองนะคะ”
น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่ง ปนไปด้วยการทำอะไรไม่ได้ ความลุ่มหลง
และความรัก……
ยู่ยี่รู้สึกว่า เธอไม่สามารถพูดคุยกับเขาต่อไปได้ เมื่อเขาบอกคำรักเหล่านั้น เพราะเขาได้ดึงเอาความคิดถึงที่ลึกที่สุดในใจเธอออกมาแล้ว
เธอทำเกี๊ยวอยู่ในอพาร์ตเมนต์คนเดียว ทีวียังคงเปิด ละครครอบครัวที่ดูสนุกสนาน แต่เธอก็ยังรู้สึกว่างเปล่าและเหงาอยู่เล็กน้อย
ในเวลานี้ เธอคิดถึงเขาจริงๆ ถ้าเธอพูดต่อไป จะทำให้เธอคิดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ
พรุ่งนี้ ก็คือวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว ต้องค่อยความสะอาดห้อง และจัดเก็บของ ยู่ยี่คนเดียวยุ่งจนหัวฟูไปหมด
ในตอนบ่าย โยธินโทรมา ให้เธอกลับบ้าน ฉลองเทศกาลตรุษจีนด้วยกัน
ยู่ยี่ไม่คิดที่จะไป แต่สุดท้าย โยธินก็ให้เฟริส์รับเธอโดยไม่สนใจใดๆ เมื่อไม่มีทางเลือก ยู่ยี่ถึงยอมกลับบ้าน
เปมิกา เจ้าเอย และโยธินก็อยู่ด้วยทั้งหมด อาหารทั้งหมดทำเสร็จแล้ว ถูกจัดวางไว้เต็มโต๊ะเต็ม ยู่ยี่ไม่สนใจมากนัก โดยยกน้ำอุ่นมาดื่ม
เฟริส์นั่งอยู่ข้างๆเธอ ไม่ยอมไปไหน และเจ้าเอยถือเอาชุดใหม่เพิ่งซื้อมาไว้ โดยทุกคนรอการติดป้ายคำอวยพรตุ้ยเหลียน
ในระหว่างนี้ เปมิกาก็เข้ามาถาม “หย่ากันแล้วไม่แบ่งเงินให้แกบ้างเหรอ”
ยู่ยี่นิ่งเฉย ถามกลับว่า “ถ้าให้เงินฉันจริง เมื่อก่อนฉันยังต้องทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดเหรอคะ แถมยังต้องใส่แต่เสื้อผ้าราคาถูกอีก”
โยธินรับดึงเปมิกาออกมา เพราะยังไงก็เป็นลูกสาวของคนในบ้านนี้ ตอนนี้หย่ากันแล้ว แถมยังไม่มีเงินอีก ตอนนี้เธอหย่าร้างและไม่มีเงิน จะทำโหดร้ายกับเธออีกเช่นนั้นอีกได้ยังไง
เปมิกากลอกตาเล็กน้อย ในตอนเย็น เมื่อถึงเวลาทานอาหาร ทีวีก็ถูกเปิดขึ้น ทุกสถานีโทรทัศน์กำลังออกอากาศงานฉลองเทศกาลตรุษจีน ซึ่งยังคงเป็นพิธีกรเบอร์หนึ่งเช่นเดิม
อาหารมื้อนี้ ยู่ยี่ทานไม่ค่อยลง เป็นอาหารมันเยิ้มเกินไปทั้งนั้น เธอรู้สึกอยากอาเจียน และคลื่นไส้เล็กน้อย
ในทีวีนั้นมีทั้งตีฆ้องและตีกลอง และเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข จึงทำให้ห้องโถงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เป็นเฟริส์ ที่กำลังขออั่งเปา
ยู่ยี่ถอนหายใจเล็กน้อย และหันไปมองที่หน้าต่าง ค่ำคืนนอกหน้าต่างช่างมืดมิด ราวกับก้อนหมอกดำหนา เทศกาลตรุษจีนนี้ผ่านไปแล้ว ซึ่งผ่านไป ด้วยรู้สึกเหงาเล็กน้อย
ทันใดนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมาก จู่ๆหัวใจเต้นตึ๊กตั๊ก กดรับสาย คือฉันทัช เขาพูดก่อนว่า “สวัสดีปีใหม่”
จากนั้นก็พูดต่อว่า “ลงมา”
ยู่ยี่ถามเขา “ลงไปไหนคะ”
ฉันทัชตอบเธอ ลงมาใต้ตึก มีบางอย่างให้เธอดู