ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 473 นั่นคือลูกชายของเขาไหม
แต่เหมือนดื่มยังไงก็ยังไม่เมาสักที เขามักจะนึกถึงหลังจากตอนที่แท้งลูก ได้ตบเธอลงไป
ในอีกด้านหนึ่ง
เฮทเค
ยู่ยี่ตื่นแต่เช้า นานๆได้ออกมาเที่ยวที เธอไม่ได้คิดจะนอนเฉยๆให้มันผ่านไปแน่นอน เธอเปิดคอมพิวเตอร์ ค้นหาสถานที่ท่องเที่ยวของเฮทเคที่อยู่ใกล้ๆ
อันที่จริง ผู้คนที่มาช็อปปิ้งที่เฮทเคมีจำนวนเยอะมาก แต่มาเพื่อท่องเที่ยวนั้นกลับมีไม่มากนัก
เมื่อเปิดดูหน้าเว็บบนอินเตอร์เน็ตเป็นจำนวนมาก มีอ่าววิกเตอร์ และวอกซา ที่ดูไม่เลวเลยทีเดียว
เธอกำลังเปิดหน้าเว็บไปเรื่อยๆ ฉันทัชเปิดผ้าห่มออก เหลือเพียงชุดนอนสีขาวที่อยู่ในตัวเท่านั้น
เธอดูอย่างตั้งใจ ดังนั้นจึงไม่ทันได้มอง เดินผ่านไป ฉันทัชจึงกอดเธอจากด้านหลัง แล้วกดคางเซ็กซี่ไว้บนผมของเธอ “กำลังดูอะไรอยู่”
“เส้นทางไปสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเฮทเคค่ะ……” เธอตอบ
นัยน์ตาลึกเลิกคิ้วเล็กน้อย หน้าอกแข็งแกร่งเกิดการสั่นระรัวเป็นพักๆ เขาจึงพูด“ เมื่อเทียบกับสิ่งที่คุณกำลังค้น ฉันคิดว่า ฉันเป็นไกด์นำเที่ยวที่ดีมากได้นะ……”
ยู่ยี่คิดอยู่ครู่หนึ่ง มุมปากก็เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย “ก็ถูกค่ะ คุณเป็นไกด์ที่ดีได้จริง ๆ แถมยังฟรีอีกด้วยค่ะ สำหรับฉันแล้ว มันมีแต่ผลดีไม่มีผลเสียเลยสักนิด……”
“ถ้างั้น พิจารณาได้ยังไงบ้างล่ะ” รอยยิ้มบนริมฝีปากของฉันทัชนั้นอบอุ่นมาก
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นยู่ยี่ก็พยักหน้า อย่างเห็นด้วย
ในขณะที่เขาขับรถพาเธอไปนั้น โดยแนะนำทิวทัศน์รอบๆ พร้อมอธิบายอย่างละเอียดให้เธอ
เขาพูดอย่างสมเหตุสมผล และมีหลักการ ถึงขั้นผสมประวัติศาสตร์เข้าไปด้วย ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ ว่าเขาเป็นไกด์ที่ดีมากคนหนึ่ง
อย่างที่เธอกล่าวไว้ในก่อนหน้านี้ เฮทเคเป็นแหล่งช้อปปิ้งจริงๆ ไม่ว่าเธอจะเดินไปที่ไหน ก็เป็นแหล่งช้อปปิ้งทั้งหมด แม้ว่าเธอจะไม่สนใจเรื่องการช้อปปิ้ง แต่สิ่งของที่ตั้งโชว์นั้นก็ประณีต มีเอกลักษณ์ ภายนอกสวยงาม แถมมีรูปทรงโดดเด่น
เธอไม่ชอบพวกของที่แพงเกินไป และไม่สนใจพวกเสื้อผ้า แต่กลับซื้อของเล็กๆน้อยๆไปไม่น้อย
ส่วนฉันทัชก็เลือกของอยู่ข้างๆ เพียงแต่ สิ่งของส่วนใหญ่ที่เขาหยิบไปนั้น มันมีราคาแพง และแพงเหลือเกิน
เขาหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้น ยู่ยี่ก็แย่ง วางกลับไป
มือใหญ่นวดขมับคิ้ว ฉันทัชรู้สึกหมดหนทาง “เธอทำแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันอยากซื้อของให้เธอบ้าง……”
“ที่นี่มีของมากมายที่สามารถซื้อให้ได้ ทำไมต้องหยิบแถวแรกด้วย” ยู่ยี่ชี้ไปที่แถวแรกสุด
ของแถวแรกที่จริงแล้วมีแต่ของลดราคาพิเศษ ราคาโปรโมชั่น จึงราคาเหมาะสมกว่า สวนของข้างหลังพวกนั้น แค่หยิบขึ้นมาดูเล่นๆ ก็ทำให้คนอ้าปากค้างได้
“ผมต้องการซื้อสิ่งที่ดีที่สุดให้กับเธอ ถึงจะเหมาะสมกับความรู้สึกภายในใจของผม…… ”
ยู่ยี่ส่ายหัว “เหมาะสมกับความรู้สึกภายในใจกับสิ่งที่ดีสุดนั้นมันขับเคลื่อนด้วยเงินทั้งนั้น ดังนั้นการจะให้ของขวัญ คุณเพียงแค่ให้ในสิ่งที่ฉันชอบก็พอแล้ว ความชอบของคุณไม่สำคัญ มันสำคัญที่ว่าฉันชอบมันหรือเปล่า”
“ฟังเหมือนมีเหตุผล……” ฉันทัชนวดนัยน์ตาที่อบอุ่นอ่อนลง เห็นเธอกำลังก้มหน้า เส้นผมลื่นไหลลงมา และมองหาของที่ชอบที่ในของเล็กๆน้อยๆด้วยความตั้งใจ
“ที่ฉันทำแบบนี้มองไม่มองเหรอคะ” ยู่ยี่เอียงศีรษะเล็กน้อย“ฉันกำลังประหยัดเงินแทนคุณคะ ไม่ว่าคุณจะมีเงินมากแค่ไหน แต่เงินก็ไม่ได้ตกลงมาจากฟากฟ้านะคะ มันแลกมาด้วยความเหน็ดเหนื่อย ทีนี้รู้สึกว่าฉันความแสนดีมากไหมคะ”
ฉันทัชหัวเราะเบาๆ หรี่ตา เอนร่างสูงเล็กน้อย จึงทำให้ระยะห่างระหว่างทั้งสองลดลงทันที “รู้ไหม ว่าตอนนี้คุณมีเสน่ห์มาก”
ไม่ไกลนัก มีสองตาที่มองมา เป็นความบังเอิญที่คุณพ่อธนพงษ์คุณแม่ธันยวีร์รีบกลับมาจากเมืองSพอดี มีระยะห่างพอสมควร จึงทำให้มองเห็นไม่ค่อยชัดเจน นอกจากนั้น ทั้งสองยังหันข้างอีก
คิ้วทรงสวยของคุณแม่ธันยวีร์โค้งลงเล็กน้อย จ้องมองแผ่นหลังร่างสูงใหญ่นั้นยังไม่วางสายตา จึงพูด “ดูจากลักษณะและการแต่งตัว ทำไมเหมือนฉันทัชเช่นนี้”
คุณพ่อธนพงษ์ จ้องมองอย่างพิจารณา เขารู้สึกเหมือนมากเช่นกัน แต่พอครุ่นคิดแล้ว“ คงไม่ใช่ฉันทัชเหรอ คุณเคยเห็นฉันทัชเปิดเผยแบนนี้เมื่อไหร่ล่ะ”
“ก็ถูก” เสียงเพิ่งจบลง คุณแม่ธันยวีร์ก็ดึงเสื้อผ้าของคุณพ่อธนพงษ์ทันที “ เฮ้ย หันกลับมาแล้วๆ เป็นฉันทัช เป็นฉันทัชจริงๆด้วย”
คุณพ่อธนพงษ์ตกตะลึง จนแข็งทื่อราวกับขอนไม้ คุณแม่ธันยวีร์ก็เป็นเช่นกัน จึงยืนตะลึง ราวกับกำลังแข่งว่าในเหมือนขอนไม้มากว่า
จากนั้น คุณพ่อธนพงษ์ก็ไอเบา ๆ หันกลับมา พลางปิดหน้าเล็กน้อย “กลับบ้าน”
คุณแม่ธันยวีร์ก็หันกลับมา “งั้นฉันทัชล่ะ”
“กลับไปก่อนค่อยว่ากัน เป็นชายอายุสามสิบกว่าแล้ว คุณดูสิว่าตอนนี้ควรอายไม่ควรอาย” คุณพ่อธนพงษ์ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
คุณแม่ธันยวีร์ยังคงดึงที่มุมเสื้อผ้าของเขาต่อ ไม่เชื่อเล็กน้อย: “คุณแน่ใจหรือว่านั้นคือฉันทัชจริงๆ”
“ลูกที่คุณคลอดออกมาคุณไม่รู้จักหรือไง” คุณพ่อธนพงษ์แม้แต่หน้าก็ไม่หันไปมอง รอบๆคงไม่มีคนที่รู้จักพวกเขามั้ง
ผู้คนเดินมาเดินไป นั่นคือลูกชายของเขาเหรอ
หลังจากจูบกันเป็นเวลานาน จึงถอยหลัง ยู่ยี่หลับตาลง ฉันทัชเอาปลายนิ้วถูที่มุมปากของเธอ เมื่อกีั เขาอดใจไม่ไหวจริงๆ
เมื่ออยู่กับเธอ สติสมาธิต่างๆก็มักพังสลายลงอยู่อย่างง่ายดาย จนไม่สามารถทำงานได้อย่างที่ควรจะเป็น
ยู่ยี่แก้มแดงระเรื่อ ดันหน้าเขาเล็กน้อย ฉันทัชกอดเธอไว้ รอยเส้นบนใบหน้าของชายที่เป็นผู้ใหญ่แล้วดูมีเสน่ห์และลึกซึ้ง: “อายเหรอ”
“คนรอบตัวกำลังมองมาที่เรานะคะ” ยู่ยี่รู้สึกว่า เมื่อกี้มันช่างบ้าบอไปเล็กน้อย
“มนุษย์ตั้งแต่เริ่มเกิดมา ก็มีดวงตาไว้มองดูสิ่งรอบตัว ถึงแม้พวกเขาจะจ้องมอง ก็ไม่น่าแปลกใจใช่ไหม”
ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน เขาก็มีเหตุผลอยู่เสมอ สวนเธอนั้น ก็ไม่เคยเถียงเขาชนะเลย
โทรศัพท์ดังขึ้น ฉันทัชหยิบมันออกมา เป็นอาคิระ ริ้วรอยจางๆจนแทบจะมองไม่เห็นก็ปรากฏขึ้น เมื่อเขาขมวดคิ้ว
ยู่ยี่เห็นปฏิกิริยาของเขาแล้ว กลับไม่ถาม เขาไม่รับสาย ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงโทรศัพท์ก็ยังดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ ฉันทัชรับสาย
“มาที่บ้านฉันหน่อย จะรอแก” คำพูดอาคิระกระชับได้ใจความ จากนั้น สายก็ถูกตัดทิ้ง ทำราวกับพวกชายสูงอายุเสียจริงๆ
ภายในใจของเขานั้น ฉันทัชรู้สึกติดค้างเขา บางอย่างกับเขา ขอเพียงเป็นเรื่องเกี่ยวกับฝั่งอาคิระ ฉันทัชก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องสำคัญหมด เรียกเมื่อไหร่ก็ถึงเมื่อนั้น“มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ” ยู่ยี่ถาม โทรศัพท์ดังขึ้นถึงสองครั้ง อีกฝ่ายน่าจะมีเรื่องอะไรแน่นอน
ฉันทัชพยักหน้าเล็กน้อย
“ไปเถอะค่ะ ฉันก็รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย ขอตัวกลับโรงแรมก่อน แล้วคุณก็ไม่ต้องรีบนะคะ ค่อยๆจัดการ ขอเพียงสามารถกลับมาดูวิวตอนกลางคืนกับฉันก็พอค่ะ”
ฉันทัชถอดเสื้อคลุมสีเทาออก แล้วพาดบนไหล่ของเธอ “ได้ ฉันจะพาคุณกลับไปที่โรงแรมก่อนจากนั้นค่อยไป แล้วค่อยกลับมาดูวิวกลางคืนกับคุณ พาคุณไปที่ดาดฟ้าโรงแรม หมุนวนบนดาดฟ้า จึงเป็นการดูวิวกลางคืนที่สวยที่สุด ……”
ยู่ยี่พยักหน้า “อย่าลืมระวังความปลอดภัยในการเดินทางนะคะ”
ณ คฤหาสน์ตระกูลหฤทัยไพรุณ
คุณแม่ธันยวีร์ยังคงคิดเรื่องที่เกิดขึ้นในเมื่อกี้ จากนั้น ก็พูดกับคุณพ่อธนพงษ์ “หญิงสาวที่เราเห็นในห้างสรรพสินค้า คือยู่ยี่ที่อยู่ในเมืองSใช่ไหม”
เมื่อพูดเช่นนี้ คุณพ่อธนพงษ์ก็นึกรูปร่างนั้นขึ้นมา ด้านหลังคล้ายกันมาก จึงขมวดคิ้ว: “เธอตามมาถึงเฮทเคเลยเหรอ”
“ฉันก็เหมือนคุณไม่รู้อะไรเลย ตอนค่ำรอฉันทัชกลับมาก่อน ให้คุณท่านคุยกับเขา คำพูดของคุณท่าน เขาฟังมากสุดแล้ว”
คุณพ่อธนพงษ์พยักหน้า โทรศัพท์ ถามหมอว่าอาการเอวาเป็นเช่นไรบ้าง
พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว ตระกูลหฤทัยไพรุณต้องเป็นห่วงมากหน่อย ยิ่งกว่านั้น ตระกูลหฤทัยไพรุณยังเป็นหนี้บุญคุณที่ไม่สามารถทดแทนได้ด้วย
อาคิระกำลังดื่มกาแฟ เอวาไม่ได้อยู่ในห้องโถง แต่อยู่ขั้นบน ฉันทัชเดินเข้ามา สายตากวาดไปทั่วห้องโถง “เอวาล่ะ”
“คุณชายฉันทัชยังนึกถึงความจะเป็นจะตายของเอวาได้อยู่เหรอ ฉันคิดว่าจำอะไรไม่ได้แล้วเสียอีก” อาคิระพูดอย่างเย้ยหยัน“ก็หลายวันแล้ว ที่เอวาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ยอมรับเคมีบำบัด ฉันสงสัยว่า ยังไม่ได้พยายามทำถึงที่สุดใช่ไหม…..”
“บางคำพูดก็พูดได้ แต่บางคำพูดก็พูดไม่ได้……” เสียงของฉันทัชทุ้มต่ำลงเล็กน้อย “ผมไม่ชอบวิธีการพูดคุยแบบนี้ คุณก็เข้าใจ……”
“ถ้างั้น คุณชายฉันทัชก็บอกผมว่าชอบวิธีการพูดคุยแบบไหน ผมคิดว่า ขอเพียงเป็นวิธีคุณชายฉันทัชที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร คุณก็ชอบทั้งนั้นแหละ” อาคิระเยาะเย้ย มุมปากตรงยิ้มเยาะ
สายตาที่มองมายังเขา มีการปิดบังคับแฝงอยู่ในนั้น ฉันทัชพูดขึ้นอีกครั้ง “ถ้างั้นผมก็จะบอกคุณ ความพยายามควรเป็นคุณหมอที่ควรพูด ไม่ใช่ผม”
“เอวาแต่งงานกับคุณมากี่ปีแล้ว หลายปีมานี้คุณดูแลเธอยังไง ตอนแรกมีแค่โรคหัวใจ แต่ตอน นี่โรคมะเร็งเต้านมเพิ่มมาอีก คุณชายฉันทัช คุณไม่รู้สึกผิดบ้างหรือไง”
ถ้วยกาแฟถูกโยนลงบนพื้น กาแฟไหลออกมา เสียงถ้วยดังชัดเจน ที่เศษแก้วที่แตกเป็นชิ้นๆ เพราะความโมโหของอาคิระเป็นเหตุ
“ฉันไม่มีความสามารถในการอดทนไปการควบคุมโรคได้ขนาดเหรอ คุณเชิดชูผมมากเกินไป ในเมื่อยืนอยู่ที่นี่แล้ว ก็อยากร่วมหาวิธีการการแก้ปัญหา ไม่ใช่มาฟังคุณเยาะเย้ยแบบนี้ ถ้าคุณสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ผมจะอยู่ต่อ ถ้าเอาสงบไม่ได้ ผมจะรีบออกไปทันที”
แต่อาคิระกลับไม่ฟัง “คุณกำลังข่มขู่ผมใช่ไหม”
“เปล่า แค่ว่ากันไปตามสถานการณ์เท่านั้น……” ฉันทัชอ้าปาก พูด “คนที่ป่วยคือเอวา คนที่ผมควรจะเกลี้ยกล่อมก็คือเอวา ผมควรอยู่ใกล้เพื่อรับฟังความคิดเห็นของเธอมากขึ้น แต่ไม่ใช่คุณ ไม่ใช่ของคุณ ต่อไปเมื่อโทรหาผม ผมอาจไม่ได้รับทุกสายนะ……”
เมื่อพูดจบ ฉันทัชก็คิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป จึงหันหลังหัน เดินจากไปโดยไม่ขออนุญาต
อาคิระโกรธมาก กองเปลวไฟนั้นมันพุ่งมาที่ศีรษะแล้ว เขาจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรไปหาคุณพ่อธนพงษ์ทันที
นิสัยลูกชายของเขาช่างเย็นชา และพูดอย่างไร้ความรับผิดชอบมากแบบนี้ พวกเขารู้บ้างไหม
ฉันทัชคิดว่าจะกลับไปที่โรงแรม แต่ระหว่างทางก็มีสายของคุณพ่อธนพงษ์ โทรเข้ามา ให้เขากลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลหฤทัยไพรุณหน่อย
คุณพ่อธนพงษ์กับคุณแม่ธันยวีร์กำลังนั่งทานผลไม้ อยู่ในห้องโถง เมื่อเห็นเขา ก็พูดว่า “ปู่กำลังรอแกอยู่ที่ห้องสมุด”
ฉันทัชปิดประตู ก้าวขายาวเข้าไป นั่งอยู่หลังโต๊ะ สวมแว่นสายตายาว กำลังนั่งอ่านหนังสือ เมื่อได้ยินเสียง ก็เงยหน้าขึ้น
“ปู่ครับ” เมื่ออ้าปากพูด ฉันทัชรู้สึกเกิดร้อนเล็กน้อย ดังนั้นจึงขยับมือ ถอดเสื้อโค้ทสีดำออก แล้ววางไว้บนข้อพับแขนของเขา
“อาการป่วยของเอวาแย่ลงเรื่อยๆ แกจะทำอย่างไร ฉันยังได้ยินจากพ่อแม่ของแก ว่าแกมีผู้หญิงคนอื่น” แม้ว่าคุณท่านจะมีผมหงอกเต็มหัว แต่กลับเต็มไปด้วยพละกำลัง
ฉันทัชเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ไม่พูดอะไร เทน้ำอุ่นสองแก้ว ยื่นให้คุณท่านแก้วหนึ่ง จากนั้นยืนขึ้น และจิบเบาๆ
“เรื่องของแกทีแรกฉันก็ไม่อยากยุ่งหรอก แต่มีเอวาเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยฉันจะไม่สนไม่ได้ ตระกูลหฤทัยไพรุณของเราเป็นหนี้บุญคุณตระกูลอนันต์ธชัยไม่น้อยนะ เป็นถึงหนี้ชีวิต พ่อแม่แกอยากชดใช้คืนแต่กลับทำอะไรไม่ได้ ฉันอยากชดเชยแต่ไม่รู้จะทำยังไงดี มีเพียงแค่แก ที่เอวาชอบแก ถ้าเอวาชอบคนแก่อย่างฉัน ฉันก็ยอมที่จะขอเธอเป็นภรรยา แถมแกยัง ……