ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 483 คุณกำลังสร้างความอยุติธรรมให้ใคร
“งั้นฉันจะถือว่าประโยคนี้เป็นคำชมแล้วกันนะคะ ที่จริงฉันไม่ได้คิดจะอยู่ที่นี่ ได้ยินมาว่าเมืองsมีชื่อเสียงในด้านทิวทัศน์ที่สวยงาม ส่วนใหญ่เป็นน้ำตกและหุบเขา ฉันชอบพวกเขามาก มันเป็นความลึกลับที่งดงามและเป็นธรรมชาติ เมืองsเป็นจุดแรกในการเดินทางของฉัน ที่ต่อไปคือเสฉวน หยูนหยาน ทุ่งหญ้าหูหลุนเป้ยเอ่อร์ พระราชวังโปตาลา” เมื่อพูดถึงแต่ละสถานที่ สายตาของเอวาก็เป็นประกาย
หลังจากคิดและลังเลสักพัก ยู่ยี่ก็พูด “ฉันรู้สึกว่าพระราชวังโปตาลาไม่ต้องไปหรอก ตรงนั้นขาดอากาศหายใจได้ง่าย ถ้าคุณหายใจไม่ออกขึ้นมาจะทำยังไง”
เอวาก็รู้สึกว่าจริง สุดท้ายเธอจึงหัวเราะออกมา “คุยกับคุณนี่สนุกจริงๆ”
ยู่ยี่รู้สึกว่าเอวาก็นิสัยไม่เลวเหมือนกัน
ตอนที่ฉันทัชเดินเข้ามา เขาก็มองไปที่ทั้งสองคนที่ยังพูดและหัวเราะด้วยความสงสัย คิวของเขาเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ ขายาวอันมีเสน่ห์ก้าวไปข้างหน้า วางแขนบนอ่างล้างจาน แล้วพูดเสียงนุ่ม “ดูพวกเธอจะมีความสุขมากนะ คุยอะไรกันอยู่หรอ”
“ความลับ” เอวาพูด ยู่ยี่กำลังผัดผัก จนทำให้กลิ่นหอมลอยออกมา เธอเงยหน้าขึ้นมายิ้ม “ฝีมือของเธอไม่เลว”
ฉันทัชยกยิ้มขึ้น และตอบเห็นด้วยเสียงเบา
อาหารเที่ยงครบครันมาก ยู่ยี่ทำกับข้าวหกอย่าง สามอย่างเป็นของอ่อน และอีกสามอย่างเป็นรสจัด เมื่อเตรียมจานเสร็จแล้วเธอจึงถาม “โก๋ล่ะ”
“กำลังเก็บเอกสารอยู่ในห้อง”
“เรียกเขามากินด้วยกันสิคะ ตอนที่คุณไม่อยู่ โก๋เอาแต่คิดถึงคุณ”
ฉันทัชขมวดคิ้ว นัยน์ตาของเขาเป็นประกาย “ช่างเขาเถอะ ถ้าเทียบกับเขา ผมอยากให้คุณคิดถึงผมมากกว่า…”
เอวายังอยู่ ยู่ยี่ไม่สามารถต้านทานพลังทำลายล้างของเขาได้ แก้มของเธอจึงแดงเล็กน้อย ก่อนจะชี้นิ้วไปแล้วพูด “เรียกโก๋มากินข้าว”
“ครับ…” เขายิ้มบางๆแล้วเดินออกไป
เมื่อเห็นฉากนี้เอวาก็ยิ้มขึ้นมา เธอรู้สึกซาบซึ้งใจมาก ตอนที่คบกับดาหวัน เธอยังไม่เคยเห็นเขามีความสุขขนาดนี้เลย
โก๋ดูกระอักกระอ่วนและอึดอัด เขารีบโบกมือไม่กล้านั่ง
ยู่ยี่เตรียมข้าวกับซุปไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อเธอเห็นท่าทางของโก๋เธอจึงขมวดคิ้วพูด “ขนาดคำพูดของฉันทัชคนที่คุณรักที่สุดพูดคุณยังกล้าไม่ฟังหรอ”
“ผม…ผม…ผมไม่ได้รักฉันทัช…คุณยู่ยี่อย่าพูดมั่วๆนะ…” โก๋พูดติดอ่างอย่างประหม่า และสายตาก็แอบเหลือบมองฉันทัชอย่างระมัดระวัง
“โอเค ฉันรู้แล้ว ลองดูท่าทางเคาะเขินของตัวเองสิ ถ้าฉันพูดอีกสองประโยคนายคงอายหน้าแดง”
ฉันทัชพูดตัดบท “ถ้าคุณเล่นแบบนี้ต่อไป ข้าวก็กินไม่ได้แน่ๆ…”
ยู่ยี่พยักหน้าอย่างเข้าใจ เธอมองโก๋ด้วยท่าทางเคร่งขรึม “ดูสิ คุณฉันทัชรักนายขนาดไหน กลัวนายหิว”
ฉันทัช “….”
โก๋ “…”
เอวา “……”
ทุกคนกินข้าวเที่ยงกันอย่างเอร็ดอร่อย ปกติเอวาไม่กินของเผ็ด แต่ครั้งนี้เธอชอบมาก เธอชอบเนื้อตุ๋นที่สุด
กินข้าวเสร็จทั้งสามคนก็ไปเมืองโบราณของเมืองs
หลายปีมานี้เมืองsพัฒนาไม่หยุด เมืองโบราณนั้นได้รับการบำรุงรักษาอยู่เสมอ ไม่ได้ทำเพื่อการค้า
เมื่อเดินมาได้สักพัก เอวาก็ชอบความสงบแบบนี้มาก เธอสามารถนั่งจิบน้ำชาข้างแม่น้ำได้ทั้งวัน
ตอนเย็นทั้งสามคนอยู่ที่คฤหาสน์ ฉันทัชอยู่กับยู่ยี่ ส่วนเอวาอยู่ห้องคนเดียว
ตอนนั่งกินน้ำในห้องนั่งเล่น เอวาบอกฉันทัชแล้วว่าเธออยากไปเที่ยว ไม่ได้คิดจะอยู่ที่นี่
ฉันทัชเงียบไปสักพักแล้วพูด “ผมไม่ปฏิเสธถ้าคุณจะไปเที่ยว แต่คุณน่าจะบอกอาคิระให้ดีก่อน รอให้เขาอนุญาตก่อน”
เอวาบอกว่า เขาไม่อนุญาต
“แต่คุณต้องได้รับการอนุญาตจากเขา ไม่อย่างนั้นผมก็ทำได้แค่บังคับคุณให้อยู่ที่นี่….” ฉันทัชพูดต่อ
เอวาไม่ได้พูดอะไรอีก เมื่อดื่มน้ำเสร็จเธอก็กลับห้องตัวเอง ฉันทัชก็กลับห้องตัวเองเช่นกัน ในขณะนั้นยู่ยี่กำลังดื่มนมอยู่
คู่รักข้าวใหม่ปลามัน ไม่เจอกันวันเดียวก็เหมือนไม่ได้เจอกันมาเป็นปี คำพูดเหล่านี้ใช้สำหรับอธิบายความรักอันแรงกล้าระหว่างชายหญิง ฉันทัชก็เธอจากด้านหลัง “ผมไม่รู้เลยว่าเธอจะกลับมากับผม”
ไม่รอให้เขาพูดจบ ยู่ยี่ก็พูดขัด “ฉันรู้แล้ว เธออธิบายให้ฉันฟังแล้ว”
“งั้นก็ดี เธอมัดมือชก ผมเลยไม่มีเวลาตอบโต้…”
ยู่ยี่พยักหน้าในอ้อมแขนของเขา เธอรู้สึกว่าความอ่อนโยนนั้นทำให้ร่างกายของเธออ่อนยวบไปหมด ทั้งอบอุ่น และสบายตัวมาก เธอหายใจอย่างพึงพอใจ
ไม่ได้เจอกันนานมาก ไม่แปลกที่จะอยากอยู่พลอดรักกัน
จากนั้นฉันทัชก็จูบที่ริมฝีปากของเธออย่างเร่าร้อนและเร่งเร้า “ขอได้ไหม”
“ฉันไม่รู้….”
“ผมอยาก ผมจะไม่ทำรุนแรง จะไม่ให้เกิดผลกระทบต่อลูกเด็ดขาด ได้ไหม…”
ยู่ยี่อดหัวเราะไม่ได้ “คุณรู้ด้วยหรอ”
เขาถอดเสื้อผ้าของเธอออกโดยไม่พูดอะไร
เกมรักดำเนินไปเป็นเวลานาน หลังจากผ่านไปแล้วฉันทัชก็ยังต้องการมันอีก แต่กลัวว่าร่างกายของเธอจะรับไม่ไหว เขาจึงรีบไปอาบน้ำเย็นเพื่อดับความกระหาย
เมื่อออกมาจากห้องน้ำก็มีเสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้น เขาเดินไปเปิดประตู คนที่มาคืออาคิระ
“นอนแล้ว” ฉันทัชพูดเสียงเรียบ
“เธอพูดกับนายยังไง”
“เธอไม่อยากรับเคมีบำบัด เธออยากไปเที่ยวคนเดียว ที่นี่เป็นที่แรกของเธอ” ฉันทัชใส่เสื้อคลุมอาบน้ำ และเอนหลังพิงโซฟา
อาคิระพูดต่อ “ไปเที่ยวนั้นไม่ได้แน่นอน นายโน้มน้าวเธอหน่อย”
ฉันทัชพูดอย่างเคร่งขรึมและจริงจัง “ฉันพยายามพูดอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่ฉันไม่มั่นใจ เธอมีความคิด มีขา ใครก็ห้ามเธอไม่ได้”
“ฉันทัช นายนี่มีความสามารถจริงๆ สามารถโน้มน้าวพ่อแม่ของนายได้ โดยที่ไม่สนใจเอวาเลย เอาแต่ใจตัวเอง แกมันไม่อยากรับผิดชอบ!”
ตอนนี้ยู่ยี่ที่อยากรู้อยากเห็นก็ออกมาด้วยเช่นกัน เธอใส่ชุดนอน “เกิดอะไรขึ้น”
เมื่อเห็นยู่ยี่ คิ้วของอาคิระก็คิ้วขมวดหนักขึ้น
ฉันทัชก็พูดตรงๆ “ฉันอยากคุยกับนายแบบปกติ แต่ท่าทางของนายตอนนี้คงคุยกันไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวฉันจะบอกอาการของเอวากับตัวเธอเอง คงไม่มีอะไรต้องคุยกับนายอีก”
ยู่ยี่เดินไปมองอาคิระ
เอวาได้ยินเสียงทะเลาะกันจนตื่นขึ้นมา เธอเดินออกมา พูดขอโทษทั้งสองคนแล้วหันไปพูดกับอาคิระ “คุณเข้ามา”
ในห้องเหลือเพียงแค่สองคน เอวาจ้องเขา “ฉันทัชกับฉันหย่ากันแล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นสามีภรรยากัน ทำไมต้องรับผิดชอบด้วย ไม่ต้องมาพูดถึงการใช้หนี้ หนี้บุญคุณอะไรทั้งนั้น”
“แต่ฉันทัชติดหนี้บุญคุณตระกูลอนันต์ธชัย ยังไงเขาก็ต้องชดใช้!” อาคิระไม่ฟังอะไรทั้งนั้น
“ฉันสงสัยจริงๆ คุณทวงบุญคุณให้ฉัน หรือรักษาความอยุติธรรมให้ดาหวันกันแน่!”
“เธอหมายความว่าไง”