ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 484 ความแตกต่างระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง
“ยังต้องให้ฉันอธิบายอีกหรอ ก็เหมือนที่พูดนั่นแหละ หรือจะบอกว่าคุณไม่เข้าใจ ยืมชื่อของฉันเพื่อทวงความยุติธรรมให้ดาหวันที่รักของคุณ และยังคงกดดันเขา เพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกประสบความสำเร็จ!”
เมื่อพูดจบเสียงตบก็ดังขึ้น เอวาถูกตบจนใบหน้าแดงเป็นรอยนิ้วมือ และคนที่กระทำในครั้งนี้ก็คืออาคิระ
“ทำไม ฉันพูดจี้ใจดำหรอ ถึงได้โกรธจนหน้าดำหน้าแดงแบบนี้” เธอปิดใบหน้าที่เจ็บปวดของตัวเอง ดวงตาของเอวาสว่างและเย็นชา “ดังนั้นอย่ อย่าใช้ความเห็นแก่ตัวของตัวคุณเองมากดดันฉันเลย คนอย่างเอวาไม่ชอบใช้ความรับผิดชอบของใคร! ตอนนี้คุณออกไปได้แล้ว”
“เอวา” อาคิระรู้สึกผิดเล็กน้อย
“ออกไป!” สีหน้าของเอวาเย็นชาและแข็งกร้าว
อีกด้านหนึ่ง
เรนนี่กลับมาที่คฤหาสน์ด้วยท่าทางแปลกๆ เพียงแค่คนรับใช้เรียกเธอจากด้านหลัง ก็ทำให้เธอตกใจกลัวจนตัวสั่น
“เดี๋ยวจะถึงเวลากินข้าวเย็นแล้ว คุณผู้หญิงต้องการกินอะไรไหมคะ”
เธอเพียงตอบรับว่าโอเคเท่านั้น
ตอนที่เธอตื่นขึ้นมา เธอเพราะว่าเธอได้นอนกับรัดเกล้า เสื้อผ้ากระจัดกระจายเต็มอยู่บนพื้น รวมถึงร่องรอยบนร่างกายของเธอก็พอจะอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้
เธอโกรธมากที่เมื่อวานเธอเลือกกินเหล้ากับรัดเกล้า!
รัดเกล้ายิ้มอย่างไม่สนใจ เขาบอกว่า เรื่องที่เกิดในวันนี้ เขาจะไม่เอาไปบอกคนในตระกูลภูษาธร ชฎารัตน์กับหัสดินจะไม่มีทางทนรับความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนได้ แต่ยังไงเขาก็มีความสัมพันธ์ไม่มาก พวกเขาไม่สนใจหรอก
เรนนี่รู้ว่าประโยคนี้คือเรื่องจริง นี่เป็นความแตกต่างระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง!
ถ้าเรื่องฉาวโฉ่เกิดขึ้นกับผู้ชาย เขาจะได้รับผลกระทบไม่มากนัก แต่สำหรับผู้หญิงแล้ว เธอจะโดนครหาตลอด ไม่ว่าจะพูดยังไง เธอก็จะโดนนินทาตลอดไป!
แต่เธอคาดว่ารัดเกล้าจะไม่พูดเรื่องนี้ออกไป!
เรนนี่พูดขู่รัดเกล้า แต่รัดเกล้าก็ยิ้มอย่างหยาบคาย “ผมจะบอกเรื่องนี้กับคนอื่นได้ยังไง สำหรับผู้หญิงแล้ว ผมรักและทะนุถนอมมาก สบายใจเถอะ”
เรนนี่กัดฟันด้วยความโกรธ แต่เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ตอนนี้จะพูดอะไรแล้วจะมีประโยชน์อะไร
ทุกคนนั่งล้อมโต๊ะอาหารเย็น ทุกคนอยู่กันอย่างพร้อมหน้า ในขณะที่เรนนี่กลับเงียบผิดปกติ เธอไม่พูดอะไร แม้แต่พูดทักทายก็พูดอย่างสงบ
หัสดินไม่สนใจเธอ แต่ไม่ได้พูดอะไร เขาทำเพียงแค่กินข้าวเย็น ท่าทางดูไม่ค่อยมีความสุข แสดงให้เห็นว่าความโกรธระหว่างทั้งสองคนยังไม่หายไป
ชฎารัตน์มองดูทั้งสองคน แต่จิบซุปไปด้วย เธอรู้สึกแปลกใจ ตอนนั้นทั้งสองคนคบกันยังไงนะ
“ช่วงนี้ได้ไปตรวจกับคุณหมอไอแซ็คบ้างไหม” ชฎารัตน์ถาม
หัสดินไม่ได้ตอบ ในขณะที่ช้อนในมือของเรนนี่แทบจะหล่นลงบนพื้น เธอรีบสงบสติอารมณ์
ตอนนี้เธอกับหมอไอแซ็คลงเรือลำเดียวกัน เขาไม่มีทางขายเธอแน่นอน
“แล้วก็ เธอท้องหรือไม่ท้องก็ไม่มีข่าว หรือว่าไม่ได้ไปตรวจ”
เรนนี่พูดว่า เธอไปตรวจกับคุณหมอปาร์กัวแล้ว ยังไม่มีข่าวว่าจะท้อง
“สองวันนี้ไปตรวจอีกรอบ ไปกันทั้งสองคนนั่นแหละ ก่อนที่หัสดินจะเป็นโรค จะต้องท้องให้ฉันให้ได้!”
เรนนี่ไม่ได้พูดอะไรออกมา การท้องไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ในช่วงที่ทั้งสองคนยังทะเลาะกันอย่างนี้ ตบมือข้างเดียวจะดังได้ยังไง
หัสดินก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน สภาพจิตใจของเขาแย่มาก
“หัสดิน สองวันนี้ไปโรงพยาบาลด้วย ไปตรวจร่างกายที่คุณหมอปาร์กัว” ชฎารัตน์พูดอย่างนั้น
หัสดินพยักหน้า แสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจแล้ว
เมื่อกินข้าวเย็นเสร็จ เธอก็ไม่มีอารมณ์ทะเลาะกับหัสดิน และไม่มีอารมณ์พูดอะไร จึงนอนหลับไป
เมื่อหัสดินตรวจเอกสารเสร็จก็กลับมาที่ห้องนอน สายตาของเขากวาดมองไปที่เรนนี่ และเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ จากนั้นก็พักผ่อน
สองวันมานี้เรนนี่ใจเย็นลงมาก เปลี่ยนไปเหมือนคนเมื่อก่อนหน้านี้ ไม่ได้เป็นคนโมโหร้ายอีก
เช้าวันถัดไป
ตอนเที่ยงหัสดินไปโรงพยาบาล ไปหาหมอไอแซ็คเพื่อจะตรวจร่างกายอีกครั้ง แต่คุณหมอไม่อยู่ เดินทางไปต่างจังหวัด
ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ตรวจร่างกาย และกลับไปที่บริษัท
เขาตรวจร่างกายกับหมอไอแซ็คมาหลายปีแล้ว นอกจากผลงานที่ยอดเยี่ยมของเขาแล้ว เขายังมีความรู้สึกไว้วางใจในตัวเขาด้วย
แถมสถานะของเขาในเมืองs ถ้าเรื่องเกี่ยวกับโรคของเขาหลุดออกไป ก็ไม่ใช่เรื่องดีแน่ อย่างมากก็จะทำให้ราคาหุ้นของบริษัทปั่นป่วนได้
เมื่อมาถึงบริษัท เขาก็บังเอิญเจอกับเรนนี่พอดี เรนนี่ซื้ออาหารเช้ามาแล้วพูดกับเขาว่า “อาหารเช้าของคุณฉันวางไว้ให้บนโต๊ะ”
เขาตอบรับเสียงเรียบ หัสดินพยักหน้า และเดินผ่านเธอไป
อารมณ์ของหัสดิน เรนนี่ก็พอจะเข้าใจดี ถึงเขาจะโมโหมากแค่ไหน เขาก็จะไม่ลงไม้ลงมือกับผู้หญิง
แน่นอนถ้าเธอบีบบังคับเขาจนถึงขีดสุด นั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เหมือนตอนนั้นที่เขาคิดว่ายู่ยี่ทำร้ายเด็ก และตอนนั้นที่ได้ยินคำพูดของเธอในคฤหาสน์
เมื่อเทียบกับความใจคดพวกนั้น นิสัยของแฟนเขาดีมากแล้ว เขาทะเลาะกับผู้หญิงน้อยมาก
เมื่อถึงเวลาเลิกงาน หัสดินไม่ได้กลับคฤหาสน์ แต่เขาไปผับ ดนัยก็อยู่เช่นกัน ทั้งคู่กะว่าจะดื่มเหล้าเล็กน้อย จากนั้นก็จะคุยกันเรื่องไปต่างประเทศ
ช่วงนี้ทั้งสองบริษัทกำลังร่วมลงทุนด้วยกัน และยังร่วมลงทุนกับบริษัทต่างประเทศ ช่วงนี้จึงต้องเดินทาง
….
เมื่อยู่ยี่ตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าก็เป็นเวลาเก้าโมงแล้ว นอกจากเอวาแล้ว ทุกคนในคฤหาสน์ก็ตื่นหมดแล้ว
เธอเดินไปที่ห้องของเอวา เรียกเธอแล้วหกครั้ง เคาะประตูแล้วหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับมา
เธอจึงรีบไปหาฉันทัช เมื่อหากุญแจได้แล้วจึงเปิดประตูเข้าไป
ภายในห้องเรียบร้อยมาก สะอาด ผ้าห่มก็ถูกพับอย่างเรียบร้อย โดยไม่เห็นแม้แต่เงาของเอวาเลย
คิ้วของฉันทัชกระตุกเล็กน้อย เขารีบโทรหาเอวา แต่สิ่งที่ตอบกลับมาเป็นเสียงอัตโนมัติ
จากนั้นอาคิระก็มาเช่นกัน และก็เห็นสถานการณ์ตรงหน้า
ยู่ยี่เห็นจดหมายสองฉบับวางไว้บนโต๊ะ ฉบับหนึ่งเขียนให้ฉันทัช และอีกฉบับหนึ่งให้อาคิระ เธอจึงหยิบทั้งสองฉบับไปให้ทั้งคู่
เมื่ออ่านจดหมายแล้วฉันทัชก็โทรหาโก๋ ให้โก๋ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเอวา ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ เครื่องบิน รถไฟฟ้า ต้องตรวจสอบทั้งหมด
ส่วนอาคิระก็โกรธมาก เขาโยนจดหมายทิ้ง “แล้วแต่!”
ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ได้แล้ว เมื่อวานเธอยังพูดอย่างนั้นกับเขา!
โก๋ยังคงหาข่าวอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่เจอเขาอะไร เพียงแค่เอวาซื้อตั๋ว ข้อมูลก็จะส่งมาที่เขาทันที
ยู่ยี่ให้ฉันทัชออกไปตามหา แต่เมื่อคิดดูแล้วเธอคิดว่าไปด้วยกันดีกว่า
แต่หามาทั้งวันแล้วก็ไม่ได้ข่าวดีอะไรเลย มีแต่จะทำให้ทั้งสองคนหมดแรง