ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 487 ดูเหมือนว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น
สิ่งนี้ไม่สามารถเขย่าใจหัสดินได้แม้แต่น้อย
เมื่อเห็นเป็นแบบนี้ ความโกรธและความขับข้องใจที่เรนนี่อดทนหลายปีก็ปะทุขึ้น “คุณไม่ได้เกลียดฉันที่ฉันหลอกคุณ! คุณเกลียดที่ไม่สามารถไปจีบยู่ยี่ต่อไปได้ต่างหาก! ถ้าฉันหลอกคุณแล้วจะทำไม ฉันจะไม่มีทางให้คุณกับเธอได้อยู่ด้วยกัน ฮ่าฮ่าฮ่า รู้สึกเป็นยังไงบ้าง”
เสียงหัวเราะนั้นได้กระตุ้นหัสดิน ดวงตาของเขาแดงก่ำ ก่อนจะยกมือขึ้นตบหน้าเธอจนหันไปด้านข้าง
เธอกระอักเลือดออกมา และดูเหมือนจะบ้าแล้ว “ฉันจะทำให้คุณไม่ได้ดั่งใจปรารถนา! เด็กที่เธอท้องอยู่ก็ไม่ใช่ลูกของคุณ คุณรู้ไหม สีหน้าของคุณในตอนนี้น่าสนใจมาก”
หัสดินยกมือขึ้นมาตบหน้าเธออีกครั้ง ร่างกายของเขาแข็งเกร็งราวกับหิน โดนกระตุ้นจนแทบบ้า
เขาไม่เคยโกรธขนาดนี้มาก่อน นี่เป็นครั้งแรก และครั้งเดียว!
“คุณตบฉัน! วันนี้คุณคิดจะตบก็ตบฉันให้ตาย! ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไร้เดียงสา ถ้าตอนนั้นคุณไร้เดียงสาจริง คุณจะขึ้นเตียงกับฉันได้ยังไง คุณคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่ทุ่มเทขนาดนั้นจริงๆหรอ คุณไม่รู้สึกอะไร แต่ฉันรู้สึกน่าขยะแขยง!”
หัสดินเคลื่อนไหวมากขึ้น และในขณะเดียวกันก็บีบคอเธอหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เรนนี่หายใจไม่ออก จนต้องไอออกมา
เธอรู้สึกว่าถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เธออาจจะตายได้
ดังนั้นเธอถึงเพิ่งจะรู้สึกกลัว เธอรีบขอโทษด้วยน้ำตาเต็มใบหน้าของเธอ “ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดไปแล้ว หัสดินฉันผิดไปแล้ว ปล่อยฉันไปเถอะ!”
เธอยังไม่อยากตาย เธอยังไม่อยากตาย ความรู้สึกนี้น่ากลัวเกินไป
ชฎารัตน์เดินผ่านหน้าประตู ได้ยินเสียงร้อง และตะโกนจากด้านใน เธอจึงขมวดคิ้วและมองไปที่ประตูห้องที่ไม่ได้ปิด จากนั้นก็ดันประตูแล้วเดินเข้าไป
แต่ใครจะไปรู้ ทันทีที่ก้าวเข้ามา เธอก็เห็นฉากนั้นต่อหน้าต่อตา!
ตั้งแต่เล็กจนโต ชฎารัตน์ไม่เคยเห็นหัสดินในลักษณะนี้มาก่อน เธอก็รู้สึกกลัวเหมือนกัน
เธอไม่สามารถปล่อยให้เขาทำอย่างนี้ต่อไปได้ จึงรีบเดินเข้าไปตักเตือน และดึงเขาออกมา แต่เมื่อทำอะไรไม่ได้จึงต้องลงมาเรียกคนใช้ขึ้นไปช่วย
คนกลุ่มใหญ่ใช้ความพยายามอย่างมากในการแยกทั้งสองออกจากกัน
แก้มซ้ายและขวาของเรนนี่บวมและมีรอยฝ่ามือชัดเจนมาก มีจุดสีเขียวและสีม่วงที่คอ แสดงว่าโดนตีมาแรงมาก
เธอรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งตัว รีบวิ่งเข้าไปกอดชฎารัตน์ เธอไม่กล้าที่จะอยู่ในห้องเดียวกันกับหัสดินอีก
เธอคิดเสมอว่าหัสดินเป็นผู้ชายที่ไม่ลงมือกับผู้หญิง แต่เมื่อผ่านประสบการณ์ในคืนนี้ ทุกอย่างก็ได้บอกกับเธอว่าเธอคิดผิด คิดผิดไปมาก!
หัสดินที่โกรธจัดสามารถทุบตีคนจนตายได้!
ชฎารัตน์ให้คนใช้พาเรนนี่ออกไปที่ห้องถัดไป ในขณะที่เธอยังอยู่ในห้อง
เหลือเพียงสองคนในห้องนั้น ชฎารัตน์ถามหัสดิน ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงโกรธขนาดนี้ โกรธจนสามารถฆ่าคนให้ตายได้!
สีหน้าของหัสดินแย่มาก เขาไม่พูดอะไร แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ต้องการจะพูด
ชฎารัตน์ไม่ได้ออกไป เธอรออีกสักพัก ก่อนที่หัสดินจะพูด “ผมอยากอยู่คนเดียว”
ชฎารัตน์จึงดันประตูออกไปโดยไม่ถามอะไรอีก
เรนนี่ที่อยู่ในห้องถัดไปตกใจกลัวมาก ตอนนี้ก็ยังไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้ ต้องนอนลงบนเตียงและกอดผ้าห่มแน่นถึงจะรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาบ้าง
เธอยังรู้สึกไม่ค่อยเข้าใจ ทำไมเรื่องนี้ถึงถูกเปิดเผยออกมาได้
หรือหมอไอแซ็คจะพูด แต่เธอก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้ เขาปิดบังมันอยู่ จะไปบอกหัสดินได้ยังไง
ถ้าอย่างนั้นมันเกิดปัญหาตรงไหน
แถมหลังจากวันนี้ไป หัสดินจะปฏิบัติตัวต่อเธอยังไง จะหย่ากับเธอไหม
เป็นไปไม่ได้! กว่าเธอจะมาถึงวันนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอจะไม่มีวันยอมเด็ดขาด แค่คิดก็ไม่อยากจะคิด!
แต่ร่างกายของเธอเจ็บปวดจริงๆ เรนนี่ไม่สามารถขยับตัวได้ จึงได้แต่นอนในท่าเดิม
เช้าวันรุ่งขึ้น
ฉันทัชไปที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เขาบอกว่าอยากเลือกของให้ลูก
ยู่ยี่รู้สึกว่าเขารีบร้อนเกินไป ตอนนี้ท้องเธอยังไม่โตเลยด้วยซ้ำ เขาจะซื้อของพวกนั้นไปทำไม
แต่ฉันทัชก็ดึงดันมาก เขาบอกต้องไปห้างให้ได้ และบอกกับเธอยังชอบถามว่า เธอไม่สามารถขัดขวางความสุขของการเป็นพ่อของเขาได้
“คุณใส่ใจลูกมากขนาดนี้ แล้วแม่อย่างฉันล่ะ จะได้รับการดูแลเอาใจใส่ยังไง” ยู่ยี่เหล่ตามองเขา
ฉันทัชหยุดเดิน หันกลับมาพูดกับเธอด้วยรอยยิ้ม “มันบอกผมสิ แม่ของลูกต้องการให้ดูแลเอาใจใส่ยังไง”
“ตอนนี้ฉันยังคิดไม่ออก แต่ถ้าคุณไม่แสดงออกก็แสดงว่าไม่ใส่ใจ ดังนั้นคุณต้องคิดด้วยตัวเอง ถ้าไม่ตรงใจฉันฉันก็ไม่เอา!”
ฉันทัชฟังแล้วหัวเราะออกมาเบาๆจากอก นิ้วยาวจับแก้มของเธอ ตั้งแต่เธอท้อง ผิวของเธอก็เรียบเนียนและนุ่มขึ้น ทำให้เขาอดสัมผัสไม่ได้ “ไม่มีคำใบ้เลยหรอ”
“ไม่มีเลย” เธอตอบเสียงเรียบมาก “คุณเป็นคนใจดีมากไม่ใช่หรอ ฉันเคยอ่านเจอจากหนังสือเล่มหนึ่ง มีแต่ผู้ชายที่มีประสบการณ์ทางอารมณ์เท่านั้นถึงจะจิตใจดี อ่อนโยน และเอาใจใส่ได้”
เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยและยิ้ม “คุณเจอมาจากหนังสือเล่มไหน”
“คุณจะอยากรู้ไปทำไม ตราบใดที่มันอยู่ในหนังสือ แสดงว่ามันมีเหตุผลแน่นอน” ยู่ยี่ตอบอย่างเง้างอนเล็กน้อย “แต่งงานมาแล้วสองครั้ง ฉันว่าคงคบมากับผู้หญิงมากหน้าหลายตาเหมือนกัน”
เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาล้ำลึก และคำพูดก็ลึกซึ้งราวกับหมึกสีดำ “ผมไม่ได้มีประวัติความรักโชกโชนขนาดนั้น เพียงแค่แต่งงานสองครั้งเท่านั้น”
ยู่ยี่อ้าปาก “สองครั้งเรียกว่าน้อยหรอ”
“หรือจะเป็นสามครั้งดี พวกเราแต่งงานกันไหม” ฉันทัชรีบคว้าโอกาส
“ไม่ ถ้าสุดท้ายเราหย่ากันขึ้นมาล่ะ ฉันก็กลายเป็นแม่หม้ายสองครั้ง สถานการณ์ของผู้ชายกับผู้หญิงมันต่างกันนะ”
ทันใดนั้นฉันทัชก็หัวเราะเบาๆ “คุณหึงหรอ”
ยู่ยี่กระแอมเบาๆโดยไม่พูดอะไร พร้อมยกเท้าเดินไปข้างหน้า เมื่อเดินไปได้ไกลแล้วเสียงเธอจึงดังออกมา “ช่วงนี้คนท้องมีอารมณ์แปรปรวน อย่าแกว่งเท้าหาเสี้ยน…”
ชายร่างสูง ขายาว ด้วยขนาดก้าวที่กว้างกว่ามากทำให้เขามายืนอยู่ข้างเธอได้อย่างรวดเร็ว เขากลมหน้าลงกระซิบข้างแก้มของเธอด้วยน้ำเสียงมีความสุข “ปกติถ้าไม่มีเรื่องอะไร คุณหาเรื่องหน่อยก็ได้…”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นยู่ยี่ก็แอบพึมพำ เธอไม่ได้บ้า ทำไมต้องหาเรื่องทั้งทั้งที่ไม่มีเรื่องด้วย
“คุณเป็นมาโซคิสม์หรอ”
ฉันทัชหัวเราะเบาๆโดยไม่ได้พูดอะไร พลางแอบคิดในใจว่ามาโซคิสม์แนวนี้ ทำไมจะมีไม่ได้
เมื่อมาโซนของใช้เด็กเป็นครั้งแรก ใบหน้าที่ดูเป็นผู้ใหญ่ของเขาก็มีความประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
ยู่ยี่ไม่รู้จะซื้ออะไรดี เธอจึงมองไปเรื่อย
ในขณะที่เธอยังคงสบายและเพิกเฉย ฉันทัชกลับเป็นคนที่ใส่ใจมาก ตั้งแต่เสื้อผ้าจนถึงรองเท้า ทุกอย่างเขาดูด้วยความใส่ใจ
พนักงานขายหน้าแดงเล็กน้อย พยายามแนะนำของทีละอย่าง ทั้งวัสดุ ความนุ่ม และบอกว่ามันจะไม่ทำร้ายเด็ก
โตมาขนาดนี้แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ได้มาเดินซื้อของในสถานที่แบบนี้ ฉันทัชแปลกใจมาก สีหน้าของเขาจึงจริงจังอย่างเห็นได้ชัด
ผู้ชายที่จริงจังมีเสน่ห์และน่าดึงดูดที่สุด ทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อมือใหญ่หยิบเสื้อผ้าเล็กขึ้นมาสังเกต โดยไม่มีความรู้สึกขัดขืนเลย
เมื่อพนักงานบอกว่าเป็นสินค้าที่ดี มีประโยชน์ต่อลูก เขาก็จะเลือกมันไป
จนเมื่อยู่ยี่หันหน้ากลับมาด้วยความเบื่อหน่าย เธอก็เห็นว่าบนรถเข็นเต็มไปด้วยข้าวของทั้งสามคัน เธอรู้สึกตกตะลึง และรีบดึงเสื้อสูทของชายหนุ่ม “ทำไมซื้อเยอะขนาดนี้ เพศของลูกคุณยังไม่รู้เลย แบบนี้ไม่เปลืองเงินเกินไปหรอ แถมเสื้อผ้าแบบนี้เด็กสามขวบขึ้นไปถึงจะใส่ได้ เสื้อขนฟูก็ไม่ดี มันจะดูดเหงื่อ ทำให้ลูกเป็นหวัด”
ฉันทัชหันมามองเธอด้วยดวงตาคมเข้ม “คุณรู้ได้ยังไง”
“ฉันเคยมาซื้อกับหัสดิน…” เธอรู้สึกว่าตัวเองพูดไม่ถูก เธอจึงหยุดพูดไม่พูดต่อ
มีอารมณ์ขึ้นๆลงๆบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา ไม่เข้มแล้วก็ไม่อ่อนโยน ก่อนเขาจะขยับปากพูดด้วยรอยยิ้มบางๆว่า “นั่นเป็นเมื่อก่อน เป็นอดีตไปแล้ว”
ยู่ยี่ส่งยิ้มออกมา แล้วกอดแขนเขา “โอเค งั้นคุณอยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย ต่อไปถ้าลูกสาวหรือว่าลูกชายของคุณไม่ชอบของที่คุณเลือก คุณอย่ามาพึ่งฉันแล้วกัน”
ฉันทัชยิ้ม โอบมือใหญ่ไว้รอบเอวของเธอ แล้วหรี่ตาพูด “ผมชอบคำเรียกนั้นของคุณ…”
“ลูกชายหรือว่าลูกสาวของคุณ….” ยู่ยี่รู้ว่าเขาชอบฟังอะไร
“ใช่ เพิ่มไปอีกหนึ่งประโยคก็ได้ แม่ของลูกชายหรือลูกสาวของผม…” ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
อาคิระบังเอิญผ่านมาเห็นทั้งสองคน เขาก็ขัดหูขัดตาจนต้องหายใจอย่างรุนแรงทันที
โซนของใช้เด็ก
หึหึ อย่าบอกนะว่าผู้หญิงคนนั้นท้อง
อาคิระไม่ชอบสงสัย ดังนั้นเขาจึงโทรถามคุณแม่ธันยวีร์ทันที
คุณแม่ธันยวีร์ยังคงรู้สึกผิดกับเขา เมื่อเขาถามคำถามแบบนี้ เธอจึงตอบตามความจริง ท้องจริงๆ
เมื่อวางสายความโกรธของอาคิระก็ยิ่งมากขึ้น เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออก สีหน้าเปลี่ยนไป และวิ่งเดินออกไปข้างนอกจนชนคนมากมายระหว่างทาง
ผู้คนต่างมองเขาเหมือนเขาเป็นคนบ้า คิดว่าเขาเป็นคนบ้าจริงๆ
แต่ท่าทางของอาคิระก็เหมือนกำลังเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น….
ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ ไม่อย่างนั้นเขาจะตระหนกและโกรธขนาดนี้ได้ยังไง
อีกด้านหนึ่ง
ถึงเวลาอาหารเช้า เมื่อได้ยินว่าหัสดินไม่ได้ลงมาข้างล่าง เรนนี่จึงตัดสินใจมากินอาหารเช้า
ทันทีที่เธอนั่งลง หัสดินก็ลงมา จนทำให้เรนนี่อดตัวสั่นไม่ได้ เธอยังคงกลัวฉากเมื่อคืนนี้อยู่
ชฎารัตน์ให้หัสดินกินอาหารเช้า แต่เขาไม่กิน และเดินออกไปนอกคฤหาสน์
ชฎารัตน์ถามเรนนี่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
แต่เรนนี่ไม่ตอบ เธอเอาแต่ก้มหน้ากินข้าว คำพูดพวกนั้นไม่สามารถพูดออกมาจากปากเธอได้ ไม่อย่างนั้นชฎารัตน์ก็จะยิ่งโกรธเธอ
ถึงคำพูดพวกนั้นจะได้ยินจากปากหัสดิน แต่ก็จะไม่มีทางได้ยินจากปากเธอเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นชฎารัตน์ก็จะมีแต่ดูถูกเธอเรื่อยๆ