ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 488 เด็กคนนี้มาทันเวลา
ถึงคำพูดพวกนั้นจะได้ยินจากปากหัสดิน แต่ก็จะไม่มีทางได้ยินจากปากเธอเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นชฎารัตน์ก็จะมีแต่ดูถูกเธอเรื่อยๆ
ขณะรับประทานอาหารเช้า หัสดินก็โทรมา เรนนี่ลังเลอยู่นานก่อนจะรับสาย “เมื่อไหร่ฉันจะมีเวลาไปอำเภอ…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ถึงจะพูดออกมาแค่ประโยคเดียว เรนนี่ก็รู้อยู่ในใจทันที เธอจึงตอบเพียงว่า ไม่ไป และวางสาย
คิดจะหย่าหรอ อย่าได้แม้แต่จะคิด ไม่ต้องคิด!
ในขณะที่กัดฟันด้วยความโกรธอยู่ ชฎารัตน์ก็นำซุปไก่มาให้ ข้างบนมีชั้นน้ำมันลอยอยู่ เรนนี่ไม่อยากอาหาร เธออิ่มแล้วจึงถามว่า “มีอาหารเช้าเปรี้ยวๆไหม หนูอยากกินอะไรเปรี้ยวๆ”
เมื่อพูดคำนี้ออกมา อารมณ์ของชฎารัตน์ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “หรือว่าเธอจะท้อง”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นร่างของเรนนี่ก็สั่นขึ้นมา ถ้าเธอท้องตอนนี้ ถึงหัสดินจะอยากหย่า ชฎารัตน์ก็ไม่มีทางยอม และทางกฏหมายก็ไม่มีทางอนุมัติแน่นอน ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกดีใจขึ้นมา
ท้องหรอ เด็กคนนี้มาได้ทันเวลาพอดี
แต่เธอก็คิดเพียงแค่ภายนอก ไม่ได้คิดลึกลงไป ว่าเด็กที่ท้องอยู่นี้เป็นลูกของหัสดินหรือ…
ชฎารัตน์พูดข้างๆอีกว่า “เดี๋ยวไปตรวจหน่อย ว่าได้ท้องจริงไหม”
เรนนี่พยักหน้า แสดงว่าตัวเองเข้าใจแล้ว เรื่องนี้ต้องตรวจสอบจริงๆ…
สามารถพูดได้เต็มปากว่าซื้อของมาเต็มบ้าน ซื้อของมาเยอะมาก จนต้องขนมาเต็มท้ายรถ และยังมีแนวโน้มว่าจะไปซื้อมาเพิ่มอีก แต่ดีที่เธอห้ามไว้ อพาร์ทเม้นต์เล็กเกินไป ถ้าซื้อเยอะแล้วจะเก็บเอาไปไว้ไหน
ยู่ยี่ไม่เคยรู้มาก่อนว่า ตอนที่เขาเริ่มซื้อของ…จะบ้าขนาดนี้
ขนาดรถเข็นของลูกก็ซื้อถึงสามคัน แม้แต่สีหรือสไตล์ก็ไม่เหมือนกัน และเสื้อผ้าก็เยอะแยะจนเต็มตู้
เมื่อมองท่าทางนั้น ยู่ยี่ก็ได้แต่ขมวดคิ้ว และนั่งถือนมอยู่บนเตียงเงียบๆ
ฉันทัชซื้อเสื้อผ้าเยอะมาก และเขาทำมันด้วยตัวเอง เขาสวมแค่เสื้อสเวตเตอร์คอวีสีเทา ซึ่งทำให้แผ่นหลังของเขาดูหนาขึ้น ขาซ้ายของเขายกสูง ขาขวาวางต่ำ มือซ้ายสอดเข้าไปในกางเกงขายาวสีดำ ส่วนมือขวากำลังจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติและมีเสน่ห์
เมื่อผู้ชายทำงานบ้าน ความรู้สึกที่ได้รับจะแตกต่างกันมากเมื่อเปรียบเทียบกับผู้หญิง
ยู่ยี่ไม่ส่งเสียง ไม่รบกวนเขา ปล่อยให้เขาทำตามใจ และเอียงศีรษะมองเขา
เขาไม่ได้หันหลังกลับมา แต่รู้สึกว่าตาทั้งสองข้างกำลังมองเขาอยู่ “คุณกำลังมองอะไร”
“ฉันไม่รู้มาก่อน แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าคุณเป็นพ่อบ้านที่ดี” ยู่ยี่ชมเขาหลังจากจิบนมหนึ่งคำ
“ยังไม่สายเกินไปที่จะรู้ในตอนนี้…” ฉันทัชแตะเสื้อผ้าด้วยมือที่หยาบกร้านของเขา และหันหน้าไปยิ้ม “เสื้อผ้านุ่มมาก ผิวของทารกแรกเกิดนุ่มมั้ย”
ยู่ยี่พยักหน้า “ผิวในช่วงนั้นนุ่มนวล และน่าสัมผัสที่สุด”
ฉันทัชคิดอยู่ครู่หนึ่ง ใบหน้าของเขาชัดเจนและดูจริงจัง ก่อนจะถามว่า “มือของผมจะทำให้เด็กรู้สึกไม่สบาย หรือทำให้เด็กรู้สึกเจ็บไหม”
พูดตามตรงยู่ยี่รู้สึกว่าฉันทัชโง่เล็กน้อยในตอนนี้ แต่มันก็ทำให้เธอชอบมาก…
“ทารกสวมเสื้อผ้า และมือของคุณไม่ใช่เคียว จะทำให้เขารู้สึกเจ็บได้ยังไง” ยู่ยี่ยิ้ม
“ผมเหนื่อยกับความรู้ในเรื่องนี้มาก ผมคิดว่าผมต้องปรับปรุงจริงๆ…”
ยู่ยี่ “…”
ในตอนแรก หลังจากที่หัสดินทราบข่าวการตั้งท้องของเธอ ความนิยมก็อยู่ได้ไม่เกินเวลาสามวัน และเขาก็ทำให้เธอรู้สึกถึงความคาดหวัง ความรัก และการต้อนรับการมาของลูกจริงๆ
เธอคิดว่าเด็กในท้องของเธอคงโชคดีมากจริงๆ
ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะสัมผัสได้ ถึงได้เปลี่ยนความยากลำบากของลูกคนก่อนให้มาเป็นความสุขมอบให้เด็กคนนี้…
เธอสัมผัสท้องของเธอโดยไม่รู้ตัว ยู่ยี่ก้มศีรษะลงและรู้สึกอบอุ่นในใจ “ลูก ลูกรู้มั้ยว่าลูกโชคดีมาก ที่มีพ่อแบบนี้…”
บางครั้งผู้ชายก็ต้องการคำชมและรางวัล ผู้หญิงไม่ควรตระหนี่เกินไป ควรชมเมื่อเขาทำตัวได้รับคำชม
ประโยคดังกล่าวทำให้ฉันทัชซึ้งใจ เขาหันกลับมาแล้วเอาแขนโอบกอดเธอไว้ “นี่เป็นคำรักที่สวยงามที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา ตลอดหลายสิบปี…”
“นี่!” ยู่ยี่ตบหน้าอกเขาอย่างโกรธเคือง “นี่ไม่ใช่คำบอกรักนะ ลูกของคุณยังคงฟังอยู่นะ!”
ฉันทัชหัวเราะเบาๆ กอดเธอแน่น และถอนหายใจด้วยความพอใจ ยินดีที่ได้พบเธอ…
ทั้งสองคุยกันอย่างอ่อนหวาน และทันใดนั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป็นของฉันทัช เมื่อเขารับสาย สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
ยู่ยี่มองเขาด้วยความประหลาดใจ “มีอะไร”
“เกิดเรื่องกับเอวา ผมต้องรีบไปเดี๋ยวนี้…” เขาปล่อยมือ และหยิบเสื้อคลุมที่ไม้แขวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
หัวใจของเธอก็สั่นสะท้าน ยู่ยี่พูดว่า “ฉันจะไปกับคุณ”
ฉันทัชปฏิเสธอย่างเด็ดขาด และวางมือบนไหล่ของเธอ “อย่าให้ผมต้องกังวล โอเคไหม”
เมื่อมองไปที่อารมณ์ของเขา ยู่ยี่ก็พยักหน้า และช่วยเขาจัดคอเสื้อ “คุณไปอย่างสบายใจเถอะ ฉันจะอยู่ที่นี่รอคุณกลับมา ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณกังวล”
เขาโน้มตัวแนบริมฝีปากร้อนบางลงบนหน้าผากของเธอ จูบเบาๆ แล้วจากไป
ยู่ยี่ยังคงกังวลเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงโทรหาโก๋ และให้เขาตามเขาไป จะได้ดูแลเขาได้ระหว่างทาง
คืนนั้นฉันทัชออกไปทั้งคืน
เรนนี่ตรวจแล้ว เธอท้องจริงๆ ข่าวนี้ทำให้เธอตื่นเต้นมากจนแทบจะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
เป็นผลให้เธอจงใจมอบมันให้กับชฎารัตน์
ชฎารัตน์พูดด้วยความดีใจ “หาเวลาไปตรวจที่โรงพยาบาลเถอะ ใส่ใจเรื่องการกินอาหารและพักผ่อนให้เพียงพอด้วย”
เรนนี่ตอบตกลง ตอนนี้เธอถึงเพิ่งเข้าใจคำว่า ลูกมีค่าสำหรับแม่!
หลังจากนั้นชฎารัตน์ก็โทรหาหัสดินทันที เมื่อเธอบอกข่าวนี้ หัสดินก็ไม่ได้มีปฏิกิริยามากนัก เขาฟังอย่างสงบ
นี่คือปฏิกิริยาที่แท้จริงของหัสดิน เขาไม่ได้รู้สึกดีใจมากนัก ไม่รู้เพราะอะไร
หลังจากหัสดินกลับมาถึงบ้าน เขาก็ขึ้นไปนอนที่ห้องข้างๆ เรนนี่คิดจะขึ้นไปคุยกับเขา แต่คิดไปคิดมาเธอก็ไม่ไปดีกว่า
ไม่ว่าจะยังไง ทั้งสองก็ไม่สามารถหย่ากันได้แล้ว!
เช้าวันถัดไป
ในระหว่างอาหารเช้า ชฎารัตน์ขอให้หัสดินพา เรนนี่ไปตรวจที่โรงพยาบาล แต่หัสดินบอกว่าเขาไม่มีเวลา บริษัทมีการประชุมกับสหรัฐอเมริกาในวันนี้ ช่วงนี้เขาดูสุขุมมาก ดูไม่อยากจะพูดสักเท่าไหร่
กิจการของบริษัทไม่สามารถล่าช้าได้ ชฎารัตน์จึงให้เขาไปทำงาน เธอจะพาเรนนี่ไปโรงพยาบาลเอง
แม้จะมีความไม่พอใจอยู่ในใจ แต่เรนนี่ก็ไม่พูดอะไรออกมา ยังไงเธอก็ยังอยู่ในสงครามเย็นกับหัสดิน
เธอไม่ได้ไปโรงพยาบาลของหมอไอแซ็ค หลังจากเรื่องนั้นผ่านไป หมอไอแซ็คก็ถูกหัสดินทำให้ออกจากเมืองs
ผลลัพธ์ดังกล่าวทำให้เรนนี่ต้องถอนหายใจ สำหรับเธอผลลัพธ์แบบนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด
และไม่หัสดินก็รู้แผนการนั้นของเรนนี่แล้ว เธอไม่ชอบเธอมาตั้งแต่แรก หลังจากรู้เรื่องนั้น ชฎารัตน์ก็ยิ่งรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงช่างวางแผน
แต่พอตอนนี้เธอยังท้องอยู่ ก็ต้องทนกันต่อไป
เมื่อไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอบอกว่าระยะเวลาสั้นเกินไปจึงไม่สามารถตรวจเจออะไรได้ ยังต้องรออีกสักพัก เมื่อคิดถึงระยะเวลาแล้ว เขาบอกว่าเธอท้องได้ประมาณสิบวันเท่านั้น
เรนนี่ลองคิดดูถึงระยะเวลาสิบวัน ก่อนจะรู้สึกสั่นขึ้นมาในใจ
หากคำนวณตามเวลานี้ ตอนนั้นเธอขึ้นเตียงกับหัสดิน และเช้าวันต่อมาเธอก็ไปนอนกับรัดเกล้า
เพราะเธอต้องการจะท้องลูกของหัสดินให้เร็วที่สุด เธอจึงไม่ได้กินยาคุมกำหนด เมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนี้ จึงไม่รู้ว่าเป็นลูกของใครกันแน่!
เธอรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เธอเกือบลืมเรื่องของรัดเกล้าไปแล้ว เมื่อคิดอย่างนี้ เธอก็ยิ่งรู้สึกหวัดกลัวและตื่นเต้นมากขึ้น
แต่เธอก็คิดว่าเรื่องคงไม่เลวร้ายขนาดนั้น วันก่อนหน้านั้นเป็นหัสดิน และวันต่อไปเป็นรัดเกล้า อาจจะเป็นของหัสดินก็ได้!
เธอปลอบตัวเองอย่างนี้ในใจ!
เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ว่าเด็กจะเป็นของใครก็ไม่สามารถเอาออกได้
แต่เธอคิดว่า โชคของเธอไม่ได้แย่ขนาดนั้น มันจะเป็นของรัดเกล้าได้ยังไง เธอไม่เชื่อหรอก!
ชฎารัตน์ยังคุยอยู่กับหมอเรื่องสิ่งที่ต้องระวัง ไม่ได้สนใจเธอ จึงมองไม่เห็นท่าทางสับสนของเธอ
เรนนี่รู้สึกไม่สบายใจมาตลอดทาง เธอคิดว่าเธอจะเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้ ไม่ช้าก็เร็วเรื่องเธอท้องยังไงก็ถูกเปิดเผย
ระหว่างทางเธอบังเอิญเห็นยู่ยี่ในรถเมล์ จึงขมวดคิ้ว เธอไม่อยากเห็นผู้หญิงคนนี้จริงๆ
บริษัทก็ไม่ต้องไป หน้าที่ของเธอตอนนี้ก็คืออยู่บ้านเลี้ยงลูก เรนนี่คิดอย่างนี้ว่าเธอไม่ใช่ไม่อยากขยับ แต่ตอนนี้เธอแค่ไม่อยากขยับเท่านั้น
ชฎารัตน์บอกว่าถึงเธอจะท้องก็ต้องออกกำลังกาย มันจะดีต่อร่างกาย ทำงานหน่อยก็ไม่เป็นไร
เรนนี่รู้สึกว่าคนคนนี้น่ารังเกียจมาก นอกจากจะน่ารำคาญแล้ว ยังพาไปเจอหัสดินที่บริษัท หน้าเธอเขาก็ไม่อยากจะมอง เขารีบเดินนำผู้บริหารชั้นสูงคนอื่นๆในบริษัทผ่านเธอไปทันที
เธอพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา ก็แค่หลอกเขาหนึ่งครั้ง ต้องโกรธขนาดนี้เลยหรอ
ช่วงนี้หัสดินไม่ได้สนใจเธอเลย ราวกับเธอเป็นอากาศธาตุ ไม่ถามไถ่อะไรทั้งนั้น แต่ไม่เป็นไร สามีภรรยาไม่มีทางไม่ทะเลาะกัน เดี๋ยวผ่านไปสักพักเขาก็จะหายเอง
เรนนี่คิดอย่างนี้ สำหรับลูกในท้อง ต่อไปถ้าจะต้องไปตรวจ เธอก็ต้องทำอย่างระมัดระวัง อย่าให้หางโผล่ได้
เธอวางแผนไว้ในใจแล้ว
….
ยู่ยี่ยังไม่ได้รับข่าว และไม่รู้ว่าฉันทัชเป็นยังไงบ้าง จึงได้แต่ร้อนใจ
อาคิระก็รีบไปเหมือนกัน ตอนนี้ได้แต่รอข่าว
แต่เธอหวังว่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้น เอวาเป็นคนที่ไม่เลว นิสัยก็ดี เข้ากับเธอได้
นาโนให้เธอไปหาอะไรกิน แต่เธอกินไม่ลง ดังนั้นจึงไม่ไป แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องกิน งานก็ต้องทำ แต่ก็มีการลาคลอดไม่ใช่หรอ
รอให้เธอไปทำงานไม่ไหวเธอค่อยลาคลอด กลับมาพักผ่อน ดูแลลูกในท้อง และรอคลอดลูก…