ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 499 เป็นแผนที่วางด้วยน้ำมือเขา
เมื่อถึงห้องน้ำ ฉันทัชอยากจะล้างหน้าแปรงฟันให้เธอ แต่ยู่ยี่ปฏิเสธ มองที่เขาแล้วพูดว่า “ทำแบบนี้มันทำให้คนรู้สึกว่าดูแลชีวิตตัวเองไม่ได้ ฉันคิดว่าเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว ไม่แน่ว่าคุณอาจจะเบื่อฉันในเร็วๆ นี้ ดังนั้นฉันพึ่งพาตนเองสักหน่อยคงจะดีกว่า”
“คุณนี่ทำให้หมดอารมณ์ได้ดีจริงๆ…” ฉันทัชหมดหนทางที่จะรั้งเธอไว้ จึงต้องปล่อยมือเธอไปอย่างช่วยไม่ได้
แต่เธอกลับจับมือเขาอีกครั้ง ยื่นหน้าไปใกล้ๆ ตรงหน้าเขา “ล้างสิ”
ชายหนุ่มจ้องเธอ “ไม่ใช่บอกว่าอยากพึ่งตัวเองเหรอ?”
“วันจันทร์และวันอังคารให้คุณช่วยฉันล้าง ส่วนตั้งแต่วันพุธถึงวันอาทิตย์ฉันล้างเอง” เธอเงยหน้าขึ้น พูดจาดูมีเหตุมีผล ดูใจกว้าง ไม่กระมิดกระเมี้ยนแม้แต่น้อย
“ทำไมแต่ก่อนถึงไม่รู้กันนะ ว่าจริงๆ แล้วคุณจะซนแบบนี้…” เขาถูกทำให้หัวเราะแล้ว
ยู่ยี่ยักไหล่ “นั่นเป็นเพราะฉันแสร้งทำเป็นเป็นคนดี ยังไม่ได้บอกคุณเลย อันที่จริงแล้ว ฉันเป็นวิญญาณแห่งกระดูกขาว!”
ฉันทัชยิ้ม รอยยิ้มที่มุมดวงตาของเขาไม่ได้หายไป เขาไม่เคยผ่อนคลายและมีความสุขแบบนี้มาก่อน น้ำที่อุ่นนั้นพรมลงบนใบหน้าของเธอ
เขาไม่เคยพบผู้หญิงที่ทำให้เขารู้สึกมีความสุขมาก่อนเลย รสชาติแห่งความสุขทั้งทางร่างกายและจิตใจนั้นวิเศษเหนือคำบรรยาย
เธอรู้สึกสบายมาก แหงนหน้าเพลิดเพลินกับการดูแลนี้…
จากนั้นไม่นาน เขาก็ส่งเธอไปที่บริษัทอีกครั้ง
ในบ้านนั้น ไฟความโกรธของอาคิระโหมกระหน่ำจนถึงขีดสุด เขาเป็นคนนิสัยแบบนั้น หากจะต้องเจ็บปวดก็ต้องเจ็บปวดด้วยกัน ใครอย่าได้คิดมีความสุข!
………
ในสองวันมานี้ คุณหมอไอแซ็คโทรหาเรนนี่ไม่หยุด เหมือนกับปืนใหญ่ระดมยิงอย่างต่อเนื่อง
เรนนี่ไม่รับสายโทรศัพท์ ตอนแรกเธอเลือกตัดสาย และสุดท้ายก็ปิดโทรศัพท์ จนในท้ายที่สุดเธอก็เพิ่มเบอร์โทรของคุณหมอไอแซ็คในแบล็กลิสต์
เป็นคนที่โลภเสียจริงๆ เอาไปแล้ว 10 ล้าน ไม่นึกเลยจะยังอยากได้อีก!
เธอจะเอ่ยปากกับหัสดินว่าต้องการเงินอีกครั้งได้อย่างไร หรือจะต้องบอกว่าพี่ชายของเธอมีทุนไม่พอ เขาจึงต้องการยืมอีก 10 ล้าน?
10 ล้านไม่ใช่เงินไม่กี่ล้าน ไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อย เรนนี่ไม่ต้องการทำอย่างนั้น
เมื่อถึงเวลาไปทำงาน เธอขับรถที่หัสดินซื้อให้เธอ แม้ว่าเรื่องที่พาดหัวข่าวจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่ก็ยังมีการพูดคุยเรื่องนี้กันอย่างลับๆ
อย่างไรก็ตาม สุดท้ายเธอก็เป็นภรรยาของประธานบริษัทอยู่ดี ตึงไม่มีใครกล้าพูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้าเธอ
งานเสร็จลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเลิกงาน เธอเข้าไปนั่งในรถ ก็เห็นสายจากเบอร์แปลกหน้าโทรเข้ามา เธอรับสาย วินาทีถัดมา เสียงคุณหมอไอแซ็คก็ดังขึ้น
เรนนี่ขมวดคิ้วย่นขึ้น ก่นด่าออกมาว่าทำตัวเหมือนผีตามรังควานอย่างฉุนเฉียว แล้ววางสายทันที คนประเภทนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือ แม้ว่าครั้งนี้จะให้เขา แต่เขาอาจเห็นว่าเธออ่อนแอ และร้องขอกับเธอมากขึ้น สำหรับคนพรรค์นี้ เธอไม่อาจโอนอ่อนยอมทำตามได้
เธอไม่ได้กลับคฤหาสน์ภูษาธรในตอนเย็น แต่มีนัดไปทานอาหารเย็นที่ร้านอาหารตะวันตกกับเนเน่
สเต็ก ไวน์แดง อีกทั้งยังมีไวโอลินเล่นบรรเลง เรนนี่รู้สึกว่าตัวเธอเองไม่ได้ผ่อนคลายสนุกสนานแบบนี้มาเป็นเวลานานแล้ว
แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ อีกด้านหนึ่ง บางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น
เขาโทรศัพท์ไปเธอก็ไม่รับเลยสักนิด ไม่ว่าจะโทรไปด้วยเบอร์ใด เธอจะวางสายทันทีที่ได้ยินเสียงของเขา เขาต้องการจะพบคน แต่กลับพบไม่ได้ ไม่มีทางอื่นแล้ว คุณหมอไอแซ็คถูกบีบให้ถึงทางตัน
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้น เขาก็รับผลที่ตามมา และด้วยเหตุนี้อาชีพการงานของเขาจึงยุ่งเหยิง แต่เธอกลับแต่งงานเขาตระกูลภูษาธรกลายเป็นสะใภ้ตระกูล เพลิดเพลินกับความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่ง ตอนนี้จะให้เธอให้เขายืมเงินสักนิด ก็กลับกลายเป็นแบบนี้!
ในเมื่อเขาไม่ได้ดี ถ้าอย่างนั้นเธอก็อย่าหวังจะได้ดี ดังนั้นคุณหมอไอแซ็คจึงไปที่คฤหาสน์ภูษาธร
ชฎารัตน์รู้เรื่องเกี่ยวกับแผนคุณหมอไอแซ็คและเรนนี่ร่วมมือกันแล้ว ตอนนี้เมื่อได้เห็นคุณหมอไอแซ็คอีกครั้ง เธอก็ไม่กระตือรือร้นเหมือนเมื่อก่อน ท่าทีของเธอนั้นเย็นชามาก
คุณหมอไอแซ็คย่อมรู้ดีอยู่แล้ว กล่าวว่ามีเรื่องบางอย่างที่เขาต้องการจะบอก บางสิ่งที่เขาปิดบังไว้และอยากจะบอกกับคุณหญิง
ชฎารัตน์ปล่อยให้เขาเข้าไปในห้องนั่งเล่นของตระกูลภูษาธร ท่าท่าทียังเย็นชาเหมือนเมื่อสักครู่ ในเวลานี้ หัสดินเพิ่งกลับมาถึงพอดี เขาแขวนเสื้อสูทอย่างไม่ใส่ใจ และเมื่อเห็นคุณหมอไอแซ็ค คิ้วคมของเขาก็ขมวดทันที ปรากฏเค้าความเย็นชาอย่างเห็นได้ชัด
คุณหมอไอแซ็คกลัวหัสดินเล็กน้อย แต่ตอนนี้เขาก็นั่งอยู่ที่นี่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องอดทนและฝืนทนเท่านั้น
เป็นเวลานานแล้วที่ไม่ได้ป่อนคลาย หลังจากทานอาหารตะวันตกเสร็จเรนนี่ก็วางแผนจะไปดูหนัง แล้วไปที่บาร์หลังจากนั้น แต่เนเน่มีธุระกะทันหัน เธอที่เหลือคนเดียวก็ค่อนข้างจะน่าเบื่อ ดังนั้นเธอจึงสตาร์ทรถกลับไปที่ตระกูลภูษาธร
เมื่อเห็นรถของหัสดิน สีหน้าเธอก็ปรากฏความยินดี มุมปากยกยิ้ม แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องนั่งเล่น ก็ได้ยินเสียงการสนทนาลอยมา
เสียงสนทนานั้นเป็นของชายคนหนึ่ง เมื่อลอยเข้าหูเธอ ก็ให้ความรู้สึกคุ้นเคยอยู่เล็กน้อย หรือว่าแขกที่มานั้นเธอรู้จัก?
เรนนี่สงสัยและเดินไปข้างหน้าต่อไป เมื่อเห็นคุณหมอไอแซ็คนั่งอยู่บนโซฟา เธอก็เหมือนกับว่าถูกไฟฟ้าช็อต กุญแจรถในมือของเธอตกลงไปที่พื้น ทำให้เกิดเสียงดัง
เขามาที่นี่ได้อย่างไร?
เธอนั่งยองๆ อยู่บนพื้น ต้องการจะหยิบกุญแจขึ้นมา แต่ราวกับมีใครมาคว้าคอเสื้อจากด้านหลัง รัดคอเธอไว้ หายใจไม่ออก ขนาดจะหยิบกุญแจจากพื้นยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ ฟันสั่นกระทบกันกึกๆ กล้ามเนื้อบนหน้าแข็งทื่อและค้างแข็ง
เมื่อเกิดเสียงดังขึ้น หลังจากที่คนเหล่านั้นได้ยินเสียง พวกเขาก็หันหลังกลับมาและเห็นว่าเป็นเธอ สีหน้าพวกเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก และหันกลับไปอีกครั้ง
หากขึ้นไปชั้นบนตอนนี้ อย่างนั้นเธอก็จะไม่รู้ว่าคุณหมอไอแซ็ค จะพูดอะไรกับทั้งสองคนกันแน่ จึงทำได้แต่ฝืนทนยืนอยู่ตรงนั้น
สายตาของคุณหมอไอแซ็คกวาดมองมาที่เธอ แล้วพูดช้าๆ ว่า “อันที่จริงเดิมทีข้อตกลงระหว่างผมกับเรนนี่ไม่ใช่แบบนี้ มันไม่ใช่ข้อตกลงเกี่ยวกับเรื่องเงิน แต่เป็นหลังจากที่ผมดื่มจนเมาท่ามกลางความสับสนมึนงง ผมกับเธอก็ได้มีความสัมพันธ์กัน ด้วยเหตุนี้เธอจึงข่มขู่ผม ให้ผมปกปิดอาการป่วยของคุณชาย…”
ร่างกายของเธอสั่นอย่างรุนแรง ราวกับใบไม้ที่สั่นไหวในสายลมแห่งฤดูใบไม้ร่วง เรนนี่กำหมัดทั้งสองข้าง อารมณ์คุกรุ่น เสียงแหลมปรี๊ดยิ่งขึ้น “คุณพูดจาเหลวไหล!”
ชฎารัตน์ขมวดคิ้ว สีหน้าของเธอดูไม่พอใจเป็นอย่างมาก เธอไม่คิดว่า ชีวิตส่วนตัวของลูกสะใภ้ที่เพิ่งแต่งงานเข้ามาจะวุ่นวายขนาดนี้
เรื่องของรัดเกล้าเพิ่งผ่านไป และยังไม่รู้แน่ชัดว่าเรื่องนั้นจริงหรือไม่ แต่ตอนนี้กลับเพิ่มคุณหมอไอแซ็คเข้ามาด้วย เธอไม่อยากจะรับรู้เลยจริงๆ!
สีหน้าของหัสดินนั้นดูไม่ได้เลยสักนิด เขาถือแก้วไว้ในมือ สามารถเห็นเส้นเลือดน้ำเงินที่ปูดโปนบนหลังมือเขา
เดิมที่นั้นอารมณ์ของเรนนี่ในวันนี้นั้นดีมาก ไม่เคยคิดเลยว่าจะเจอสายฟ้าผ่าตอนฟ้าใสสายใหญ่รอเธออยู่แบบนี้
“ผมพูดเหลวไหลหรือไม่ ในใจคุณไม่ใช่ว่ารู้ดีกว่าใครๆ เหรอ?” คุณหมอไอแซ็คมองไปที่เรนนี่ หากไม่ใช่ว่าเธอบีบบังคับเขาจนเกินไป เขาคงไม่ทำตัวเป็นปลาตายตาข่ายขาดแบบนี้
“หัสดิน คุณอย่าเชื่อเขานะ สิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดนี้ล้วนแต่โกหก เป็นเรื่องหลอกลวง จุดประสงค์ของเขาคือต้องการเงิน และเปิดโปงจะเอาเงิน!”
เรนนี่เป็นกังวลรีบวิ่งไปนั่งยองๆ ต่อหน้าหัสดิน จับมือเขาอธิบายให้กระจ่างและยืนยัน
“เงิน 10 ล้านนั่นคือสิ่งที่เขาเรียกร้องจากฉัน มันเป็นแผนของเขาทั้งหมด!”
คุณหมอไอแซ็คกล่าวอีกครั้ง “ผมวางแผนอะไร? ถ้าคุณไม่ข่มขู่ผมแต่แรก ผมจะปกปิดหลอกลวงอาการป่วยของคุณชายได้เหรอ?”
“คุณพูดจาเหลวไหล คุณแค่พูดจาเหลวไหล ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น หัสดิน อย่าให้เขาทำให้สับสน อย่าไปเชื่อเขา เขากำลังโกหก!”
หัสดินไม่พูดอะไร แต่เขาสะบัดมือของเรนนี่ที่กุมอยู่ออกไป หรี่ตาลูกท้อเรียวยาว
“ถ้าผมพูดจาไร้สาระ งั้นคุณกล้าเผชิญหน้าผมไหม ผมยังจำชื่อโรงแรมที่เราไปกันตอนนั้นได้ อยากจะตรวจสอบกับทางโรงแรมตอนนี้ไหม? หรือจะกลับไปดูกล้องวงจรปิดของโรงแรมอีกสักครั้ง?” คุณหมอไอแซ็คโกรธที่ถูกตอบโต้ เปลวอารมณ์คุกรุ่นในท้องของเขานั้นมีไม่น้อย
เรนนี่เมื่ิถูกจับจุดอ่อนได้ จึงพูดอย่างไม่ระมัดระวังอีกครั้ง “เป็นคุณที่คุกคามฉัน เป็นคุณที่ทำให้ฉันเมาแล้วหาเศษหาเลยกับฉัน นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันข่มขู่คุณด้วยเรื่องนี้ ไม่งั้นคุณจะถูกฉันควบคุมได้ยังไง? ไม่งั้นคุณจะเชื่อฟังคำสั่งของฉันหาพระแสงอะไร? ฉันให้คุณทำอะไรคุณก็ทำ!”
ตอนนี้คุณหมอไอแซ็คถึงได้รู้แล้วจริงๆ ว่าอะไรคือการใส่ร้ายป้ายสี ในตอนแรกทำไมเขาถึงโง่พอที่จะเชื่อคำพูดของเธอไปได้ นะ มิฉะนั้นเขาคงประสบความสำเร็จในวิชาชีพเขาไปแล้วในตอนนี้ จะลำบากเหมือนตอนนี้ได้ยังกัน?
ผู้หญิงคนนี้นำเข็มพิษมาทำร้ายเขาอย่างร้ายกาจ!
ทั้งสองคนจ้องมองกันราวกับไม่มีคนอยู่ คุณพูดคำหนึ่งฉันเถียงคำหนึ่ง ราวกับว่าไม่มีใครอยู่ในห้องนั่งเล่น พวกเขาทะเลาะกันอย่างรุนแรง ไม่มีใครยอมถอย
ชฎารัตน์ไม่ต้องการฟังอีกต่อไป บอกแค่ว่าเธอเหนื่อยแล้ว และทิ้งคำพูดให้หัสดินหนึ่งประโยคคือจัดการเรื่องนี้ให้ดี จากนั้นก็หันหลังกลับ ขึ้นไปชั้นบน
ไม่ว่าใครจะถูกบีบคั้นจากใคร ก็ล้วนแว้งกัดคนได้ เรนนี่และคุณหมอไอแซ็คในตอนนี้กำลังทำให้อีกฝ่ายถูกบีบจนจนตรอก ทั้งสองเหมือนสุนัขบ้า กัดกันจนวุ่นวาย
อีกทั้งเห็นได้ชัดว่าหัสดินนั้นก็มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ตอนนี้เขากลับเหมือนคนมองดูเหตุการณ์ที่ห่างออกไป เขาจับแก้วน้ำไว้แน่น หน้าอกกระเพื่อมอย่างรุนแรง ฟังทั้งสองทะเลาะกันใหญ่โต
เรนนี่รู้สึกว่าตัวเธอนั้นจะต้องไม่แพ้ จะต้องกดขี่คุณหมอไอแซ็คต่อไป! แม้ในเวลานี้หัวใจและร่างกายของเธอจะสั่นเทาจนไม่สามารถยืนได้
เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ จนแม้แต่คนใช้ที่กำลังยุ่งอยู่ในครัวก็ได้ยิน ไม่เพียงแต่มองหน้ากันอย่างตกใจ แต่พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
หัสดินซึ่งไม่พูดเป็นเวลานานในที่สุดก็ระเบิดอารมณ์โกรธ ปาแก้วน้ำในมือลงบนพื้น เพียงได้ยินแต่เสียง “เพล้ง” แก้วคริสตัลแตกกระจาย น้ำอุ่นสาดกระเซ็น มาพร้อมกับน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวเย็นเยียบเสียดเข้ากระดูก “หุบปาก!”
เสียงที่ดังฉับพลันขึ้นมาทำให้เรนนี่กรีดร้องด้วยความตกใจ อย่างต้านไม่อยู่ ร่างกายที่อ้วนเล็กน้อยของคุณหมอไอแซ็คก็สั่นเทาเช่นกัน ไม่กล้าพูดขึ้นมาอีก
สักพักห้องนั่งเล่นก็เงียบสนิท ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา เงียบมาก แม้แต่เสียงเข็มที่ตกลงพื้นก็ยังได้ยินชัดเจน……
“ทะเลาะกันพอหรือยัง?” สีหน้าของหัสดินนั้นเย็นชาอย่างมาก ราวกับพวกเขากำลังเผชิญอากาศที่หนาวเหน็บ
เรนนี่ไม่กล้าพูดอะไรสักคำ นิ่งเงียบ กำสองมือที่อยู่ข้างตัวไว้แน่น
คุณหมอไอแซ็คไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ ออกมา เขารู้สึกกลัวหัสดิน เหลือบมองหัสดินจากหางตา
สายตานั้นจ้องไปที่คุณหมอไอแซ็ค หัสดินพูดคำต่อคำว่า “สร้างปัญหาพอหรือยัง?”
คุณหมอไอแซ็คสังเกตได้ในทันที คำที่เขาใช้คือคำว่าสร้างปัญหา ซึ่งนั่นก็ชัดเจนแล้วว่าหัสดินไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูดไปสักครู่นี้
“คุณชายผมไม่ได้โกหก ทุกสิ่งที่ผมพูดเป็นความจริง มันคือความจริง คุณต้องเชื่อผม!” สีหน้าคุณหมอไอแซ็คดูกังวล รีบพูดออกมา
“ถ้าคุณอยากกลับไปที่เมือง A อย่างราบรื่น ก็อย่าพยายามทำให้ผมโกรธอีก ผมเตือนคุณอีกครั้ง ความอดทนอดกลั้นของผมมีจำกัด อย่าพยายามยั่วยุผมอีก เข้าใจไหม? ผมเคยเมตตากับคุณครั้งเดียว ทำไมคุณถึงคิดว่าผมจะเมตตากับคุณอีกเป็นครั้งที่สอง?”
ทุกคำในคำพูดของหัสดินแฝงไปด้วยกลิ่นอายที่ดุร้าย ซึ่งทำให้คนฟังใจสั่นกลัวโดยไม่รู้ตัว