ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 507 คุณไม่เชื่อว่าเด็กเป็นลูกคุณ
เธอแอบสูดหายใจเข้าลึกๆ เธอทำให้หัวใจกลับมาเต้นอย่างคงที่ในทันที แล้วพูดอย่างมีความสุขอย่างห้ามไม่อยู่ว่า “คืนนี้คุณจะกลับมานอนที่ห้องนอนเหรอ?”
“มาหยิบข้อมูล…” ท่าทีของหัสดินเย็นชามาก จากนั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ ในห้องมีกลิ่นไหม้ “คุณเผาอะไรในห้องนอน?”
เรนนี่พูดอย่างใจสั่นว่า “เศษกระดาษนิดหน่อย”
สายตาหัสดินจ้องมองที่เธอนิ่งไม่พูดอะไร เมื่อถูกมองจนตื่นตระหนก เรนนี่หลบสายตาไปแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “คุณต้องการข้อมูลอะไร เดี๋ยวฉันหาให้”
“ไม่ต้อง!” เขาเก็บสายตา หยิบข้อมูลมาจากลิ้นชักแล้วเดินออกไป
ร่างกายเรนนี่ชาไร้เรี่ยวแรง เธอเสียใจในภายหลัง ว่าทำไมเมื่อกี้เธอถึงต้องนำรายงานการทดสอบกลับมาด้วย เธอควรจะมันโยนทิ้งไป
ที่จริงแล้วหากจะทิ้งไว้ข้างนอกเธอก็ไม่วางใจ ยังไงซะหัสดินก็ชื่อเสียงมากในเมืองS หากมีเห็นเข้าก็ยิ่งพูดยาก สู้นำกลับมาเผาเองเสียดีกว่า!
แต่ทว่าอาศัยเพียงกลิ่นเผากระดาษ เขาคงไม่สามารถเดาอะไรได้ คิดได้เช่นนี้เรนนี่ก็รู้สึกโล่งใจชั่วคราว แต่เพียงชั่วคราวเท่านั้น
ตอนเย็นคนใช้เรียกไปทานอาหารเย็น หัสดินไม่อยู่ บอกว่าไปผับแล้ว ชฎารัตน์ไปเล่นไพ่นกกระจอก คฤหาสน์ภูษาธรเหลือเธอเพียงคนเดียว
เรนนี่คิดว่าแบบนี้มันค่อนข้างดีมาก อยู่คนเดียวก็สบายเป็นอิสระ
ขณะเตรียมจะกินข้าว รัดเกล้าก็มาถึง แน่นอนว่ายังมีซาฮาร่าด้วย
นับตั้งแต่เหตุการณ์นั้น ความสัมพันธ์ของเรนนี่และซาฮาร่าก็ลดฮวบลงราวกับน้ำตก ตอนนี้เวลาเจอกันพวกเขาไม่ได้แม้แต่จะทักทายกัน
ทันเวลาอาหาร แน่นอนว่าต้องกินด้วยกัน ซาฮาร่าไม่เห็นชฎารัตน์ หลังจากถามคนใช้แล้วก็เดินออกจากคฤหาสน์ภูษาธรไป
ดังนั้นบนโต๊ะอาหารจึงเหลือเพียงเรนนี่และรัดเกล้า
ทั้งสองกำลังทานอาหารเย็นกันโดยไม่ส่งเสียงใดๆ บรรยากาศเงียบมาก หลังจากนั้นไม่นานเรนนี่ตัดสินใจลองใจดูจึงพูดว่า “ถ้าผู้หญิงคนอื่นท้องลูกของคุณล่ะ คุณจะทำยังไง?”
รัดเกล้าตกตะลึงครู่หนึ่ง จากนั้นเพิ่งตระหนักว่าเธอกำลังถามเขา เขายักไหล่แล้วพูดตรงๆว่า “ทำแท้งไง”
“แล้วถ้าผู้หญิงไม่เต็มใจล่ะ?” เป็นผู้ชายที่โหดเหี้ยมตามที่คิดไว้
“ฐานะตระกูลภูษาธรและตระกูลกนกเตรัตน์ในเมืองS ผู้หญิงคนนั้นไม่มีทางต่อรองได้” รัดเกล้ากล่าวเสริม “ซาฮาร่าไม่ใช่แม่พระนะ!”
เรนนี่กำลังชั่งน้ำหนักเรื่องหนึ่ง และในใจของเธอมีแผนที่เลวร้ายที่สุด ถ้าวันหนึ่งถูกหัสดินจับได้ว่าเด็กในท้องเธอไม่ใช่ของเขา แต่เป็นของรัดเกล้า ไม่จำเป็นต้องพูดถึงผลที่ตามมาของเธอ
การหย่ากันย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกอย่างดูจากท่าทีตอนนี้ที่หัสดินปฏิบัติต่อเธอ หลังจากหย่ากันแล้วเธอคงไม่ได้เงินมากมายอะไร
ตอนนี้มาพูดถึงรัดเกล้า เขาไม่มีความรับผิดชอบและความสามารถในการแบกรับเลย เขาถูกพ่อและซาฮาร่าควบคุมมาโดยตลอด
ดังนั้นหากจะต้องมาโกรธกับตระกูลภูษาธรเพราะผู้หญิงคนเดียว พ่อของเขาไม่มีทางเห็นด้วยแน่ ส่วนรัดเกล้าก็ต้องเชื่อฟังเท่านั้น แม้ว่าจะเป็นเพราะเงินก็ตาม
ดังนั้นคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ชายแบบนี้จะจดจ่ออยู่กับผู้หญิงคนเดียว เธอไม่ได้โง่ถึงขนาดใช้เด็กในท้องมาขู่รัดเกล้า
“ฉันท้องลูกคุณอยู่” เรนนี่กระซิบบอกตามความจริง
รัดเกล้านึกว่าเธอล้อเล่น คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้
เรนนี่หยิบโทรศัพท์ออกมา ในนั้นมีรูปถ่ายที่เก็บไว้ซึ่งเป็นรูปรายงานของห้องปฏิบัติการที่เธอถ่าย เอาออกมาให้รัดเกล้าดู
“ทำไมคุณไม่กินยาคุมกำเนิดล่ะ?” รัดเกล้าถึงจะจริงจังขึ้นมาเมื่อเห็นผลตรวจ
“ฉันใฝ่ฝันว่าอยากจะท้องลูกของหัสดินมาโดยตลอดนี่ วันก่อนหน้าฉันเพิ่งนอนกับเขามา จากนั้นก็ถูกคุณวางแผน แล้วฉันจะกินยาคุมได้ยังไง?” เรนนี่กัดฟันพูด ความรู้สึกอยากฆ่ารัดเกล้าเกิดขึ้นในใจ
รัดเกล้ารู้สึกตื่นตระหนก “ตอนนี้จะทำยังไงดี? เรื่องนี้จะให้คนในตระกูลภูษาธรรู้ไม่ได้ ไม่อย่างงั้นทั้งคุณและฉันไม่รอดแน่!”
“ไร้สาระ! นี่ไม่ต้องให้คุณเตือนหรอก?” แน่นอนว่าเรนนี่ย่อมรู้ “ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจ รอฉันคิดได้แล้วจะโทรหาคุณ ช่วงนี้ไม่ต้องติดต่อฉัน เผื่อมีอะไรผิดพลาด”
รัดเกล้าตอบตกลง เขาตอบตกลงเช่นนั้นจริงๆ อยู่ดีๆก็หาเรื่องใส่ตัว ตอนนี้เป็นไงล่ะ
รอจนซาฮาร่าและชฎารัตน์เดินเข้ามา ทั้งคู่ก็ทานอาหารเย็นกันอย่างเงียบๆ ไม่สื่อสารหรือพูดอะไรกัน
พออยู่ในห้องคนเดียวเรนนี่ก็คิดเยอะมากๆ เธอรู้สึกว่าควรหาเงินจากรัดเกล้าถึงจะถูกต้อง ส่วนหลังจากนี้ค่อยๆคิดไปทีหลัง
ขณะที่เธอลงบันไดไปเทน้ำ ก็บังเอิญเจอรัดเกล้าอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่น ขณะเดินผ่านเธอพูดประโยคหนึ่งว่า “หกล้าน”
รัดเกล้าขมวดคิ้วขึ้น
“อย่าบอกนะว่าคุณไม่สามารถหาเงิน 6 ล้านได้ อย่าลืมนะว่าต้นเหตุของสถานการณ์ในตอนนี้เป็นเพราะคุณเป็นคนก่อเรื่องไว้ ไม่อย่างงั้นเราก็รอความตายด้วยกันเถอะ 5 วันต่อมาก่อนหกโมงเย็น” พูดเสร็จเธอก็จากไป
เงินแค่เพียงหกล้าน นายน้อยตระกูลกนกเตรัตน์จะไม่สามารถหยิบออกมาได้ เธอไม่เชื่อ!
หกล้าน รัดเกล้าย่อมสามารถเอาให้ได้อยู่แล้ว เขาก็อยากจะยุติเรื่องนี้เร็วๆ ดังนั้นจึงตอบตกลง
เรนนี่ยังไม่ได้ให้หมายเลขบัญชีกับเขา ในช่วง 2 วันนี้เธอวางแผนจะไปธนาคารเพื่อเปิดบัญชีธนาคารใหม่ และเจ้าของบัญชีก็ไม่ใช่เธอ จุดประสงค์ก็เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นที่สังเกต
พอดีที่สองวันนี้คุณย่ามาที่เมืองS แค่ขอให้ลูกพี่ลูกน้องพาคุณย่าไปทำก็พอ
แผนการเหล่านี้เธอคิดอย่างชัดเจนและละเอียดแล้ว ยิ่งเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นไปอีก
หัสดินกลับมาค่อนข้างดึก เขาดื่มจนเมามายไร้สติ ปากยังคงเรียกชื่อยู่ยี่ไม่หยุด
ชฎารัตน์อยากจะสาดน้ำใส่เขาเพื่อให้เขามีสติ
เช้าวันรุ่งขึ้นตอนที่หัสดินตื่นขึ้น เขานอนอยู่ในห้องชฎารัตน์ หัวเขาปวดจนทนไม่ไหว ไม่รู้ว่าตัวเองเลอะเลือนมานอนที่นี่ได้อย่างไร
ชฎารัตน์เดินเข้ามา นำซุปแก้แฮงค์มาให้เขาแล้วพูดว่า “สองวันนี้แม่ได้ยินคุณหมอบอกว่า ถึงแม้จะไม่ถึงสี่เดือน หากอายุครบสองเดือน สามารถใช้ขนของทารกในครรภ์มาตรวจได้ ผลตรวจที่ได้ก็แม่นยำมากด้วย”
“จริงเหรอครับ?” หัสดินดื่มซุปแก้แฮงค์
“ดังนั้นลูกอยากจะทำยังไงก็ตัดสินใจตามที่เห็นสมควรเถอะ” ชฎารัตน์ไม่ได้พูดอะไรมาก
ดวงตาลึกของหัสดินมืด ข้างในนั้นลึกมาก ไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่
จากนั้นเขาไม่ได้เข้าบริษัททั้งวัน แต่พักอยู่ที่คฤหาสน์ภูษาธร เรนนี่รู้สึกแปลกใจมากที่เขาไม่ได้ไปบริษัท!
แต่เธอก็ลา วันนี้ลูกพี่ลูกน้องของเธอจะพาคุณย่าไปเปิดบัญชีที่ธนาคาร เธอยังรอ
แต่เมื่อหัสดินอยู่บ้าน เธอก็ออกบ้านยาก เพราะอาจเป็นที่ดึงดูดความสนใจ
“ฉันจะไปดื่มนม คุณอยากได้น้ำอุ่นสักแก้วไหม?” เรนนี่ถามหัสดินที่นั่งอยู่บนโซฟา
ในใจเธอยังคงมีความคิดสุดท้ายว่าทั้งสองกลับมาดีกันเหมือนก่อนได้
“อืม” หัสดินตอบโดยไม่เงยหน้า สายตายังคงจับจ้องที่การแข่งขันฟุตบอลที่ฉายอยู่บนทีวี
ได้ยินเช่นนี้ เรนนี่ก็ดีใจมาก การที่เขาตอบเป็นเรื่องที่ดี ย่อมดีกว่าการเมินเฉย
หลังจากเทนมและน้ำอุ่นอีกหนึ่งแก้วแล้ว เธอก็วางมันลงบนโต๊ะ เตรียมจะดูการแข่งขันฟุตบอลเป็นเพื่อนเขาเพื่อกระชับความสัมพันธ์ ยังไม่ทันจะนั่งลง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ลูกพี่ลูกน้องเธอโทรมา
เธอเดินออกไปสองก้าวแล้วรับสาย หันหลังให้หัสดินขณะพูด
ดวงตาของหัสดินเงยขึ้นเล็กน้อย สายตากวาดมองแผ่นหลังเธออย่างเฉยชา จากนั้นจึงหยิบแก้วนมขึ้นมาเขย่าเบาๆ นมกระเพื่อมจนเกิดคลื่น
หลังจากนั้นไม่นานเรนนี่ก็หันกลับมานั่งข้างๆด้วยรอยยิ้ม เธอหยิบแก้วนมขึ้นมาดื่มช้าๆ ทั้งสองคนไม่ใช้เวลาอย่างสงบสุขมานานแล้ว
เขาดูฟุตบอลทั้งวัน ในขณะที่เธอนั่งอ่านหนังสือพิมพ์หรือซื้อของทางคอมพิวเตอร์ข้างๆ ไม่ทันไรเวลาก็ผ่านไปหนึ่งวันแล้ว
ปกติเรนนี่จะไม่นอนก่อนสี่ทุ่ม แต่วันนี้ค่อนข้างผิดปกติเพิ่งจะสามทุ่มกว่า เธอก็ง่วงจนทนไม่ไหวแล้ว เธอไปที่ห้องนอนและผล็อยหลับไป
หัสดินเหลือบมองประตูห้อง หรี่ตาลง แล้วหันหลังเดินลงไปชั้นล่าง นั่งดูการแข่งขันฟุตบอลบนโซฟาต่อ
เช้าวันรุ่งขึ้น
เรนนี่ตื่นขึ้นมามองดูเวลา เจ็ดโมงครึ่งแล้ว เธอรีบแปรงฟัน รีบลงไปชั้นล่างทั้งๆที่ยังไม่ได้กินข้าวเช้าด้วยซ้ำ
หัสดินยังคงไม่ออกบ้าน เขากำลังดื่มกาแฟ เมื่อเห็นเธอก็พูดว่า “ไปกันเถอะ มีเรื่องอยากจะบอกคุณพอดี”
เรนนี่รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที แม้เพิ่งจะผ่านไปแค่วันเดียว แต่เธอรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองค่อยๆใกล้ขึ้นทีละขั้นๆ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี
หัสดินนั่งอยู่ในรถแล้วสตาร์ทรถ จากนั้นเอ่ยปากพูดว่า “ช่วงสองวันนี้หาเวลาว่างไปตรวจที่โรงพยาบาลด้วย”
เรนนี่ตกตะลึง “ตรวจอะไร?”
“ตรวจครรภ์” หัสดินตอบเธอแล้วหมุนพวงมาลัยไปทางซ้าย
เธออึ้งอยู่กับที่ นี่แหละที่เรียกว่ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว เรนนี่ยังคงแสร้งทำหน้าน่าสงสารและเศร้าสร้อย “คุณไม่เชื่อว่าเด็กในท้องเป็นลูกคุณ?”
“เชื่อ แต่ควรตรวจสอบจะดีกว่า เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้มันวุ่นวายเกินไป” หัสดินชี้ให้เห็น “การตรวจนี้จะต้องทำโดยไม่มีข้อแม้”
“พูดให้ถูกก็คือ! คุณยังไม่เชื่อฉัน! ยังไม่เชื่อว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของคุณ!” ในที่สุดอารมณ์ของเรนนี่ก็เดือดพล่านขึ้น แต่การแสดงนั้นก็ยังคงสทจริงมาก หากต้องการให้คนอื่นเชื่อ ก่อนอื่นจะต้องแสดงให้จริงก่อน นี่คือหลักการ
“ผมเชื่อว่าเป็นลูกของผม คุณก็เชื่อมั่นว่าเป็นลูกของเรา ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องแย้งนี่ จริงไหม?” หัสดินถามกลับ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ เรนนี่ก็พูดไม่ออก สุดท้ายเธอพูดว่า “ฉันรู้สึกว่ามันเป็นการดูถูกฉันกับลูก!”
ดูถูก! สายตาของหัสดินดูมีความหมายลึกซึ้ง แต่ปากกลับบอกว่า “คุณคิดมากเกินไปแล้ว ก็แค่ไปตรวจเอง คุณทำให้ผมรู้สึกว่าคุณต่อต้านการไปตรวจมากๆ”
เกรงว่าอารมณ์ตัวเองจะตื่นเต้นเกินจนมีพิรุธ เรนนี่ปรับการเต้นของหัวใจให้ปกติแล้วพูดช้าๆ “ฉันได้ยินมาว่าการตรวจขนมันไม่ดีสำหรับเด็กในครรภ์ มันอันตรายมาก ถ้าคุณอยากจะทำจริงๆฉันก็จะไม่คัดค้าน แต่อย่างน้อยก็ควรรอจนถึงสี่เดือนแล้วค่อยตรวจน้ำคร่ำพิสูจน์”
“เพราะเป็นคุณ และเขาเป็นลูกผม ผมย่อมเชิญผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงที่สุดมาให้ ไม่มีทางให้พวกคุณต้องมาเสี่ยงแม้แต่นิดเดียวแน่นอน” หัสดินกล่าวเรียบๆ “เรื่องนี้ผมรับประกันได้”
เรนนี่ยังคงบ่ายเบี่ยง โดยบอกว่าไม่ค่อยเต็มใจ เพราะมันไม่ดีสำหรับเด็ก มีโอกาสทำให้เด็กพิการได้
แต่ทว่าหัสดินไม่เปลี่ยนความคิด เขาไม่มีทางเชิญผู้เชี่ยวชาญจากเมืองS แต่จะเชิญผู้เชี่ยวชาญจากอเมริกาเพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างปลอดภัยและจะไม่มีปัญหา