ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 519 ยังมีประโยชน์อะไรอีก
“ตอนนี้ยู่ยี่ก็สวยมากเลยเนอะ ดูดีมากเลย เป็นแมงดาก็ดีเหมือนกันนะ มีรสชาติไปอีกแบบ”
เหล่าผู้ชายก็ผลักกันพูดบ้าง ซึ่งล้วนพูดในเชิงอิจฉาริษยา
ผู้หญิงเจ้าของมือถือหัวเราะเยาะ“พวกนายเป็นกบในกะลาหรือเปล่า? ผู้ชายแบบนี้จะให้ผู้หญิงเลี้ยงได้ยังไง? ต้องให้ฉันบอกฐานะของเขาให้ฟังไหม?”
เหล่าผู้ชายยักไหล่ ไม่สะทกสะท้านต่อคำพูดเธอ“พูดเว่อร์ซะ ยังฐานะอะไรนั่นอีก”
“คิกคิก ฉันว่าแล้วพวกนายไม่เคยเห็นโลกกว้าง คนรักในฝันของฉัน พวกนายจะมีใส่ร้ายป้ายสีไม่ได้นะ”
ผู้หญิงรู้สึกไม่สบอารมณ์ ระดับเสียงจึงดังขึ้นไปด้วย
“เคยได้ยินคำว่าCHกรุ๊ปหรือเปล่า? เขาเป็นคนสร้างขึ้นมากับมือ ยังไม่พูดถึงบริษัทในอเมริกาและอังกฤษ เขายังมีสาขาบริษัทอยู่ที่เมืองบีเจและเฮทเคด้วย พ่อแม่ของเขาทำงานตำแหน่งสูงในเมืองบีเจ คนอื่นบอกว่าเขาเป็นทายาทข้าราชการใหญ่ แต่ความจริงคือเป็นหลาน ก่อนที่คุณปู่เขาจะเกษียณยังเป็นบุคคลระดับชาติด้วย พี่ชายเป็นผู้อำนวยการ แล้วผู้ชายแบบนี้จะเป็นแมงดาได้ยังไง?”
ทุกคนพากันนิ่งเงียบ ภูมิหลังแบบนี้ หัสดินเทียบได้เสียที่ไหน?
“ตระกูลยศณะราคิน คือตระกูลยศณะราคินที่ในข่าวบอกว่าเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งในเฮทเคใช่ไหม?” คนด้านหลังส่งเสียง
หญิงสาวรีบกล่าว“นอกจากตระกูลยศณะราคินนี่แล้ว ยังมีที่ไหนอีก?”
“แบบนี้แหละที่เรียกว่าตระกูลที่มีชื่อเสียง ตระกูลเศรษฐี ยู่ยี่มีวาสนาดีจัง หย่ากับหัสดินแล้วก็ได้คนที่รวยกว่า เป็นถึงเศรษฐีอันดับหนึ่งของเฮทเค แค่ชื่อก็ตกตะลึงแล้ว”
“โบราณพูดกล่าวได้ดีมาก ผู้ที่มีชะตาชีวิตเป็นคนร่ำรวย ต่อให้หย่ากับหัสดินแล้วก็ไม่อาจขัดขวางเส้นทางนี้ได้ ยู่ยี่เป็นคนสวยไง เธอสวยมาก ๆ เลย แต่ผู้หญิงสวย ๆ ก็มีถมเถไป ทำไมไม่โชคดีเหมือนเธอบ้างนะ?”
พูดมาถึงจุดนี้ ทุกคนก็พากันถอนหายใจด้วยความอิจฉา
“แล้วย้อนกลับมาดูใครบางคนสิ มีชะตาชีวิตเป็นอีกา บินขึ้นไปเกาะบนกิ่งไม้แล้วก็ได้เป็นหงส์ไม่กี่เดือนเอง สุดท้ายก็ถูกกระชากให้กลับสู่โฉมหน้าที่แท้จริง”
ประโยคนี้กระตุ้นสภาพจิตใจของเรนนี่อย่างแรงกล้า เมื่อคำพูดแดกดันเข้าหู เธอก็รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวขึ้นมา
เธอหันขวับไปมองหน้าเจ้าของเสียง จากนั้นก็ใช้สายตาดั่งเข็มอาบยาพิษ“เธอด่าใครอ้อม ๆ ?”
ซึ่งผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เกรงกลัว เมื่อก่อนพวกเธอสองคนเคยขัดแย้งกัน ผู้หญิงคนนี้จึงถือโอกาสแก้เผ็ดความโกรธแค้นที่สะสมมานาน“ฉันไม่ได้พูดอะไรนี่ แค่รู้สึกปลงเท่านั้นเอง”
“ยังเสแสร้งอีก” เรนนี่เดินย่างสามขุมเข้าไป ก่อนจะยกมือขึ้น ช่วงที่ฝ่ามือจะไปถึงเป้า ข้อมือของเธอก็ถูกผู้หญิงจับไว้ และอีกฝ่ายสบถกลับไปว่า “เธอถือดีมาจากไหน? ยังคิดจะตบหน้าฉันอีก”
สายตาผู้คนมองมา ทว่าไม่ได้สนใจมากนัก แค่มองดูเฉย ๆ
อันที่จริง ทุกคนแค่พูดถึงว่ายู่ยี่มีวาสนาดี คนเดียวที่พูดจาเสียดสีคือผู้หญิงที่เป็นอริกับเรนนี่มาก่อน ตอนนี้จึงถือโอกาสซ้ำเติม
ส่วนคนอื่นคิดว่า การแต่งงาน การหย่าร้างเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะชาติตระกูลสู่งศักดิ์ ดังนั้นจึงรู้สึกเสียดายแทนเรนนี่เท่านั้น ไม่ได้มีความคิดอื่นใด
ทว่าสายตาพวกนี้กลับทำให้เรนนี่คิดมาก รู้สึกว่าทุกคนก็คิดเห็นเหมือนกับผู้หญิงคู่อริคนนี้ ล้วนประชดประชัน รู้สึกสมน้ำหน้าเธอกันเป็นแถว ๆ
เธอโกรธจนหน้าเขียวแล้วขาว ร่างกายอดสั่นเทิ้มไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าโกรธจนถึงขีดสุดแล้ว
เนเน่รู้ว่าอยู่ต่อไม่ได้แล้ว รีบจับแขนเธอแล้วพาเธอออกไป
กระทั่งปากของเรนนี่ก็สั่นเทา โกรธจนหางตาเขียวช้ำไปเลย ยังคงสบตาผู้หญิงคนนั้นอย่างดุดัน
สุดท้ายเนเน่ก็ลากตัวเธอออกไป ทุกคนกล่าวว่า“พาไปพักผ่อนเถอะ ค่าเสียหายที่นี่ก็ไม่ต้องรับผิดชอบ พวกเราจ่ายเอง”
ค่าเสียหายที่ว่าคือขวดเหล้าและสิ่งของอย่างอื่นที่กลาดเกลื่อนไปทั่ว
อันที่จริงทุกคนรู้เพียงว่าเรนนี่หย่ากับหัสดินเท่านั้น ไม่รู้ว่าหย่าด้วยสาเหตุใด ยิ่งไม่รู้ว่าเรนนี่สร้างวีรกรรมอะไรไว้บ้าง
เนเน่กล่าวอำลาเสร็จสรรพก็พาเพื่อนออกไป ทว่าผู้หญิงคนอื่นยังคงยิ้มเยาะเย้ยเช่นเดิม ในที่สุดก็ได้เอาคืนเสียที
ระหว่างที่เดินอยู่บนท้องถนน เนเน่บอกว่าเป็นอย่างนี้ต่อไปก็ไม่ไหว ให้ไปหางานทำที่เมืองอื่น อย่างไรเสียชีวิตก็ต้องเดินต่อไป
ทว่าเรนนี่ไม่ยอม เธอกล้ำกลืนความขมขื่นนี้ไม่ได้ เธอจะแก้แค้น
เนเน่คิดว่าความคิดของเธอไม่อาจเป็นจริงได้เลย ไม่มีเงินไม่มีอำนาจ เธอจะแก้แค้นยังไง? เอาอะไรแก้แค้น?
ทว่าเรนนี่ฟังเข้าหูเสียที่ไหน ตอนนี้เธอคิดว่าตัวเองตาบอด ตอนนั้นแค่มองจากรถที่ฉันทัชขับก็ตัดสินว่ารวยสู้หัสดินไม่ได้
ตอนนี้ดูเหมือนไม่ใช่สู้ไม่ได้ แต่หัสดินถูกทิ้งห่างไปหลายร้อยเมตรเลย
ถ้าตอนนั้นเธอไม่เลือกหัสดิน เปลี่ยนเป็นจีบฉันทัชแทน ตอนนี้ก็คงดีกว่าหลายร้อยเท่า
แต่ตอนนี้สายไปแล้ว ฉันทัชเป็นคนฉลาด เธอไปใช้มารยาร้อยเล่มเกวียนตอนนี้ เขาไม่มีทางมองเธอแน่ สายไปแล้ว จบเห่แล้ว
เนเน่จึงเสนอว่า ถ้าไม่อยากไปจากเมือง S งั้นก็หางานทำก่อน
เรนนี่กลับตอบเสียงเย็นเยียบว่า:ซาฮาร่ามีความสามารถไม่ให้โรงแรมและคอนโดรับพวกเธอใช้บริการ แล้วจะมีบริษัทไหนกล้ารับเธอทำงานอีก?
เนเน่กลายเป็นใบ้ไปเลย
สิ่งที่เรนนี่คิดอยู่ตอนนี้ เนเน่ไม่มีทางเข้าใจได้เลย เธอไม่คิดจะหางานอะไรทั้งนั้น เธอไม่ได้คิดจะเดินเส้นทางธรรมดาทั่วไป
เธออยากแก้แค้น อยากย่ำยีคนอื่น อยากให้พวกที่ทำร้ายเธอถูกข่มเหงรังแกเหมือนกัน
การรับเงินเดือนทั่วไป ใช้ชีวิตธรรมดา ไม่มีคลื่นมรสุมใด ๆ ชีวิตเรียบ ๆ ง่าย ๆ ตอนนี้เธอยอมรับแบบนี้ไม่ได้แล้ว
ร่างกายเธอสกปรกแล้ว ก่อนแต่งงานกับหัสดิน เธอก็เคยไปนอนกับคุณหมอไอแซ็คจึงสกปรกแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นเธอก็ไม่ถือสาให้สกปรกต่อ
ใช้ร่างกายแลกกับสิ่งที่ต้องการ นี่ก็เป็นวิธีทุ่มเทอย่างหนึ่ง
ความคิดของเธอบิดเบี้ยวแล้ว ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีอีกต่อไป คิดแต่ได้เรื่องเลว ๆ เท่านั้น
อันที่จริงเธอคิดไปเองฝ่ายเดียว คนอื่นไม่สนใจเรื่องของเธอเลยสักนิด แต่เธอกลับคิดว่าคนอื่นแอบหัวเราะเยาะลับหลัง เมื่อเธอตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ซึ่งนี่คือความเข้าใจผิดของเธอเอง
เป็นการขุดหลุมให้ตัวเองแท้ ๆ แถมยังกว้างและลึกจนไร้จุดสิ้นสุดอีกด้วย
แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าหากทำตัวแบบนี้ต่อไป ต้องเผชิญหน้ากับผลลัพธ์เช่นไร
……
ยู่ยี่กำลังเก็บสัมภาระเพื่อกลับบ้าน เมื่อคิดจะแต่งงาน เธอก็ต้องบอกครอบครัวตัวเองด้วย
ฉันทัชกลับมาจากบริษัท ซึ่งไม่ได้ใส่เสื้อสูท แต่วางไว้บนแขน
เธอถามเขาว่าทำไมกลับมาเร็วขนาดนี้?
“ผมไปเป็นเพื่อนคุณ” เขากล่าวด้วยแววตาอ่อนโยน สีหน้านุ่มนวล มือใหญ่ลูบที่ท้องของเธอ “วันนี้พ่อคิดถึงลูกมากเลย”
ยู่ยี่ไม่ยอม เอามือคล้องคอเขา“แล้วฉันล่ะคะ?”
“คิดถึงคุณทุกวินาที” ผู้ชายตอบแบบลื่นไหลเป็นธรรมชาติมาก เขายิ้มอย่างประคบประหงมเธอ
“พูดเก่งเกินไปแล้ว” ยู่ยี่เลิกคิ้วพร้อมกับหัวเราะออกมา“ไปฝึกมาจากไหนคะเนี่ย? เป็นแบบนี้ต่อไปจะดีหรือคะ?”
“ไม่ชอบเหรอ?” ฉันทัชถาม
ยู่ยี่หัวเราะอย่างชอบใจ“ใครบอกว่าไม่ชอบ ชอบมาก ๆ เลยต่างหาก อันนี้คือผลงานการฝึกฝนของฉันเลยนี่ จากคุณลุงสุขุมกลายเป็นคุณชายน้อยจอมป่วน รู้สึกภาคภูมิใจมาก ๆ เลย”
“……”ฉันทัชย่นคิ้ว
ยู่ยี่ใช้ปลายนิ้วนวดคิ้วให้คลายลง“แบบนี้คุณจะหล่อกว่า”
เขายิ้มทันที“ใช่เหรอ?”
“ใช่ค่ะ ฉันชอบเห็นคุณยิ้มแบบนี้ ทางที่ดีต้องใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว เพราะผู้หญิงชอบจินตนาการและรู้สึกพิเศษกับผู้ชายใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว”
“จินตนาการด้านไหน?” เขาถาม
ยู่ยี่ครุ่นคิดดูแล้วก็ตอบว่า“ไม่รู้ค่ะ”
“ด้านร่างกายหรือเปล่า?”
“นับวันคุณยิ่งทะลึ่งกันใหญ่แล้วนะคะ คุณฉันทัชไม่ใช่คนพูดคำพวกนี้นี่? คุณเปลี่ยนแล้ว”
ฉันทัชยิ้ม พลางเผยรูปเรเดียน“มีหนังสือเล่มหนึ่งกล่าวว่า เมื่อรักผู้หญิงคนหนึ่งต้องลามก ถ้าไม่ทำก็แสดงว่าไม่ได้รักมาก……”
“……”ยู่ยี่
เมื่อกลับถึงบ้าน ยู่ยี่ก็บอกให้คุณพ่อคุณแม่รู้ทันที โยธินอึ้งไปเลย และเปมิกาก็ชะงักค้างกับที่ คำพูดมาถึงปลายลิ้นแต่กลับกลืนลงไปอีกครั้ง
“คุณลุง คุณป้าครับ” ฉันทัชกล่าวเสียงเรียบ ๆ ทว่าไม่ห่างเหินและไม่สนิทสนมเกินไป แต่เว้นช่องว่างไว้เล็กน้อย “ถ้าจัดงานแต่งงานที่เมือง S ผมจะจัดเตรียมงานล่วงหน้าครับ แต่ถ้าจัดที่เฮทเค พวกท่านต้องให้ข้อมูลกับผม ผมจะได้ไปทำใบอนุญาตครับ”
“เฮทเค” เปมิกาตอบแบบไม่ลังเล เธอไม่เคยไปที่เฮทเคเลย
ฉันทัชพยักหน้า“ขอบคุณคุณป้าที่สนับสนุนครับ”
ตั้งแต่ต้นยังจบ ยู่ยี่ไม่มีโอกาสพูดเลย เปมิกาไม่ได้คัดค้านอย่างที่คิดไว้ แต่กลับตอบเร็วกว่าปกติ จากนั้นก็รีบไปจัดเตรียมเอกสารของตัวเองและญาติพี่น้อง
เห็นท่าทางผู้เป็นแม่แล้ว ยู่ยี่เลิกคิ้วพลางรู้สึกแปลก ๆ
ทันทีที่เดินออกจากบ้าน เธอกล่าวว่า“ฉันไม่อยากจัดงานที่เฮทเคค่ะ”
“รู้ไหม? ผมคิดจะจัดงานที่ทะเลอีเจียนประเทศกรีซ คุณเคยบอกว่าอยากไปเมืองนั้น” เขาจดจำคำพูดของเธอได้เสมอ
ยู่ยี่ตกตะลึง“คุณบ้าไปแล้วเหรอ มีเงินก็ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายได้ยังไง ยังคิดจะจัดงานที่ทะเลอีเจียนอีก ญาติเยอะขนาดนี้ คุณคิดว่าเล่น ๆ หรือไง?”
“ทุกคนเกิดมามีวิถีชีวิตเป็นของตัวเองทั้งนั้น เงินมากมายในมือผม ผมไม่ได้ปล้น ไม่ได้แย่งใครมา คนเราใช้เงินเพื่อผ่อนคลาย เพื่อหาความสุขใส่ตัวกันทั้งนั้น ทำให้คนที่รักมากที่สุดมีความสุข เมื่อผมมีความสามารถทำเช่นนนั้น ผมก็ต้องให้คุณสมหวังสิ มันไม่ได้ฟุ่มเฟือยเลย เป็นงานวิวาห์ที่ผมตั้งใจมาก ผมอยากให้คุณจดจำตลอดชีวิต และถ้าลูกเกิดมา ผมก็จะให้สิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูก ผู้ชายหาเงินก็เพื่อให้คนรักกับลูกใช้ ถ้าพวกคุณไม่ใช้ ผมมีเงิน แต่จะมีประโยชน์อะไร?”