ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 52 มีความสุขในการช่วยเหลือผู้อื่นจริงๆนะ
“แล้วเงินล่ะ” ชายหัวล้านเปิดปากเร่งถาม
มือลงไปบนการ์ดแบล็กโกลด์ แต่เชอร์รีน กลับหยุดกะทันหัน เธอไม่รู้รหัสผ่านของการ์ดเลย จะถอนเงินได้ยังไง?
เธอคิดว่า ถอนเงินเจ็ดแสนจากการ์ดของเขาก่อน จากนั้นรอเขากลับมาจากอำเภอซีซ่าค่อยบอกเรื่องนี้กลับเขา
อีกอย่าง เงินเจ็ดแสนนี้ เธอจะจ่ายคืนให้เขาอย่างแน่นอน!
เมื่อเห็นสีหน้าเธอดูแข็งทื่อ ชายหัวล้านก็เสียบมีดเข้าไปที่หัวเตียง “แม่ง เธอกำลังล้อเล่นกับกูใช่มั้ย?”
“เปล่า ฉันแค่ลืมรหัสผ่านของบัตร เดี๋ยวรอวันนี้ฉันจะไปธนาคารเพื่อขอเปลี่ยนรหัสผ่าน ก่อนวันพรุ่งนี้ ค่อยเอาเงินให้พวกคุณ เป็นไง? ”
“คุณถือสิทธิ์อะไรให้พวกเราเชื่อคุณ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เชอร์รีนก็หยิบการ์ดแบล็กโกลด์ ออกจากกระเป๋าของเธอ “ก็ถือสิทธิ์นี้ ได้ไหม? ”
“โอ้โห ไม่คิดว่าถึงกับเป็นคนใหญ่คนโตจริงๆนะ ไปเถอะ ยังไงก็หนีพระได้ แต่หนีวัดไม่รอด พรุ่งนี้ 7 โมงเช้า พวกเรารอนับเงิน! ”
ชายหัวล้านยังมีแววรู้กว้าง การ์ดแบล็กโกลด์ เบิกเงินบัญชีได้ไม่จำกัดจำนวน อย่าว่าแต่เจ็ดแสนเลย ถึงจะเป็นเจ็ดล้านพูดออกมาโดยไม่ต้องกะพริบตา
เรื่องรหัสก็ยังต้องถามออกัส เชอร์รีนรู้สึกลังเล เธอกลัวว่าเขากำลังยุ่ง อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่ต้องยืมเงินของเขา ทำให้เธอไม่สามารถพูดออกมาได้จริงๆ
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นบีบบังคับเธอมาถึงขั้นนี้ ไม่โทรศัพท์ ก็ไม่มีทางอื่นแล้ว
หลังจากขัดแย้งอยู่นาน ในที่สุด เธอก็ตัดสินใจโทรออก กดเบอร์นั้น นึกถึงเรื่องที่กำลังจะพูด หัวใจของเธอเต้นเร็วมาก
หลังจากโทรติดแล้ว เชอร์รีนก็กัดริมฝีปากของเธอ หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน พอถึงปาก เธอก็เปลี่ยนไปเป็นเรื่องอื่นเฉย “คุณอยู่ทางโน้นสบายดีไหม?”
“โทรมา ก็เพื่อถามแค่นี้ ?” น้ำเสียงของเขาแข็งทื่อ เย็นชา และไม่มีความอบอุ่น
ทั้งๆที่รู้ว่าอยู่ทางโน้นเขายุ่งมาก แต่เพื่อขอยืมเงินเขา เธอโทรไปในเวลาที่ไม่ควรโทรที่สุด เธอรู้สึกว่าตัวเองแย่มาก!
เธอเปิดปากพูดไม่ออกเล็กน้อย และลังเล “ไม่ใช่…คือ…คือเรื่อง…”
“ผมไม่มีเวลามาฟังคุณพูดว่าใช่หรือไม่ใช่ แล้วก็ไม่ต้องโทรมาอีก ! ”
เสียงของออกัสไม่ได้ต่ำเหมือนปกติ แต่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ และชัดเจนมาก ตามด้วยเสียงวางสายตู๊ด ตู๊ด ตู๊ด…..
แก้มราวกับถูกคนตบอย่างแรง แดงผิดปกติ เชอร์รีนยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่ขยับ
เมื่อกี้เธอถือว่ารวบรวมความกล้าทั้งหมดที่จะโทรไป เอ่ยปากเรื่องที่จะยืมเงินจากเขา
แต่ตอนนี้ หลังจากคำพูดของเขาแล้ว ไม่ว่าสถานการณ์ของเธอจะยากลำบากแค่ไหน ก็จะไม่เอ่ยปากกับเขาอีกต่อไป
เธอ เชอร์รีน ก็มีความหยิ่งยโสในตัวเองเช่นกัน…
เมื่อถอนสายตากลับมา เธอโทรหายู่ยี่ อีกครั้ง และถามว่าเธอขอยืมเงินเจ็ดแสนก่อนได้ไหม เธอสามารถเขียน IOU ได้และต้องจ่ายคืนอย่างแน่นอน
หัสดินเป็นครอบครัวที่มีชื่อเสียงใน เมืองsเงินจำนวนเจ็ดแสน ไม่ได้เป็นเรื่องยากสำหรับยู่ยี่ พอได้ยิน เธอก็ตกลงทันทีบอกว่าจะส่งเงินให้เธอในวันรุ่งขึ้น…
ในที่สุด เชอร์รีนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก!
ครั้งนี้ เป็นครั้งแรก และครั้งเดียวที่เธอจะเอ่ยปาก ขอยืมเงินจากผู้อื่น
อันที่จริง เธอไม่ได้เป็นคนหน้าด้าน ยิ่งไม่ชอบสร้างปัญหารบกวนคนอื่น ถ้าหากไม่ใช่เพราะหมดหนทางจริงๆ เธอถูกบีบบังคับจนถึงขั้นนี้ แม้จะเป็นยู่ยี่ก็ตาม เธอก็ไม่มีทางที่จะเอ่ยปาก
ขณะนี้ทับทิมกำลังนอนอยู่บนโซฟา ร้องไห้ด้วยความเจ็บปวด น้ำตาไหลไม่หยุด
เหลือบมองเธออย่างเย็นชา เชอร์รีนไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ แม้ว่าจะเจ็บจนตาย แต่เธอก็สมควรแล้ว หาเรื่องใส่ตัว กนกอรกำลังห้ามเลือดอยู่และพูดว่า “ไปโรงพยาบาลดีกว่า แผลค่อนข้างลึก”
จักรกฤษไม่ได้ตอบสนอง แต่ดวงตาที่กังวลของเขากลับมองไปเชอร์รีนแทน “เจ็ดแสนนะ ไม่ใช่จำนวนน้อยเลย เชอร์รีนเธอ….. ”
“ไม่เป็นไร ฉันยืมเงินจากยู่ยี่แล้ว เธอไม่ได้ขาดเงิน ฉันค่อยๆจ่ายคืนได้ พ่อไม่ต้องกังวลไปนะ”
เชอร์รีนขัดจังหวะเขาด้วยรอยยิ้ม “ยู่ยี่ จะส่งเงินให้พรุ่งนี้เช้า ไม่มีปัญหา ท่านวางใจเถอะ”
“ครั้งนี้ ต้องขอบคุณยู่ยี่ พรุ่งนี้ให้แม่ของเธอทำของอร่อย ดูแลเขาให้ดี ยังมีเงินเจ็ดแสนนั้น พ่อกับเธอ และไอ้สารเลวพี่ชายของเธอ จะชดใช้คืนให้เขาด้วยกัน”
จักรกฤษถอนหายใจลึกๆ เวรกรรม!
ได้ยินเช่นนี้ ทับทิมก็กลอกตาและพูดอย่างไม่พอใจว่า “ประธานออกัสมีเงินมากมายขนาดนั้น เธอเป็นภรรยาของเขา ใช้เงินของเขาเป็นเรื่องถูกต้องตามประเพณี และสมควรอยู่แล้ว ทำไมต้องยืมเงินจากเพื่อน? ”
เชอร์รีนกวาดสายตามองไปอย่างตำหนิทันใดนั้น ทับทิมก็เงียบลงทันที ในที่สุดเวลานี้เธอรู้แล้วว่า เด็กคนนี้ร้ายกาจมาก!
เมื่อกี้ถ้าไม่ใช่พ่อแม่เอ่ยปากพูด เกรงว่านิ้วมือของเธอถูกตัดลงมาจนหมด เธอก็คงไม่แม้แต่จะกะพริบตาด้วยซ้ำ
แต่ว่า เธอก็พูดถูกต้องประธานออกัสมีทรัพย์สินเท่าไหร่ ในฐานะภรรยา เงินเพียงแค่เจ็ดแสนน้อยนิดแค่นี้ ถึงกับต้องยืมจากเพื่อน สมองเธอถูกลาเตะหรือเปล่า?
“เดี๋ยวนี้ฉันจะบอกคุณให้ชัดเจนแค่ครั้งเดียว กรุณาจำไว้ในสมองด้วย ฉันจะไม่พูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง ! ”
จ้องมองทับทิม เชอร์รีนเปิดปากพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ถ้าคุณยังอยากใช้ชีวิตสุขสบาย ก็ทำตัวให้ดีหน่อย ถ้าหากเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก คุณก็รับผลกรรมที่ตามมาเอง อย่าคิดอาศัยความเห็นใจจากพวกเขาอีก
เนื้อหาของข้อตกลงเมื่อกี้ คุณเต็มใจตัดขาดความสัมพันธ์กับเราสามคน และต่อจากนี้ไปจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ถ้าคุณก้าวเข้ามาที่นี่แม้แต่ก้าวเดียว ผู้รักษาความปลอดภัยก็จะบังคับให้คุณออกจากที่นี่ คุณจะโวยวายเสียงดังก็ได้ แต่ตำรวจจะพาคุณไปที่สถานีตำรวจในข้อหาก่อกวน
ถ้ายังไม่ยอมหยุดส่งเสียงโวยวาย ไม่เป็นไร ฉันจะส่งหนังสือสัญญานี้ให้ศาลและให้ศาลตัดสินใจให้เด็ดขาด คิดจะใช้ชีวิตให้ดี หรือจะรีบออกจากที่นี่ ให้คำตอบฉันด้วย…”
คำพูดของเธอเย็นชา พลังเสียงน่าตกใจทำให้ทับทิมรู้สึกหวาดกลัวแล้วจริงๆ และเธอมองไปที่จักรกฤษกับกนกอร ราวกับขอความช่วยเหลือ
จักรกฤษกับกนกอรก็ผิดหวังในตัวเธอมากเช่นกัน และรู้ว่าทำให้เชอร์รีนเดือดร้อนมาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มองเธอและไม่พูดอะไร
เชอร์รีนยกมือขึ้นทุบโต๊ะ “ฉันถามคุณอยู่ คุณมองพวกเขาทำไม? ”
ถูกเสียงฉับพลันทำเอาสะดุ้งตกใจ ร่างกายของทับทิมสั่นเล็กน้อย แต่เสียงของเธอเบาราวกับเสียงยุง “ใช้ชีวิตให้ดี”
“พูดดังๆหน่อย ฉันไม่ได้ยิน!”
“ใช้ชีวิตให้ดี!” ทับทิมเพิ่มเสียงของเธอให้ดังขึ้น
“ครั้งนี้ฉันพูดได้ก็ทำได้จริง ดังนั้นอย่าพยายามทำให้ฉันโกรธ ความอดทนของฉันมีขีดจำกัด! ”
นอกห้องผู้ป่วยหนักของโรงพยาบาล
ร่างที่เรียวยาวของออกัสพิงอยู่ที่หน้าต่าง และเสื้อกันลมสีดำบนตัวของเขามีรอยยับแล้ว
สีหน้าเย็นชา ดวงตาที่ลึกของเขาแดงเล็กน้อย นอกจากนั้น ยังมีรอยเส้นเลือดบางๆผสม
แต่ แม้ว่าจะเสื่อมโทรมขนาดนี้ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อความหล่อของเขาเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกัน ยิ่งเสริมความหล่อที่ซับซ้อนเข้าไปอีก
บินจากเมืองบีเจไปยังเมืองs จากนั้นก็ขับรถจากเมืองsไปยังอำเภอซีซ่า หลังจากที่เขามาถึง อำเภอซีซ่าแล้วหยาดฝนก็ยังไม่ออกมาจากห้องฉุกเฉิน
เลขานุการที่อยู่ข้างๆบอกว่า ตอนที่เกิดแผ่นดินไหว ผู้ช่วยหยาดฝนเข้าไปในห้องที่กำลังจะถล่มลงมาเพื่อช่วยเด็กทารกแรกเกิด
ตอนที่อุ้มเด็กทารกออกมา จู่ๆบ้านก็พังทลายลงมา กระแทกผู้ช่วยหยาดฝนพอดี
เพื่อความสุขในการช่วยเหลือผู้อื่น แม้แต่ชีวิตของตัวเองก็ไม่เอาแล้ว…