ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 520 จะดื่มด้วยกันไหม
“ผมมีโอกาสได้แต่งงานกับผู้หญิงในดวงใจก่อนวัยสี่สิบ และยังมีลูกเป็นของตัวเอง มันไม่ง่ายสำหรับผมเลย ผมจะทุ่มเทสุดความสามารถเพื่อให้คุณและลูกได้สิ่งที่ดีที่สุด รู้ไหม?”
ฉันทัชโอบกอดเธอ วางคางบนศีรษะเธอ พลางถอนหายใจเบา ๆ ทว่าพึ่งพอใจมาก
ยู่ยี่หลับตา ดื่มด่ำกลิ่นอายชวนหลงใหลของผู้ชาย จากนั้นก็พยักหน้ารับปาก“งั้นฉันถอยหนึ่งก้าว จัดงานที่เฮทเคก็ได้ค่ะ”
“ดีจัง” ริมฝีปากฉันทัชยกยิ้ม ยากจะจินตนาการมาก เมื่อผู้ชายสุขุมยิ้มขึ้นมาจะสดใสดั่งพระอาทิตย์เดือนมีนาคม
ความสุขไม่ใช่ต้องล้มลุกคลุกคลานมากมาย และไม่ใช่ต้องพบเจอประสบการณ์โชกโชน
แต่คือการเจอเภทภัย ร่างกายเจ็บช้ำทั่วร่างแล้ว ยังได้เจอคนแบบนี้อีก คุณรักฉัน และพอดีที่ฉันก็รักคุณ มันกำลังดีเลย
ยู่ยี่ขี้เกียจขยับ ฉันทัชอุ้มเธอไปด้านหน้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
การขึ้นศาลของซาฮาร่าไม่มีความคืบหน้าเหมือนครั้งที่แล้ว การคาดเดาไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้
หลังจากที่เสียเวลาหนึ่งวัน ซาฮาร่าไม่คิดจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป ทั้งเสียเวลาและเสียอารมณ์ ใครใช้ให้เธอไม่มีหลักฐานกัน?
ทว่าตอนขึ้นศาลวันนี้ สายตาที่เรนนี่มีซาฮาร่านั้นเต็มไปด้วยความเกลียดแค้น สามารถกดดันให้ผู้คนตายได้เลย
หลังจากที่เลิกศาล ซาฮาร่าคิดว่าจะยกฟ้อง เพราะไม่อยากวนเวียนอยู่อย่างนี้ต่อไป มันไม่ได้ทางฟ้องร้องสำเร็จเลย ทำให้ตัวเองเหนื่อยเปล่า ๆ
หลังจบสิ้น คนหนึ่งเดินอยู่ด้านหน้า คนหนึ่งเดินอยู่ด้านหลัง เมื่อมาถึงหน้าประตู เรนนี่ก็เร่งฝีเท้าขวางทางซาฮาร่า
เธอยังไม่ทันเอ่ยปาก ทว่ากลับเห็นรัดเกล้าที่รออยู่ด้านข้าง
รัดเกล้าเหมือนไม่ได้นอนมาทั้งคืน ท่าทางอิดโรยมาก หนวกก็เริ่มขึ้นแล้วด้วย
เมื่อเห็นซาฮาร่าเดินออกมา ดวงตาเขาก็เปล่งประกาย เดินเข้าไปแล้วจับแขนซาฮาร่าไว้ “ซาฮาร่ายกโทษให้ผมแล้วใช่ไหม?”
เรนนี่วางมือข้างลำตัว ยืนมองอยู่ด้านข้าง
เห็นได้ชัดว่ารัดเกล้าใช้แผนเจ็บตัวอ้อนวอน ทว่าน่าเสียดายที่ซาฮาร่าไม่ใจอ่อน
เขาจับแน่นไม่ปล่อย ตอนนี้ไม่ได้จับเพียงแขนของซาฮาร่าเท่านั้น ยังจับเงินทองไว้ด้วย แล้วจะให้ปล่อยได้ยังไง?
“ผมรู้ว่าคุณให้อภัยผมแล้ว เมื่อคืนผมสำนึกผิดจริง ๆ แล้ว เมื่อก่อนผมเลอะเลือนเอง วันหลังจะไม่ทำผิดอีก ผมรับรอง คุณลองคิดดูสิ เมื่อก่อนมีผู้หญิงรายล้อมผมเต็มไปหมด แต่ช่วงนี้นอกจากผมจะดื่มเหล้าและมีความสัมพันธ์กับเรนนี่แค่ครั้งเดียวแล้ว ผมก็ไม่มีทำอะไรที่ผิดต่อคุณเลยนะ ผมรู้ว่าคุณโกรธ ดังนั้นผมจึงสั่งสอนเรนนี่ไปแล้ว เรนนี่ทำให้คุณโกรธขนาดนี้ ผมก็ไม่ปล่อยให้เธอสุขสบายหรอก”
ดวงตาเรนนี่วูบไหว ที่แท้คนที่ทำให้เธอตกอยู่ในสภาพแบบนี้ก็คือเขานี่เอง
ซาฮาร่าไม่สะทกสะท้าน กล่าวเสียงเย็นเยียบว่า“มันเป็นเมียของหัสดิน คุณก็ยังเอาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงอื่นเลย คุณรู้แต่เอาความสุขใส่ตัว แต่ฉันขยะแขยง อยากจะอ้วก ฉันเห็นธาตุแท้ของคุณแล้ว ไม่มาพูดจาไร้สาระกับฉันอีก เตรียมเอกสารให้พร้อม พรุ่งนี้ไปหย่ากัน”
รัดเกล้าส่ายหัว ตอนนี้ทำท่าทางเหมือนผู้หญิงไม่มีผิดเพี้ยน
ซาฮาร่าไม่อยากฟังต่อ สะบัดมือเขาทิ้ง สั่งให้โชเฟอร์ดึงตัวรัดเกล้าไป
จากนั้นเธอก็ขึ้นรถ สตาร์ทรถแล้วจากไป
เมื่อรถหายลับไปจากสายตา เขาก็ละสายตาแล้วก่นด่าว่า“แม่งมึงสิ นึกว่าวิเศษวิโสมาจากไหน ถึงจะหย่าจริง ๆ ตาเฒ่าก็คงไม่ปล่อยให้กูอดตายหรอก กูเป็นถึงลูกคนเดียวของเขา”
เมื่อมีความคิดเช่นนี้ รัดเกล้าก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมา ความหดหู่และความเศร้าหมองเมื่อครู่มลายหายไปเป็นปลิดทิ้ง
เรนนี่ได้ยินชัดเต็มสองหู เธอยกมุมปากขึ้นยิ้มอย่างแดกดัน ผู้ชายคนนี้เลวได้ใจจริง ๆ
รัดเกล้าได้ยินเสียงหัวเราะ จนมองไปยังต้นเสียง พลันเห็นเรนนี่กำลังยิ้มอยู่ จึงเกิดราคะขึ้นมาอีกครั้ง
อย่างไรเสียก็ต้องหย่ากันอยู่ดี ทำไมเขาต้องปวดหัวด้วย สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือ……
เรนนี่รู้สึกขยะแขยง กวาดสายตามองเขาอย่างราบเรียบ จากนั้นก็เดินออกไป
เมื่อกลับมาถึงที่พัก เนเน่ก็เกลี้ยกล่อมให้เธอไปหางานทำ อยู่แต่บ้านก็ไม่ใช่ทางออกที่ดี
ทว่าเรนนี่ไม่ยอมฟัง เธอไม่มีความคิดทางด้านนี้เลย
ตอนนี้เธอคิดอย่างเดียว นั่นก็คือการแก้แค้น แก้แค้นทุกคนที่ทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้
หากไปทำงานอย่างขยันขันแข็ง เงินเดือนมากสุดก็หลักหมื่น เงินเดือนแค่นั้นไม่เข้าตาเธอหรอก
อีกอย่าง เงินเดือนแค่นั้นจะทำอะไรได้?
หากใส่แต่ชุดเดิม ถือกระเป๋าตัวเดียว ตอนเจอหน้าเพื่อนสมัยเรียน เธอก็ต้องถูกหัวเราะเยาะหน่ะสิ
เรนนี่รับแบบนั้นไม่ได้ อีกอย่าง ตอนนี้คงไม่มีบริษัทไหนรับเธอเข้าทำงานหรอก เธอไม่อยากรนหาที่
เธอไม่ใช่คนที่ต้องใช้ชีวิตแบบนั้น เรนนี่คิดว่าตัวเองต่างจากคนทั่วไป ชีวิตความเป็นอยู่ก็ต้องแตกต่างกันด้วย
เนเน่จนปัญญา เมื่อเธอไม่รับฟัง พูดไปก็เปลืองน้ำลายเปล่า ๆ
ตอนกลางคืน เนเน่มีงานเลี้ยงต้องเข้าร่วม เมื่อบอกเรนนี่แล้วก็ออกไป ปล่อยให้เรนนี่นั่งว่างอยู่บ้างเฉย ๆ
เธอเองก็รู้ดีว่าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้
เธอค้นเสื้อผ้าออกมา จากนั้นก็เลือกชุดที่เซ็กซี่หน่อย ๆ ทว่ายังคงรักษาความไร้เดียงสาไว้ ทั้งยังเจือความสวยหยาดเยิ้มไว้อีกด้วย
เรนนี่ใส่แล้วก็หากระเป๋าถือ จากนั้นก็ตรงไปยังไปไนท์คลับ
ตอนกลางคืน จุดที่คึกคักที่สุดก็เห็นจะเป็นไนท์คลับ และเป็นสถานที่ที่ดีที่สุด
ซึ่งมีกฎกติกาง่ายมาก แค่รู้สึกสังเกตสีหน้า อากัปกิริยาและการพูดการจา และยังสามารถดูได้จากการแต่งกาย
เธอนั่งอยู่ในมุมหนึ่ง เธอถือไวน์แดงในมือแล้วเขย่าเบา ๆ ยิ่งขับเน้นให้ไวน์แลดูสวยงามมากขึ้น
ระหว่างนี้มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในไนท์คลับ รูปร่างเขาสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา ร่างกายแผ่รังสีผู้ดีอย่างไม่อาจต้านทาน และสวมใส่เสื้อแบรนด์เนมด้วย
เรนนี่จึงล็อคเป้าหมายไว้ชัดเจน ผู้ชายหน้าตาดีและมีเงิน และอาจจะรวยกว่าหัสดินด้วยซ้ำ เธอจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่เลือกผู้ชายแบบนี้
ซึ่งผู้ชายที่เดินเข้ามาคือ อาคิระ
เขาได้ยินฉันทัชกับยู่ยี่จะแต่งงานกัน เขาก็อยู่ไม่เป็นสุข หงุดหงิดตลอดเวลา คล้ายกับกองไฟที่ลุกโชน ไม่รู้ว่าจะลุกลามขึ้นเมื่อใด
เขาคิดจะหาห้องวีไอพีแล้วนั่งดื่มเหล้า จะได้สยบเพลิงโกรธแค้นบ้าง ไม่งั้นตัวเองต้องระเบิดเป็นเสี่ยง ๆ แน่
เรนนี่ลุกขึ้น ก่อนจะเดินตามหลังเขาไปชั้นบน
เธอเคยทำงานด้านแฟชั่นสักระยะหนึ่ง ดังนั้นจึงมองของแบรนด์เนมออก นาฬิกาข้อมือของผู้ชายมีมูลค่าหลายล้านแน่
อาคิระเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง พลางเดินเนิบ ๆ ซึ่งเป็นโอกาสทองของเรนนี่เลย
เธอแสร้งทำเป็นรีบร้อน มือจับโทรศัพท์แล้ววิ่งขึ้นชั้นบนอย่างเร่งรีบ ตัวเธอที่ใส่รองเท้าส้นสูงหัวแหลม วิ่งเร็วจึงยืนไม่มั่นคง ก้าวไปก่อนสองขั้นบันไดก็เซถอยไปด้านหลัง และล้มอยู่ในอ้อมกอดอาคิระพอดี
อาคิระจับตัวเธอไว้ด้วยสัญชาตญาณ
เรนนี่ทำหน้าตกใจ ใบหน้าซีดขาวไปหมด ไม่แม้เส้นเลือดให้เห็น เธอยกมือตบหน้าอกเบา ๆ พลางหายใจหอบ “ขอบคุณคุณมากจริง ๆ ค่ะ”
อาคิระไม่ได้มีคลื่นอารมณ์มากนัก
“คุณมาดื่มคนเดียวเหรอคะ?” เรนนี่หาหัวข้อในการสนทนา
อาคิระไม่ได้ตอบ ทว่ามือถือดังขึ้นกะทันหัน เขารีบรับสายแล้วกล่าวว่า“สืบได้หรือยัง?”
ไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไร เขาขมวดคิ้วแน่นเป็นปม“พรุ่งนี้ฉันทัชกับยู่ยี่จะกลับเฮทเค?จัดงานแต่งตอนไหน?”
ได้ยินการสนทนาทางสาย เรนนี่ก็รู้สึกโลกแคบเหลือเกิน“ยู่ยี่?”
อาคิระวางสายก็มองมายังเธอ“รู้จักเหรอ?”
เรนนี่เหยียดยิ้มเย้ยหยัน“รู้จักค่ะ ทำไมจะไม่รู้จัก พวกเรารู้จักกันดีเลยแหละค่ะ”
คำพูดมีเลศนัยยิ่งและความหมายลึ้งซึ้งมาก อาคิระฟังออก เขายกคิ้วขึ้นนิด ๆ พลางถามว่าจะดื่มด้วยกันไหม?
เรนนี่ไม่รอช้า รีบตอบตกลงทันที เป้าหมายคืนนี้ก็เป็นแบบนี้ โอกาสมาเยือนแล้ว เธอไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
ในห้องวีไอพีมีพวกเขาแค่สองคน และดื่มเหล้าลงท้องไม่น้อย อาคิระนั่งไขว่ห้าง ถามเรื่องระหว่างเธอกับยู่ยี่
มันเป็นความแค้นในใจที่เนิ่นนานที่สุดของเรนนี่ เวลาเธอเล่าจึงพูดน้ำไหลไฟดับ พูดถึงพริกถึงขิงมาก
อาคิระฟังแล้วก็เผยรอยยิ้มที่มุมปาก ท่าทางที่เห็นเพียงเลือนราง ยากจะเดาใจ
เรนนี่ถามว่าเขากับยู่ยี่มีความสัมพันธ์อะไร ทำไมถึงรู้จักกัน อาคิระตอบว่า เขาไม่รู้จักยู่ยี่ แต่เขากับฉันทัชเป็นเพื่อนรักกันมาหลายปี
เป็นเพื่อนกับผู้ชายแบบนี้ได้ แสดงความเขามีฐานะไม่ธรรมดา เรนนี่คิดในใจว่าล่าหาสมบัติถูกเป้าหมายแล้ว จึงแอบเบิกบานใจ
อาคิระฟังออกมาเธอกับยู่ยี่มีความแค้นต่อกันหนักมาก“ในเมื่อเธอทำแบบนี้กับคุณ ทำไมคุณถึงไม่แก้แค้นล่ะ?”
เรนนี่ไม่ใช่คนโง่เขลาเบาปัญญา ฟังออกมาเขาไม่พอใจในตัวยู่ยี่มาก“แก้แค้นยังไงล่ะคะ?”
“เหมือนเธอจะท้อง” อาคิระพูดเสียงเรียบ ๆ
เรนนี่ได้ยินก็ส่ายหัว ที่ผ่านมามีเด็กตายในมือของเธอสี่คน ซึ่งบางคน เธอก็มีเจตนา แต่บางคนก็ไม่ได้ตั้งใจ
เธอยังมีความเชื่ออยู่บ้าง เธอไม่มีทางลงมือกับเด็กอีก มิฉะนั้นเธอกลัวว่าตัวเองจะฝันร้าย
“แล้ววิธีอื่นล่ะ?คุณไปทำเต็มที่ได้เลย ส่วนผมจะสนับสนุนด้านการเงินให้คุณ ระหว่างนั้นคุณอยากได้อะไร ผมก็จะหามาให้ คุณรู้ว่าผมก็เกลียดเธอมากเหมือนกัน” อาคิระพูด
เรนนี่คิดตรึงตรอก เมื่อชั่งน้ำหนักกันแล้ว เรนนี่ก็ส่ายหัว ปฏิเสธข้อเสนอนี้
เธอไม่ใช่คนโง่เง่าเต่าตุ่น รู้ความน่าเกรงขามของตระกูลยศณะราคินดี ถึงเธอจะหาคนหนุนหลังเจอ แต่แขนเล็กก็สู้ขาใหญ่ไม่ได้หรอก