ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 524 ดูไปก็น่าสงสาร
เขาในเวลานี้ไม่ได้สง่าเหมือนเมื่อแต่ก่อน แต่เหมือนผ้าที่มีฝุ่น ครึมๆ ดูไม่สว่าง
“โอโห้ นี่มันเกิดอะไรขึ้น จงใจหรือเปล่าเนี่ย ขนาดนังนั่นก็มาที่สนามบินด้วย คงไม่ได้จะไปฮ่องกงเหมือนกันหรอกนะ”
ทันใดนั้นนาโนมองไปยังข้างหลัง เอ่ยปากพูดอย่างเหยียดๆ
ด้วยความใคร่รู้นั่นเองทำให้ผู้คนตรงนั้นต่างหันหลังไปแล้วก็เห็นเรนนี่ถือกระเป๋า ระยะห่างระหว่างกันไม่ได้ไกลมาก ดังนั้นคำที่เธอพูดก็ได้ยินเข้าหูเธออย่างชัดเจน
ยู่ยี่แต่งงาน เขายังกล้าไป หึหึ ดูเหมือนว่ารักมากจริงๆ ในเวลาเดียวกันก็ทำให้ความโกรธที่อยู่ในใจของเธอรวมไปถึงความเคียดแค้นก่อให้เริ่มก่อตัวขึ้น
“นังเรน นี่แกไม่รู้ว่าจะไปทางไหนดีหรอ?” นาโนยิ้มสวยเป็นพิเศษ
มือของเรนนี่ที่ถือกระเป๋ากำแน่น ไม่ตอบเธอ
“เรื่องมันคงไม่ได้บังเอิญอย่างนี้หรอกมั้ง หัสดินคุณคงไม่ได้นัดแนะกับนังเรนแล้วออกมาด้วยกันอย่างนี้หรอกนะ?”
ครั้งนี้หัสดินเอ่ยปากพูดขึ้นอย่างรังเกียจและไม่แยแสโดยไม่ปกปิดว่า “อย่าพูดถึงมันต่อหน้าผม ผมไม่อยากได้ยินชื่อนี้อีก!”
ความรังเกียจที่เผยออกมาเหมือนเจอของที่น่ารังเกียจอย่างขี้มูก
เรนนี่สะเทือนจิตใจอย่างจังๆ หัวใจเต้นเร็ว เส้นโลหิตห้อขึ้น เขาพรรณาเธอว่าน่ารังเกียจอย่างนี้ต่อหน้าผู้คนเยอะๆในสนามบิน
ในเมื่อทำเธอจนตรอกอย่างนี้ เธอจะปล่อยเขาไปได้ยังไง!
“หึหึหึ ฉันลืมบอกแกไปเรื่องนึง! ยังจำครั้งแรกที่แกนอกใจได้มั้ย นั่นมันไม่ใช่อุบัติเหตุแล้วก็ไม่ใช่ความผิดพลาด แต่เป็นแผนของฉันเอง เข้าใจมั้ย!”
มือของหัสดินที่อยู่ข้างกายกำแน่นจนเสียงกระดูกดังขึ้นกรุบ พูดเสียงกัดฟันออกมาว่า “แกพูดว่าไงนะ?”
“ฉันบอกว่าครั้งแรกที่แกนอกใจมันไม่ได้เป็นอุบัติเหตุและก็ไม่ใช่ความผิดพลาดด้วย แต่เป็นแผนการฉันเอง แกเหมือนคนโง่ที่โดนฉันหลอกเล่นมาตั้งหลายปี!” สีหน้าของเขานั้นทำให้เรนนี่มีความสุขอย่างที่สุด เธอยกมุมปากฉีกยิ้มอ่อนแล้วเอ่ยปากพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ในที่สุดก็ทำให้หัสดินโกรธอย่างขีดสุด เขาเหมือนสิงโตที่อยู่ในอารมณ์โมโหอย่างยิ่ง แล้วยกกำปั้นซัดเข้าไปที่เรนนี่
เรนนี่ไม่ได้คาดคิดก็โดนหมัดนั้นเข้าไปเต็มๆ ตัวเธอเองทรุดลงไปอยู่ที่พื้น ข้างแก้มซ้ายนั้นบวมแดงขึ้นมาทันที ที่มุมปากมีเลือดไหลออกมา
ที่นี่คือสนามบินมีผู้คนที่สัญจรไปมาต่างก็ได้เห็นภาพเหตุการณ์นั้น สายตาของทุกคนก็หันมามองอย่างใคร่รู้
หัสดินไม่สนสายตาเหล่านั้น กัดฟันกรอดๆเหมือนคนบ้าเดินเข้ามายังเรนนี่
ออกัสหรี่ตาลงทันใดนั้นก็เอาเด็กที่อยู่ในอ้อมกอดยื่นให้กับเชอร์รีน แล้วเดินมาข้างหน้ามากั้นหัสดินไว้
“อย่ามาขวาง! อย่ามาขวางฉัน! ปล่อย!” ดวงตาเขาแดงฉาน เหมือนเส้นเลือดแตก เขาใช้แรงขัดขืน
ส่งซิกให้กับดนัยเขาก็รีบเข้ามาที่ด้านหน้าทันทีเพื่อมาจับแขนของหัสดินอีกข้างนึง แล้วพาตัวเขาไปที่ห้องพักรับรอง
ในเวลานี้หัสดินที่ดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธมือของเขาก็ไม่ลืมที่จะลากแขนของเรนนี่เข้าไปในห้องพักรับรองด้วย
ประตูห้องพักรับรองได้ถูกปิดลง หัสดินก็เปลี่ยนเป็นหัวร้อนขึ้นมาอีก เขาเดินเข้าไปมือทั้งสองคว้าปกคอเสื้อของเรนนี่ แล้วใช้แรงต่อย
เรนนี่ไม่มีแรงที่จะรับมือเลย ทำได้แค่ผู้ถูกกระทำ ที่มุมปากมีเลือดสดๆไหลออกมาแต่กลับพูดอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “แกมันโง่! โง่มาก! ถูกฉันหลอกมาได้หลายปี ฮาๆๆๆ!”
ยิ่งเธอหัวเราะมากเท่าไหร่ ความโมโหของหัสดินก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น และด้วยความโมโหของเขาที่มีมากนี่เอง แรงที่อยู่บนมือเขาก็ลดละไปไม่ได้เลย
หัสดินเหมือนคนบ้า เรนนี่ก็เหมือนคนบ้า
ออกัสกับดนัยก็ไม่ได้เข้าไปห้าม พวกเขามองดูอยู่กับที่ เชอร์รีนรู้สึกน่าจะพอลงได้แล้ว
ขนาดนาโนก็รู้สึกว่ากลิ่นอายของความดุและความโมโหร้ายของหัสดิน ทำให้เธอตะลึงอยู่กับที่
ถ้าลองเป็นผู้หญิงคนอื่นคงคุกเข่าร้องขอชีวิต แต่นี่เป็นเรนนี่ เธอกลับไม่ได้ทำอย่างนั้น เธอยังคงหัวเราะ มุมปากแฝงรอยยิ้ม หัวเราะเสียงดังมาก
เขาโกรธมากและมากที่สุด แค่คงความโกรธนี่ไว้เท่านั้น เธอจะทำให้เขารู้ว่า เธอไม่มีความสุขเขาก็ต้องไม่มีเหมือนกัน ไปลงนรกด้วยกันเถอะ!
“การพบกันโดยบังเอิญหลายครั้งนั้นก็เป็นแผนการของฉัน ความรู้สึกหลังจากที่ได้รู้ความจริงเป็นยังไง อยากที่จะฆ่าฉันล่ะสิ มาสิ ฆ่าฉันเลย! ฆ่าฉันเลย!” เรนนี่ร้องตะโกนเหมือนคนบ้า
คำพูดเหล่านั้นเป็นเหมือนเพลงกล่อมเด็กที่ดังเข้าโสตประสาทของหัสดิน เขาส่งเสียงโมโหแล้วต่อยไปที่ร่างของเรนนี่อย่างไม่พัก
“พอแล้ว! ไปห้ามเขา! ขืนเป็นอย่างนี้ต่อไปคงมีคนที่ต้องเป็นอะไรไปแน่! เชอร์รีนเอ่ยขึ้น
ออกัสก็เฝ้าดูมาตลอด คงไม่ให้เขาก่อเรื่องวุ่นวายอะไรแน่ ได้ยินดังนั้นแล้วเขาก็ไปห้ามหัสดินเอาไว้
เรนนี่ยังคงหัวเราะ ท่าทางโมโหร้ายของหัสดินนั้นกลับทำให้เขาอยากที่ฉีกเลือดฉีกเนื้อของเธอไม่ให้เหลือ
ขณะที่จะออกจากสนามบินนั้นออกัสก็เรียกให้พนักงานรับผิดชอบของสนามบินเข้ามาเพื่อทำลายภาพในกล้องวงจรปิดนั้นออกแล้วเรียกหมอ แล้วผู้คนกลุ่มนั้นก็เดินออกไป
ระหว่างทางนั้นออกัสกับดนัยก็ควบคุมหัสดินไว้กลัวว่าเขาจะบ้าขึ้นมาอีก!
เรนนี่บาดเจ็บไม่หนักไม่เบา หลังจากที่ทายาลงไปแล้ว เธอลากร่างของเธอที่เจ็บจนชาให้ลุกขึ้น และรู้สึกมีความสุขใจมากยิ่งนัก
แล้วก็มาถึงเวลาที่เครื่องกำลังจะออก เธอไม่มีเวลาหยุดอยู่ตรงนั้น และสถานที่ที่เธอจะไปก็เป็นฮ่องกงพอดี เพื่อที่จะไปอยู่กับชายสูงวัย
บนเครื่องบิน ในช่วงเวลาสั้นๆนั้นหัสดินเหมือนดูแก่ไปสิบกว่าปี เขานั่งอยู่บนที่นั่ง ใบหน้าอึมครึม ไม่พูดไม่จาอะไร หลังมือที่ไปต่อยกับกำแพงนั้นในเวลานี้ได้เห็นรอยบาดแผล ทั้งแดงทั้งบวม เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนทั่วไปไม่กล้าที่จะมอง
เงียบมาตลอดทาง เครื่องบินออก เชอร์รีนกับนาโนยังไม่ตื่นจากอาการตกใจเมื่อกี้นี้
เห็นได้ชัดว่าหัสดินลงมืออย่างหนักกับเรนนี่ ในชีวิตจริงพวกเธอยังไม่เคยเห็นผู้ชายที่ลงมือหนักกับผู้หญิงอย่างนี้ แต่นั่นก็พิสูจน์แล้วว่าหัสดินเกลียดอย่างขั้นสุด!
ฮ่องกง
ยู่ยี่นั่งอยู่ในห้องวีไอพี ฉันทัชนั่งอยู่ข้างกายเธอ บนโต๊ะมีนมแล้วยังมีผลไม้ตามฤดูกาล ต่างก็เป็นสิ่งที่เพิ่งนำมาเสริฟ
ในเวลานี้เธอรู้สึกลิงโลดใจมาก สีหน้ามีความตื่นเต้น มองออกไปข้างนอกอย่างอดไม่ได้
มีความรู้สึกจนใจอยู่เนืองๆ ฉันทัชอยู่เป็นเพื่อนเธอ ผ่านไปสักพักเขาก็เดินเข้ามาสองมือมาอยู่ที่ไหล่กดเธอลงนั่งบนโซฟา “ตื่นเต้นขนาดนี้เลยหรอ?”
“ใช่! ฉันไม่ได้เจอกับพวกเธอมานานมากแล้วอ่ะ คิดถึงมาก” ยู่ยี่ออดอ้อนเขา
“เพื่อผมคุณเลยลำบากแย่เลย…” ฉันทัชพูดอย่างนิ่มนวล เอาเธอเข้ามากอดไว้ในอ้อมกอด
“คุณรู้ก็ดีแล้ว” เธอตอบอย่างหน้าตาเฉย “ดังนั้นหลังจากนี้คุณต้องดีกับฉันให้มากๆนะ ฉันลำบากเพื่อคุณออกอย่างนี้”
“ตกลง ผมรู้แล้ว….” ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร เขาก็ตอบรับด้วยเสียงที่อ่อนโยนและนุ่มนวล
หลังจากที่เวลาผ่านไปนาน ในที่สุดเครื่องบินก็มาถึง ยู่ยี่รีบเดินออกไปข้างนอก ฉันทัชตาไวมือไว มือข้างนึงจับข้อมือของเธอ “เดินดีๆ ระวังเด็กในท้อง…”
ยู่ยี่เก็บอาการนั้น สูดหายใจเข้าลึกๆพยักหน้า ใช่ ตอนนี้เธอกำลังตั้งครรภ์ จะบุ่มบ่ามไม่ได้
ฉันทัชชอบท่าทางของเธอที่เป็นอยู่ในตอนนี้มาก บุ่มบ่ามนิดๆ สะเพร่าหน่อยๆ แต่ดูว่าง่ายเหมือนเด็กสาว
คนกลุ่มนั้นดูสะดุดตาเสมอ แล้วก็เป็นจุดเด่นที่น่าจับจ้อง ชายหล่อหญิงสวย แม้ว่าจะเดินอยู่ในกลุ่มผู้คนก็ไม่มีทางบดบังออร่าของพวกเขาได้
ซารางปากหวาน เธอก้าวขาเล็กๆของเธอวิ่งเข้ามาในอ้อมกอดของยู่ยี่แล้วหอมแก้มของเธอแล้วเรียกว่าคุณน้ายู่ยี่
หัวใจของยู่ยี่นั้นแทบจะให้ละลายกันเลยทีเดียว เธอหอมแก้มน้อยๆที่นุ่มนิ่ม
มือใหญ่ของฉันทัชนั้นมาโอบที่บริเวณเอวของเธอ ก้าวขาที่เรียวยาวมายืนอยู่ต่อหน้าคนกลุ่มนั้น ฉีกยิ้มเสียงทุ้มต่ำว่า “เดินทางเหนื่อยแย่เลยครับ”
แล้วเขาก็ยื่นมือออกไปจับออกัสแล้วก็ดนัย เป็นมารยาทและท่าทางระหว่างผู้ชาย
ในขณะนั้นเองหัสดินก็เดินเข้ามา ยู่ยี่ตะลึงอยู่กับที่ เชอร์รีนพูดเสียงเบาข้างเธอว่าพวกเธอก็ไม่รู้ว่าหัสดินจะมาด้วย
สายตาของหัสดินจ้องมองยู่ยี่อย่างลึกซึ้ง มุมปากสั่นน้อยๆ เหมือนมีล้านคำอยากที่จะพูดออกมาแต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี อึดอัดมาก
ยู่ยี่กวาดตามองมาที่เขา แล้วหันสายตาเบนออกไปทางอื่น สายตานั้นนิ่งเหมือนน้ำ
“ห้องชุดได้จองไว้เรียบร้อยแล้วครับ แค่คิดไม่ถึงว่าประธานหัสดินจะมาด้วย รอสักครู่นะครับ ผมจะโทรบอกพวกเขาก่อน” ท่าทางของฉันทัชดูไม่แยแสยิ่งกว่า
แล้วคำพูดนั้นก็ปกติอย่างที่สุด หัสดินกลับให้รู้สึกสุดทน เรื่องความเป็นอยู่ของเขาจะต้องให้ผู้ชายของเธอมาจัดการให้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณความหวังดีของประธานฉันทัช ผมจะหาที่ที่เหมาะกับผม”
ทางนี้ได้จองห้องพักไว้เรียบร้อยแล้ว แล้วเขาก็เจตนาดี เลยไม่กล้าที่จะปฏิเสธ ออกัสจึงไม่ได้พูดว่าอะไร
“ทุกคนมาถึงฮ่องกง ผมก็จะพยายามเป็นเจ้าบ้านนะครับ กระเป๋าเดินทางของทุกคนจะถูกนำไปไว้ที่โรงแรม ร้านอาหารได้จองไว้เรียบร้อยแล้ว ไปกินอาหารกันก่อน….” ท่าทางของฉันทัชดูสุภาพบุรุษและมีมารยาท
ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ ทุกคนต่างรับปาก ยกเว้นหัสดิน เขาถือกระเป๋าเดินทางบอกว่าจะไปหาโรงแรม
พูดจบหัสดินก็ไม่ได้มองคนกลุ่มนั้น เขาถือกระเป๋าแล้วหันหลังเดินออกไปคนเดียว ภาพด้านหลังงอตัวน้อยๆทำให้คนมองรู้สึกลำบากใจ
ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่หรืออาจจะไม่ทันตั้งตัว เขาดูเป็นคนที่น่าสงสาร….
ฉากนั้นก็ให้รู้สึกทำตัวไม่ถูกกัน แต่ยังดีที่ซารางเจ้าตัวเล็กนั้นอยู่ ส่งเสียงร้องบอกว่าหิวแล้วจะกินอาหาร
คนกลุ่มนั้นไม่ได้สนใจหัสดินอีกแล้วไปยังร้านอาหารที่จองไว้ แน่นอนว่ามันต้องเป็นดูสวยหรูหรา ไม่ธรรมดา
บนโต๊ะอาหารนั้น พวกผู้หญิงไม่ได้เจอกันนานก็เลยพูดเม้ามอย คุยโน่นคุยนี่กันสารพัด
บรรยากาศระหว่างพวกผู้ชายไม่เหมือนกับพวกผู้หญิง มันค่อนข้างที่จะแปลกๆดูไม่สนิท จะว่าไปคนทั้งสองก็ไม่ได้สนิทกับฉันทัช
หน้าตาอันหล่อเหลานั้นมีรอยยิ้ม ฉันทัชเอ่ยหัวข้อสนทนาขึ้นมาให้บรรยากาศมันไม่เงียบเชียบไปมากกว่านี้ เสียอย่างไรเขาก็อายุมากกว่าคนทั้งสอง ประสบการณ์ที่ผ่านมาก็เยอะ ก็เลยแก้ไขบรรยากาศได้เป็น
หลังจากนั้นคนทั้งสามก็พากันพูดคุย หัวข้อการพูดคุยนั้นไม่ลึกไม่ตื้น พอดีๆ
ระหว่างที่พูดคุยกัน เขาก็ไม่ลืมที่จะตักอาหารให้ยู่ยี่ เธอบอกว่าเธอตื่นเต้นถึงขนาดลืมกินข้าว ฉันทัชเลยพูดเตือนเธอเสียงเบาตลอดเวลา