ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 53 ฐานะที่แตกต่างระหว่างทั้งสองคน
รอยยิ้มที่มุมปากยกขึ้น รูม่านตาของ ออกัสหดลง มืดและเงียบราวกับจะกำจัดทุกสิ่ง เขาอยากจะหยิกเธอให้ตายด้วยมือเดียว !
เมื่อเหลือบมองโทรศัพท์มือถือที่วางไว้บนม้านั่ง เขาจำเสียงโทรศัพท์ที่เธอเพิ่งโทรหาได้ เธอน้อยมากที่จะลังเล อ้ำอึ้งติดขัด….
หยาดฝนนอนอยู่ในห้องไอซียูยังไม่ฟื้น อารมณ์ความรู้สึกของเขาแย่สุดขีด
แต่โทรศัพท์ของเธอกลับโทรมาติดๆกันครั้งแล้วครั้งเล่าในเวลาที่ไม่เหมาะสม ในที่สุดก็กระตุ้นความโกรธในใจของเขาออกมา น้ำเสียงก็อดไม่ได้ที่จะแข็งกร้าว
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา มือใหญ่ของออกัส ได้ลูบคำว่าคุณหญิงเชอร์รีนสามคำนี้เป็นเวลานาน แต่สุดท้าย เขาก็ไม่ได้โทรกลับไปลืมตาขึ้น หรี่ตาลงแล้วมองไปที่ประตูห้องคนไข้ มือใหญ่ที่ดึงเนกไทมีอาการหงุดหงิดเล็กน้อย แล้วรอคอย…..
*
เธอก้าวเข้าไปในห้องรับแขกบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ก็เห็นสุนันท์กับเลอแปงนั่งอยู่บนโซฟา
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินมา สุนันท์หันมามองเธออย่างเรียบเฉยแล้วพูดว่า “กลับมาเมื่อไหร่?”
“วันนี้ตอนเช้า แม่” เชอร์รีนเปิดปากพูด
“แล้วออกัสล่ะ ไปที่บริษัทเหรอ”
“ไม่ได้ไปบริษัท เขาจากเมืองบีเจก็ตรงไปที่อำเภอซีซ่า บอกว่ามีเรื่องสำคัญ–”
แน่ะ ไม่รอให้เชอร์รีนพูดจบ สุนันท์เลิกคิ้วที่ละเอียดอ่อนของเธอ ลุกขึ้นจากโซฟา จ้องมองที่เธอ “เธอบอกว่า ออกัส ไปไหนนะ? ”
เชอร์รีนไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ อารมณ์ของเธอถึงกระวนกระวาย แต่เธอก็ตอบตามความจริงว่า “อำเภอซีซ่า”
หายใจรู้สึกติดขัดเล็กน้อย สุนันท์ซักถาม “ไปตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เมื่อคืนนี้ตอนสี่ทุ่ม” เสียงของสุนันท์เริ่มเย็นชาลง “ทำไมเธอไม่ห้ามเขาไว้ ? ”
“…”เชอร์รีนขยับคิ้วเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไร เธอจะห้ามได้อย่างไร ? อีกอย่าง สามารถห้ามได้เหรอ?
“แม่ ทำไมแม่ถึงโมโหใส่พี่สะใภ้ เรื่องที่พี่ชายจะทำ ใครสามารถห้ามได้?” เลอแปงพูดอย่างไม่พอใจ แก้ต่างแทนเชอร์รีน
แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้สุนันท์ไม่มีอารมณ์ที่จะสนใจเขา หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดเบอร์ขณะเดินไปที่ห้องครัว
ฝั่งโน้นรับสาย สุนันท์ถามโดยตรงว่า “ประธานออกัสไม่เป็นอะไรจริงหรือ?”
“ใช่ครับคุณหญิง กำลังออกคำสั่งกู้ภัยอยู่ครับ ในทีวีท่านน่าจะเห็น ไม่ต้องกังวลครับ” เป็นเลขานุการของสิงหา
“งั้นก็ขอถามต่ออีกนิด มีเจ้าหน้าที่คนไหนได้รับบาดเจ็บบ้างไหม” เธอไม่ได้เอ่ยชื่อนามสกุล แต่ถามอย่างนุ่มนวลเหมือนปกติ
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เลขานุการก็พูดตามความจริงว่า “เลขาหยาดฝนที่เพิ่งย้ายมาจากเมืองs ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้เขายังคงอยู่ในห้องไอซียู และยังไม่ฟื้น”
หัวใจเต้นแรงตุ้บ สุนันท์วางสายโทรศัพท์ เรื่องที่เธอคาดเดานั้นไม่ผิด ออกัสไปอำเภอซีซ่า ต้องไปเยี่ยมหยาดฝนแน่นอน !
ไม่ได้ เธอปล่อยให้เรื่องเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว!
ออกัสไม่ควรอยู่กับหยาดฝนตามลำพังคนเดียว เธอกลัวว่าถ่านไฟเก่าจะร้อน!
เดินไปที่ห้องนั่งเล่น เธอเห็นเชอร์รีนที่นั่งอยู่บนโซฟา ดวงตากะพริบ เป็นประกาย และพูดว่า “เชอร์รีนเอ้ย แม่มีเรื่องอยากจะบอกเธอ”
“ค่ะ” เชอร์รีนตอบ เธอรู้สึกว่าท่าทีของสุนันท์เปลี่ยนไปเล็กน้อย เปลี่ยนเป็นเหมือนอ่อนโยนขึ้น
“แม่ต้องจัดการเรื่องการระดมทุน และเรื่องบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ พ่อของเธอกับออกัสต่างก็อยู่ในอำเภอซีซ่า ข้างกายไม่มีใครดูแลพวกเขา
แม่กังวลนิดหน่อย พอดีเธอว่างอยู่ ก็ช่วยแม่ไปดูแลพวกเขาหน่อยได้ไหม ? ”
เชอร์รีนยังไม่ทันพูดอะไร เลอแปงก็ “ไม่ได้ ตอนนี้พี่สะใภ้ตั้งครรภ์อยู่ แผ่นดินไหวพึ่งจะหยุดลง สตรีมีครรภ์จะไปได้ไง? ”
“นี่ยังไม่ถึงสองเดือน พุงยังไม่ได้นูนขึ้นมาเพราะฉะนั้นไม่กระทบ พ่อกับออกัสต่างก็เป็นผู้ชาย ไม่มีใครซักเสื้อผ้า ออกัสก็รักความสะอาด แม่จะไม่ห่วงได้ยังไง?”
ได้ยินเช่นนี้ เชอร์รีนไม่ได้ปฏิเสธ แต่พยักหน้า “ตกลงค่ะ แม่ ฉันจะไปพรุ่งนี้”
อยู่ที่บ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ก็ไม่มีอะไรทำ อำเภอซีซ่าก็เกิดแผ่นดินไหวขนาดนั้น เธอไปช่วยได้แค่ไหนก็ช่วยเท่าที่จะช่วยได้
อย่างที่สุนันท์พูดแค่ไม่กี่คำ ท้องยังไม่โตขึ้นเลย ทำอะไรก็ไม่ส่งผลกระทบ
เลอแปงเหลือบมองเธอสองครั้ง แล้วพูดว่า “พรุ่งนี้ผมไปพร้อมกับพี่สะใภ้”
“เธอไปเข้าร่วมสนุกอะไร?” สุนันท์จ้องมองเขา
“พี่สะใภ้ผู้หญิงตัวคนเดียวไปอำเภอซีซ่าผมไม่วางใจ ผมไปกับเธอ ระหว่างทางจะได้ดูแลเธอด้วย” ใบหน้าที่หล่อเหลาของ เลอแปงเต็มไปด้วยความจริงจัง แม้กระทั่งดวงตาพีชคู่นั้นก็เปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา
เถียงเขาไม่ได้ สุนันท์ก็เลยต้องรับปาก “ตอนนี้เครื่องบินยังไม่ให้บิน พรุ่งนี้ให้คนขับรถพาพวกเธอไปที่นั่น”
ในตอนเย็น เชอร์รีนกำลังจัดกระเป๋าเดินทาง ไปอำเภอซีซ่าครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าต้องอยู่นานแค่ไหน สิ่งไหนต้องใช้ก็เอาไปให้หมด
ที่นั่นแผ่นดินไหวพึ่งผ่านไป ของใช้ทุกอย่างคงขาดแคลนมาก ในเมื่อมีรถ ก็จะได้ใส่อาหารที่ท้ายรถแล้วนำไปด้วย
ตื่นแต่เช้าในวันรุ่งขึ้น ท้องฟ้ายังมืดอยู่ เธอต้องกลับบ้านก่อนเพื่อจัดการเรื่องเงินเจ็ดแสนนั้นก่อน
ยู่ยี่ตื่นแต่เช้าจริงๆ เธอพึ่งไปถึงชุมชนก็เห็นรถของเธอจอดอยู่ที่นั่น
ไม่ได้ถามอะไรมาก ยู่ยี่ยื่นกล่องเงินสดให้เธอโดยตรง และถามว่า “พอมั้ย ถ้าไม่พอฉันจะไปธนาคารเบิกเพิ่ม…”
“พอแล้ว แต่เงินนี้ฉันคงไม่มีจ่ายให้ในทันที ได้แต่ค่อยๆทยอยจ่ายคืนคุณ” เชอร์รีนพูดเบาๆ
“ระหว่างเราพูดเรื่องแบบนี้ คุณไม่รู้สึกว่าเห็นฉันเป็นคนนอกเหรอ? ” ยู่ยี่ตบไหล่เธออย่างโกรธเคืองนิดๆ“เพื่อนกันนี่ ช่วยเหลือกันก็สมควรแล้ว ถ้าหากวันหนึ่งฉันเจอปัญหา คุณจะช่วยหรือไม่ช่วยล่ะ ?”
เธอตอบโดยไม่ลังเลเลย “ช่วย ! ”
“ก็แค่นี้เอง รีบเอาไปเถอะ ฉันยังต้องรีบกลับไปหาหัสดินไปดูแลแม่ของเขาด้วยกัน” ยู่ยี่พูดอย่างผ่าเผย
ได้ยินเช่นนี้ เชอร์รีนก็สะกิดเธอเบา ๆ “กล้าๆเป็นผู้หญิงหน่อย?”
“ตั้งแต่ฉันไล่ตามจีบหัสดิน เหมือนกับแมวไล่จับหนู คำว่า “ผู้หญิง” สองคำก็แยกจากฉันไปโดยสิ้นเชิง เป็นเวลานานแล้วที่ฉันไม่รู้ว่ารสนิยมของผู้หญิงเป็นอย่างไร พอละไม่บ่นละ ไปละ”
พยักหน้า เธอยังไม่วางใจและกำชับว่า “ขับช้าๆ หน่อย ระวังความปลอดภัย”
ตอบรับยู่ยี่สะบัดกุญแจรถในมือของเธอ
เรื่องที่ควรจัดการก็จัดการเสร็จละ เธอกับเลอแปงขึ้นรถไปยังอำเภอซีซ่า ขับรถจากเมืองs ไปยังอำเภอซีซ่า ใช้เวลาห้าชั่วโมง
ในตอนแรก เชอร์รีนไม่รู้สึกอะไร หลังจากนั่งผ่านไปสามชั่วโมง เธอรู้สึกไม่ปกติและรู้สึกคลื่นไส้
เธอไม่เคยเมารถ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะเธอตั้งครรภ์ ดังนั้นถึงได้เป็นแบบนี้
เลอแปงให้คนขับเปิดหน้าต่างเล็กน้อยเพื่อให้ลมพัดเข้ามา
ผ่านไปสักพัก อาการวิงเวียนศีรษะและคลื่นไส้ก็หายไป แต่สีหน้าของเธอซีดมาก
ทั้งห่วง ทั้งกังวลเลอแปงขอให้คนขับหยุดรถ และพักสักครู่ค่อยออกเดินทาง
เชอร์รีนยืนยันว่าไม่ต้องหยุด ตามความเร็วปกติไปถึงอำเภอซีซ่าท้องฟ้าก็มืดแล้วไม่สามารถหยุดเสียเวลาอีกต่อไป
ได้ยินเช่นนี้ เลอแปงได้แต่ฟังเธอ และออกเดินทางต่อไป
ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อเล็กน้อย และเชอร์รีนเริ่มค่อยๆง่วง ศีรษะค่อยๆพิงลงที่หน้าต่างและผล็อยหลับไป
ก็มีแต่เวลานี้เท่านั้น ที่เลอแปงปล่อยให้ตัวเองมองเธออย่างตามใจ
ในบ้านตระกูลสิริไพบูรณ์ เธอเป็นพี่สะใภ้ของเขา ในโรงเรียน เธอเป็นครูของเขา มีแต่ตอนนี้ เธอคือเชอร์รีน และเขาคือเลอแปง