ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 533 เธอฆ่าคนแล้ว
ไม่ควรประเมินความแรงของหญิงสาวที่กำลังโกรธต่ำเกินไป นอกจากนี้ฟันของเรนนี่นั้นบางและแหลมคม เธอกัดไปอย่างแรง
ชายชราร้องด้วยความเจ็บปวดราวกับกำลังฆ่าหมู ในที่สุดเขาก็อารมณ์เสีย ยกมือขึ้น และฝ่ามือของเขาก็ตกลงบนหลังของเรนนี่
แรงมือของเขาไม่เบา และเขาก็ตีต่อไปไม่หยุด
แม้ว่าผู้หญิงจะโกรธแค่ไหน ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ชาย ทันทีที่ชายชราออกแรง เรนนี่ก็ล้มลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด
ความแข็งแกร่งของชายชรานั้นมากเกินไป เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่หน้าอกของเธอ มันทั้งแน่นและจุก
“อย่าว่าห้าล้านกับบ้านเธอจะไม่ได้เลย แม้แต่ห้าแสน เธอก็อย่าได้แต่จะคิด!” ชายชรายิ้มเยาะ หยิบสูทของเขาขึ้นมา และกดโทรศัพท์โทรออก “ที่รัก ให้ทางโรงแรมเตรียมดินเนอร์ใต้แสงเทียนเลย ผมจะถึงแล้ว”
เรนนี่ใช้มือปิดหน้าอกและหอบหายใจ ลมหายใจติดขัดไปหมด และคำพูดของชายชราก็ลอยเข้ามาในหูของเธอคำต่อคำ
สุดท้ายเธอไม่ได้อะไรเลย แถมยังติดเอดส์อีก เขาติดเอดส์ แต่ยังคงมีชีวิตที่ดี ไร้ซึ่งการควบคุม เขามีสิทธิ์อะไร!
มือวางบนหน้าอกของเธอ นวดเบาๆ ความสงบและเย็นชาในดวงตาของเธอได้หายไปนานแล้ว ตอนนี้มีเพียงสีแดงเข้ม
รอยสีแดงนั้นดูเหมือนจะแทรกซึมเข้าไปในหัวใจของผู้คน ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว และเกิดความรู้สึกสั่นไหวที่อธิบายไม่ได้แผ่ขยายในหัวใจของพวกเขา
“แคก…แคก…” เธอกำลังหายใจ หอบอย่างหนัก ตาของเธอกวาดไปที่ตู้ปลากระจกด้านข้าง ตาสีแดงของเรนนี่เริ่มกลายเป็นบ้ามากขึ้น เธอเดินไปหยิบตู้ปลา แล้วรีบเดินไปหาชายชรา
ชายชราไม่เหลียวหลังมา เขายังคุยโทรศัพท์อยู่ พูดเรื่องไปเร็วไปสาย เรนนี่ยกมือขึ้น ก่อนจะได้ยินเสียง “ปัง” อย่างชัดเจน ตู้ปลาแตกละเอียดอยู่บนพื้น กลายเป็นผุยผง และชายชราก็ทรุดตัวลงกับพื้นด้วยขาที่อ่อนแรง เศษแก้วแทรกเข้าไปในเนื้อระหว่างคอ ทำให้เลือดไหลออกมา ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวดิ้นรนอยู่บนพื้นดินด้วยความเจ็บปวด
เมื่อมองไปที่สีแดงสด เรนนี่ก็รู้สึกสบายใจ และหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ชายชราดิ้นรนกับพื้นได้ไม่นาน จากนั้นเขาก็นอนไม่ขนับ
หลังจากหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง และได้สติกลับมา เรนนี่ก็มองไปที่พื้น มีเลือดจำนวนมากจนทำให้เสื้อผ้าบนร่างของชายชราถูกย้อมเป็นสีแดง
จนถึงตอนนี้ เรนนี่ถึงเพิ่งรู้ว่าเธอทำอะไรลงไป ร่างกายของเธอสั่นเทา เธอเดินช้าๆไปนั่งยองๆข้างชายชรา และยกมือที่สั่นเทามาอังตรงจมูกของเขา ก่อนจะล้มลงบนพื้น ไม่มีลมหายใจ ไม่มีลมหายใจเลย เขาตายแล้ว! เธอฆ่าคน!
ริมฝีปากของเธอก็สั่นเช่นกัน ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าห้องนี้น่ากลัวขึ้นมา ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองมาที่เธอ และเอื้อมมือไปหาเธอ พยายามบีบคอของเธอ
“กรี๊ด กรี๊ด!” เรนนี่กรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก รีบวิ่งออกจากโรงแรมอย่างคนบ้า เธอนั่งแท็กซี่กลับบ้าน โดยไม่ได้เข้าไปในอพาร์ตเมนต์ เธอนั่งที่มุมนอกประตู ขดตัวเป็นวงกลม เอาตัวชิดกำแพงอย่างระมัดระวัง และกรีดร้องอย่างหวาดกลัวออกมาเป็นครั้งคราว
เนเน่ผลักประตูออกมาเพื่อเอาขยะไปทิ้ง ก่อนที่สายตาของเธอจะเห็นเรนนี่สภาพนั้น ด้วยความตกใจ หัวใจเธอแทบจะทะลุออกมา “มานั่งทำอะไรที่นี่ แถมตัวสั่นด้วย”
เธอหายใจออกอย่างรุนแรง หัวที่ฝังอยู่ระหว่างขาของเธอยกขึ้น ดวงตาของเธอว่างเปล่าและเหม่อลอย ไม่รู้ว่ากำลังมองไปทางไหน แต่คำพูดที่เธอเผยออกมานั้นคลุมเครือ “ฉันฆ่าคน…ฉันฆ่าคนแล้ว…”
เนเน่ไม่ได้จริงจังกับมัน คิดว่าเธอล้อเล่น
“ฉันฆ่าเขา…ตีเขาด้วยตู้ปลา…เลือด…เขามีเลือดออกเยอะมาก…เขานอนอยู่บนพื้นโรงแรมและขยับไม่ได้…ฉันมีเลือดที่มือ…เธอเห็นไหม…เป็นเลือดเขา…มันแดงมากใช่มั้ย” เรนนี่ดูเหมือนคนบ้า และสติของเธอก็ไม่ปกติ และก็ไม่รู้ว่าเธอพูดไร้สาระหรือพูดความจริง
แต่เมื่อเนเน่สังเกตเห็นเลือดที่ส่องประกายระหว่างนิ้วมือของเธอ หัวใจและเปลือกตาของเธอเริ่มเต้นแรง และเสียงของเธอก็สั่น “ใคร…เธอฆ่าใคร”
“ชายชรา! เขาทำให้ฉันติดโรคเอดส์ แถมวันนี้ยังเอาเงินคืน จะให้มันง่ายขนาดนั้นได้ยังไง ฉันก็เลยฆ่าเขา!”
เนเน่กำลังจะเป็นบ้าจริงๆ น้ำตาไหลอาบแก้มของเธอ มือของเธอสั่นจนยกขึ้นไม่ได้ ก่อนจะพูดว่า “เรนนี่ ฟังฉันนะ ไปโรงพักและมอบตัวซะ”
เธอคิดว่าเธอหยุดเรนนี่จากการทำอะไรกับหัสดินได้แล้ว แต่เธอไม่คิดเลยว่าเธอจะฆ่าชายชรา!
“ฉันไม่อยากไปสถานีตำรวจ ไม่ไป ไม่ไป ไม่ไปในคุก!” เธอตะโกนอย่างแรง
“เธอต้องติดคุกได้เท่านั้น กฎหมายไม่มีช่องโหว่ เธอหนีไม่ได้ แถมสถานะของชายชราในเมืองs เป็นยังไง เธอฆ่าเขาแถมคิดจะหลบหนี จะเป็นไปได้ยังไง ทางออกเดียวคือต้องยอมจำนน บางทีกฎหมายอาจจะผ่อนปรนมากกว่านี้ ฟังนะ เราไม่มีทางอื่นแล้ว รู้ไหม” หัวใจและร่างกายของเนเน่สั่นเทา และเธอก็กัดปลายลิ้นอยู่หลายครั้ง เจ็บจนทนไม่ไหว
เรนนี่ยังคงส่ายหัว และรีบเข้าไปในห้อง ก่อนจะทุบหัวกับกำแพงครั้งแล้วครั้งเล่า
เนเน่ยืนร้องไห้อยู่หน้าประตู เธอไม่รู้ว่าเธอหยิบโทรศัพท์ออกมาได้ยังไง น้ำตาไหลลงมากระทบหน้าจอโทรศัพท์จนพร่ามัว เธอตัวสั่นและกดโทรออก “สวัสดีค่ะคุณตำรวจ มีคนฆ่าคนที่นี่ เธอยอมมอบตัว…”
ตำรวจมาอย่างรวดเร็ว ประตูห้องก็เปิดไม่ได้ ตำรวจต้องพังมันเข้าไปเท่านั้น เมื่อพังเข้าไปได้ ก็เห็นเรนนี่นั่งอยู่มุมห้อง หน้าผากเต็มไปด้วยเลือด ท่าทางหวาดกลัว
เมื่อเห็นเพื่อนสนิท เนเน่ก็ทนไม่ไหว จึงพูดกับตำรวจว่า “ฉันขอไม่ใช้กุญแจมือที่นี่ได้ไหม ให้ฉันพาเธอไปที่สถานีตำรวจเอง”
ตำรวจตกลง เนเน่เอื้อมมือไปช่วยเธอลุกขึ้น และพาเธอออกจากห้อง
เรนนี่ดูหวาดกลัวและยังคงส่ายหัวตลอดเวลา “เนเน่…อย่าส่งฉันเข้าไป…เนเน่…”
เธอแสบจมูกขึ้นมา เนเน่น้ำตาไหลรินพลางพูดเกลี้ยกล่อมเธอ “อย่าดื้อ พวกเราไม่ไป เธอไม่หิวเหรอ ไปกินข้าวกันเถอะ”
มีคนไปที่โรงแรมเพื่อยืนยันว่าชายชราคนนั้นตายแล้ว ตู้ปลาทุบที่จุดชีพจรของเขาพอดี จากนั้นจึงรวบรวมหลักฐาน
เรนนี่ถูกสอบปากคำ เธอสับสนและโกรธ แต่เธอก็สามารถอธิบายสิ่งเหล่านั้นได้อย่างครบถ้วน
หลังจากนั้นเธอถูกจำคุกเพื่อรอฟังการตัดสินครั้งสุดท้าย
ในคุกที่มืดมิด ร่างทั้งหมดของเรนนี่ถูกรวมเข้ากับความมืดอย่างสมบูรณ์ ราวกับว่าเธอกำลังจะถูกทำลายให้ไม่มีลมหายใจแม้แต่น้อย
เนเน่ไม่ได้กลับไปที่อพาร์ตเมนต์ แต่ย้ายออกจากอพาร์ตเมนต์ และไปหาที่อื่นเช่า
การฆาตกรรมโดยเจตนา คดีของเรนนี่ไม่เบาเลย อาจมากกว่าสิปปี หรืออาจจำคุกตลอดชีวิต นอกจากนี้เธอยังป่วยด้วยโรคเอดส์ สถานการณ์ในอนาคตของเธอยากลำบากจริงๆ
ภรรยาของชายชราโกรธ และต้องการตัดสินประหารชีวิตเรนนี่!
แต่โทษประหารชีวิตไม่สามารถพิพากษาได้ โทษสูงสุดก็คือมีโทษจำคุกตลอดชีวิต ภรรยาของชายชราก็ถือว่าเป็นลาภได้ เดิมทีชายชราต้องการจะหย่ากับเธอ แต่ยังไม่ทันหย่า เขาก็เสียชีวิต และพินัยกรรมก็ไม่ได้เขียนไว้ เขาไม่มีพี่น้องและไม่มีลูก ซึ่งหมายความว่าเธอได้เงินมากมายจากมัน
อย่างไรก็ตามเธอก็รู้สึกว่าชายชราสมควรได้รับสิ่งที่เขาสมควรได้รับ ใครใช้ให้เขาลุ่มหลงมัวเมา และในที่สุดก็ตายด้วยน้ำมือของผู้หญิงคนหนึ่ง
ในคุกเรนนี่ไม่ได้พูดหรือกินเป็นเวลาหลายวัน ดวงตาของเธอมืดมัว ริมฝีปากของเธอแตกเนื่องจากความแห้ง ชีวิตของเธอก็ไม่เห็นแสงแดดแม้แต่น้อย เช่นเดียวกับคุกมืดที่ไม่มีแสงแดด……
นี่คือบั้นปลายชีวิตของเธอ เธอจะไม่มีวันได้โล่งใจ และเธอจะทุกข์ทรมานจากความเจ็บป่วยทางกายและทางใจ
ถ้าตอนนั้นเธอไม่หมกมุ่นอยู่กับหัสดิน และตั้งใจทำงานหนักในตอนแรก เธอจะมีความสุขขนาดไหนตอนนี้
…
ถึงกำหนดครบรอบหนึ่งเดือนแล้ว พิธีจัดขึ้นที่คฤหาสน์ตระกูลยศณะราคิน มีเพื่อนมากมายที่มา รถแบรนด์ดังจอดเต็มคฤหาสน์
ตอนนี้คุณท่านประเสริฐกำลังอุ้มคนตัวเล็กอวดไปทั่ว หลานชายของเขาไม่ดื้อ ไม่ว่าใครจะอุ้มก็ไม่ร้องไห้
คุณแม่ธันยวีร์กำลังทักทายแขก และฉันทัชก็พายู่ยี่ไปทักทายผู้คนรอบข้างของเขา
คุณท่านประเสริฐกล่าวไว้ล่วงหน้าว่าตระกูลยศณะราคินมีหลานชายเป็นงานมงคลขนาดใหญ่ ให้ทุกคนมีความสุขเมื่อมาที่นี่ ขอแค่มาร่วมสนุก ไม่ต้องเอาขวัญหรือเงินทองมา
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนมามอบของขวัญมากมายและของขวัญที่พวกเขานำมาก็เต็มห้อง เปียโน ไวโอลิน ของเล่นลิมิเต็ดอิดิชั่น และเสื้อผ้าเด็ก เหมือนกองภูเขา จนมองไม่ออก…
ยู่ยี่เหลือบมองมันโดยไม่ตั้งใจ แล้วคิ้วของเธอก็เริ่มขมวด แน่นอนว่าเขาเกิดมาพร้อมช้อนเงินช้อนทอง แต่สิ่งนี้จะทำให้ลูกเสียคนตั้งแต่อายุยังน้อยหรือไม่
เธอบอกความคิดของเธอกับฉันทัช เช่นเดียวกับสิ่งที่เรียกว่าความกังวล
“ไม่ ผมเป็นพ่อของเขา ผมจะสอนเขาอย่างถูกต้อง คุณเอาแต่ชมว่าผมเป็นสุภาพบุรุษ พ่อเขาลูกเลี้ยงดูมาดีขนาดนี้ เขาจะแย่ได้ยังไง” ฉันทัชดึงเธอไว้ในอ้อมแขน และยิ้มออกมาอย่างแผ่วเบาและอ่อนโยน
“ไม่ใช่แบบนั้น ทุกคนนิสัยไม่เหมือนกัน ฉันหวังว่าบุคลิกของลูกชายของฉันในอนาคตจะเป็นเหมือนคุณจริงๆ ด้วยเหตุนี้ หน้าที่ให้ความรู้ลูกต้องมอบให้เป็นหน้าที่คุณแล้ว” ยู่ยี่ตบหน้าอกของเขา จัดเนคไท เสื้อเชิ้ตสีขาวและเนคไทสีม่วงมีกลิ่นของความเคร่งขรึม ซึ่งมีเสน่ห์มาก
ของขวัญยังคงถูกส่งเข้ามาและมีแม้กระทั่งกุญแจรถ ยู่ยี่กระแอมเบาๆ รู้สึกว่าของขวัญจะถูกส่งมาตั้งแต่อายุหนึ่งขวบจนถึงยี่สิบปี
เชอร์รีนและออกัสก็มาพร้อมกับของขวัญและชุดทรานซ์ฟอเมอร์ของหัสดิน
เชอร์รีนกำลังจะบอกว่าของขวัญนี้ถูกส่งโดย หัสดิน แต่ถูกออกัสขัดจังหวะได้ทัน นี่เป็นความหวังและความปรารถนาสุดท้ายของเขา และเขาต้องการทำเพื่อหัสดิน
นาโนและดนัยไปดูทารก และก็ออกัสก็ให้ดนัย ถ่ายรูปไว้
หัสดินบอกว่าเขาจะไม่มา และคงจะไม่มีใครต้อนรับเขา แต่เขาอยากรู้จริงๆ ว่าเด็กคนนี้หน้าตาเป็นอย่างไร เขาจึงขอให้ถ่ายรูปสองสามรูปให้เขาดูหน่อย