ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 538 ไม่หาเรื่องใส่ตัวก็ไม่ต้องเจอสถานการณ์ยากลำบาก
ราวกับมีคำสาปที่คอยวนเวียนอยู่ภายในหัวของเขา ค่อยๆกลืนกินความคิดของเขา อย่างช้าๆ ทีละนิด เหลือเพียงความบ้าคลั่งที่เกินจะบรรยาย ราวกับคาถาเพื่อควบคุม ทุกครั้งที่คิดถึง ความเจ็บปวดก็จะเพิ่มมากขึ้น ใบหน้าที่แดงชาดไปด้วยเลือดของดาหวันก็ชัดเจนขึ้น
เขากำลังจะบ้า ถูกทรมานจนจะเป็นบ้า มือกุมไปที่ศีรษะ หอบหายใจหนัก น้ำเสียงแหบแห้ง!
ดาหวันเป็นผู้หญิงที่เขารัก แต่สุดท้ายเขาก็ทำร้ายเธอจนตาย และตายอย่างอนาถ
ปวดหัว ปวดมาก ความรู้สึกเหมือนศีรษะจะแยกออกเป็นเสี่ยงๆเกิดขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก สำหรับเขาแล้ว นี่คือบาดแผลที่เขาไม่เคยก้าวข้ามมันไปได้เลย
การตายที่น่าเวทนานั้น ทำตัวเขาเองไม่อาจจะมีความสุขไปได้อีกเลยตลอดชีวิต และไม่อาจจะปล่อยให้ฉันทัชมีความสุขด้วยเช่นกัน พวกเขาต่างต้องจดจำดาหวันเอาไว้ในใจ อยู่กับความเจ็บปวดและการตำหนิตัวเอง ปล่อยให้ตัวเองถอนตัวไม่ขึ้น และทำอะไรไม่ได้ นี่เป็นทางออกเดียวของพวกเขา !
แต่แล้ว ฉันทัชกลับคิดอยากจะใช้ชีวิตที่มีความสุขกับเธอ !
แน่นอนว่า เขาไม่ได้รังเกียจเธอ พูดได้ว่าเขารู้สึกชื่นชอบหญิงสาวอยู่ไม่น้อย แต่เกลียดความสุขและชีวิตที่ราบรื่นที่พวกเขามี!
ฉันทัชรักเธอมากไม่ใช่เหรอ?
แล้วหากเธอต้องตายล่ะ ?
ผู้หญิงอันเป็นที่รักยิ่งต้องตาย ฉันทัชคงต้องทนทุกข์ทรมานอย่างมาก นอกจากนี้ หญิงสาวที่ตายยังเป็นแม่แท้ๆของลูกชายเขาอีก ความเจ็บปวดนี้จะคงอยู่ไปอีกนานแสนนาน แทรกซึมลึกเข้าไปในกระดูก เขาไม่มีภรรยา ลูกชายของเขาก็ไม่มีแม่ ต่อจากนี้ไป เขาจะต้องจมอยู่ในความเจ็บปวดและการต่อสู้ดิ้นรนที่บรรยายไม่ได้ ไม่มีความสุข และความเบิกบานใจอีก!
คิดได้ดังนี้ก็รู้สึกตื่นเต้น และระทึกใจ ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมนี้คอยกระตุ้นเขาทีละนิด สุดท้ายเขาก็เรียกสติตัวเองให้ลุกขึ้น แล้วเอาชนะความคิดทุกอย่าง
เขาก้าวเท้า เดินขยับเข้าไปหายู่ยี่ ท่าทีแปลกประหลาด ดวงตาแดงก่ำ ราวกับถูกใครควบคุมเอาไว้ เหมือนหุ่นเชิดและเครื่องจักร
ยู่ยี่สัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่าเขาไม่ใช่อาคิระคนเมื่อครู่ เดิมทีเธอคิดว่าเขาจะสามารถเอาชนะความคิดอันชั่วร้ายที่อยู่ในใจได้ แต่นี่ดูเหมือน……
ในสถานการณ์แบบนี้ เธอทำได้เพียงเลือกที่จะหนี อาคิระในตอนนี้ไม่ใช่อาคิระอีกต่อไป อาคิระคนเมื่อครู่เธอยังสังเกตเห็นความหวั่นไหว ความหวั่นไหวที่ชัดเจน แต่ในตอนนี้กลับถูกบางอย่างครอบงำเอาไว้
หางตาเธอสำรวจมองไปรอบๆ มองหาโอกาสที่จะหลบหนี แต่จู่ๆก็รู้สึกร้อนวูบขึ้นมา ร้อนมาก ราวกับมีไฟลุกโชน
แล้วยังมีกลิ่นของต้นไม้ใบหญ้าที่เผาไหม้ และเสียงที่ดังก้องอีก หรือไฟไหม ?
มองผ่านหน้าต่างของกระท่อมไม้ เธอมองออกไป ด้านหลังกำลังมีเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ และกำลังลุกลามมาที่นี่ กระท่อมทำจากไม้ หากไฟลุกลามมาถึง มันก็จะลุกไหม้เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น
ไม่ เธอต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด! มิฉะนั้น หากไม่ตายด้วยน้ำมืออาคิระ ก็ต้องตายเพราะกองเพลิงนี้เป็นแน่!
เมื่อคิดได้ดังนี้ ยู่ยี่ขยับตัว แล้ววิ่งออกจากกระท่อม อาคิระไม่ยอมปล่อยเธอให้หนีไป กระโจนเข้าหา
ยู่ยี่ดิ้นรนต่อต้านเขา เขาใช้จังหวะนี้ควักมีดปอกแอปเปิลขนาดเล็กออกจากกระเป๋า ดึงใบพับมีดออก ปลายมีดแหลมคม
หัวใจเต้นรัว สถานการณ์ในตอนนี้ย่ำแย่มาก จะรุกหรือจะถอยก็ลำบาก เธอถูกขังไว้อยู่ตรงกลาง ไม่ ต่อให้ต้องใช้แรงทั้งหมดที่มี เธอก็ต้องทนมันให้ได้ !
กิ่งทองยังรอเธออยู่ เขายังเล็กมาก ยังต้องกินนม แล้วยังฉันทัชอีก เธอคิดถึงพวกเขา คิดถึงมากๆ……
เธอกัดฟันแน่น ใช้กำลังทั้งหมดที่มีต่อต้านเขา พลังที่ซ่อนเร้นของคนเมื่อถูกปล่อยออก ก็มองข้ามไม่ได้
แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ชาย อาคิระออกแรงอีกครั้ง ปลายแหลมของมีด ก็ค่อยๆขยับเข้าไปชิดที่ลำคอของเธอ เคลื่อนผ่านเล็กน้อย ก็มีเลือดไหลซึม และปลายมีดก็ขยับเข้าหามากขึ้น……
ความเจ็บปวดในตอนนี้เกินจะบรรยาย มันคมมาก เปลวเพลิงที่ลุกโชนนอกหน้าต่างก็ใกล้เข้ามา อาคิระไม่มีความรู้สึกใดๆอีก แต่ยู่ยี่มี
เธอไม่กล้าขัดขืน เพราะทุกครั้งที่ขัดขืน ปลายแหลมของคมมีดก็จะขยับลึกเข้าไปอีกนิด กัดฟันกร่อน และอดทนไว้
ในที่สุด เปลวเพลิงก็ลุกลามเข้ามา กระท่อมที่ทำจากไม้ก็กำลังถูกเผาไหม้ ใบหน้าที่ย้อมไปด้วยเปลวเพลิงสีแดง ก็ร้อนระอุขึ้นอย่างรุนแรง
ไม่ เธอจะอยู่แบบนี้ไม่ได้ นั่งรอความตายเฉยๆแบบนี้ไม่ได้……
ฟันคมกัดไปที่ริมฝีปากล่าง ยู่ยี่สูดหายใจลึก หาจังหวะเหมาะๆ กระทุ้งเข่าขึ้นอย่างแรง!
ไม่ผิดพลาด กระแทกเข้าหว่างขาของอาคิระพอดี ความเจ็บปวดรุนแรงก็ปะทุขึ้น อาการของเขาบิดตัวงอ ร่างที่สูงใหญ่ล้มลงขดตัวงอกับพื้น สองมือกุมไปที่จุดอ่อนไหว
ในตอนนั้น เธอใช้แรงทั้งหมดที่มี!
สูดลมหายใจเข้าอย่างต่อเนื่อง สองมือยู่ยี่ยันพื้นและพยุงตัวลุกอย่างยากลำบาก ความร้อนที่แผดเผาจากเปลวเพลิงกำลังคืบคลานเข้ามา กลิ่นควันก็ฟุ้งกระจาย มือหนึ่งของเธอปิดไปที่จมูก แล้วรีบวิ่งออกไปยังด้านนอกกระท่อมในทันที
เท้าซ้ายของเธอก้าวพ้นออกนอกกระท่อม เท้าขวาที่ก็กำลังจะก้าวพ้นไป เสียงร้องที่ทุ้มต่ำอย่างเจ็บปวดก็ดังขึ้นให้ได้ยิน“อ๊าก!”
ได้ยินดังนี้ ยู่ยี่ก็หันกลับไปมองยังที่เสียงสะท้อนมา มีเสาไม้กลมท่อนใหญ่ล้มลงจากทางด้านข้าง ทับเข้ากับขาของอาคิระพอดี ทับเอาไว้แน่น
ท่อนไม้และหินเกิดเป็นรอยแยกขึ้น ทับเขาเอาไว้ตรงกลาง ไม่สามารถขยับตัวได้
ข้างหลังคือเปลวไฟที่สูงเสียดฟ้า กำลังใกล้เข้ามา และมีเปลวไฟบางส่วนที่เล็ดลอดเข้ามาจากทางหน้าต่าง และกำลังรายล้อมร่างของอาคิระอยู่
อาคิระในตอนนี้เพิ่งสังเกตเห็นเปลวเพลิง กัดฟันแน่น แต่ขยับร่างกายไม่ได้ เปลวไฟกำลังลุกลามเข้าใกล้ และคนที่อยู่ในห้องเดียวกับเขาก็คือศัตรูของเขา บางที กองเพลิงนี้อาจจะเป็นสถานที่ฝังศพของเขาก็ได้ !
หากเป็นหายนะที่ไม่สามารถหลบหนีได้จริง ตายไปก็ดี ความรู้สึกผิดที่มีต่อดาหวันก็จะได้น้อยลงไปบ้าง ไม่ต้องมีชีวิตที่ลำเค็ญ และทุกข์ทรมานแบบนี้
หากไม่สนใจเขา ยู่ยี่ก็สามารถวิ่งออกจากกระท่อมไปได้ และเขาก็อาจจะ……
จิตใจพันกันยุ่งเหยิง เลือดลมพลุ่งพล่าน สับสน เธอยืนอยู่ที่ประตู ลังเล ตัดสินใจอย่างยากลำบาก
หลังจากนั้น สูดหายใจเข้าลึก และแล้วเธอก็หันหลังกลับ สองมือคว้าไปที่แขนของอาคิระ ออกแรงดึงเขาไปที่ด้านนอก“หากไม่อยากตาย ใช้ขาทั้งสองข้างยันไปที่ก้อนหินข้างหลัง”
ดวงตาที่แดงก่ำของอาคิระค่อยๆจางหายไป มองไปยังใบหน้าของยู่ยี่ที่แดงก่ำเพราะเปลวเพลิง ทั้งตกใจ และประหลาดใจ อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก ราวกับผลงานประติมากรรมตั้งวางอยู่
เธอ กลับมาช่วยเขาทำไม ?
หว่างขาที่เจ็บปวดให้เขาออกแรงยันขาจากด้านหลังได้ยากลำบาก และเจ็บปวด
ยู่ยี่ใช้กำลังทั้งหมดที่มี ลากดึงแขนของเขา แล้วยังให้ความร่วมมือพูดตะโกน“ หนึ่งสองซั่ม ออกแรง !”
กรอบหน้ามีเหงื่อไหลซึม ทีละนิด การหายใจผ่านจมูกของเธอก็ค่อยๆหอบหนักและลำบากมากขึ้น เปลวเพลิงที่ลุกโชนราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังอ้าปากกว้าง และจะกลืนกินทุกอย่างจนหมด
กระท่อมกำลังถูกเผาไหม้ หากยังไม่รีบหนีออกไป……
“หนึ่ง สอง ซั่ม ดัน!”เธอตะโกนขึ้นอีกครั้ง ในที่สุด อาคิระก็เคลื่อนตัวออกจากช่องแคบตรงนั้นมาได้
ทั้งคู่หอบหายใจหนัก หลังจากที่ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี ตอนนี้ร่างทั้งร่างก็โรยแรง แขนขาอ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว
เปลวเพลิงโหมลุกเข้ามาใกล้ อยู่ที่นี่ต่อไม่ได้อีก ยู่ยี่มองไปยังอาคิระที่อยู่บนพื้น จากนั้นก็ตวาดเสียงดังอย่างไม่เป็นมิตร“หากไม่อยากตายก็รีบลุกขึ้นไปจากที่นี่กัน เราต้องออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด!”
อาคิระมีอาการบาดเจ็บ ไม่สามารถวิ่งเร็วมากได้ แต่หลังจากที่วิ่งออกจากกระท่อมไม้แล้ว ยู่ยี่ก็เพิ่งรู้ว่าไฟในป่านั้นใหญ่แค่ไหน ป่าทั้งป่ากำลังโหมลุกไหม้
บวกกับเวลากลางคืน ลมกระโชกแรง และแล้ว เปลวไฟก็จึงลุกลามด้วยความเร็วจนน่าตกใจ
ยู่ยี่ยืนอยู่ที่เดิมสายตามองไปยังรอบๆบริเวณ พูดว่า“ หาทิศทางที่ถูกต้องแล้วเราค่อยหลบหนีกัน!เราจะไปตามทิศทางลมไม่ได้เด็ดขาด ”
ไปตามทิศทางลมเปลวไฟมีแต่จะโหมลุกขึ้น และหากย้อนทิศทางลมไปก็จะสามารถหนีพ้นได้
อาคิระก็มองไปรอบๆ จากนั้นก็พูดว่า“วิ่งไปตามแนวป่าที่เผาไหม้ไปแล้วนั่น”
เปลวไฟลามเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แสงสีแดงที่พวยพุ่งจนดูน่ากลัวมาก หันกลับ ทั้งสองคนก็พากันวิ่งไปยังทิศทางที่ตรงกันข้ามกับเปลวไฟ
เพียงแต่ว่า ป่าแห่งนี้ถูกทิ้งร้างมานาน กิ่งก้านและใบกำลังเติบโต การเคลื่อนไหวของเท้าก็จึงไม่คล่องตัว
ยังดีที่วันนี้ยู่ยี่ใส่รองเท้าที่ค่อนข้างเบา และกางเกงขายาว วิ่งตามกันไป อย่างสุดกำลัง ต้นไม้รอบๆที่กำลังลุกไหม้ไม่ได้แข็งแรงมาก บางต้นก็กำลังโอนเอน
ยู่ยี่วิ่งไปด้านหน้า ไม่ได้สนใจด้านข้าง ได้ยินเพียงเสียงโครมดังขึ้น ในจังหวะที่เธอเงยหน้าขึ้น ต้นไม้ก็ล้มโครมลงมา
ทันใดนั้น เธอนิ่งอึ้งอยู่กับที่ ความคิดและสติหยุดลงในทันที พอรู้สึกตัว ขาซ้ายก็เริ่มขยับไปด้านข้าง เห็นชัดว่ามันช้าเกินไป
เร็วกว่าที่คิด อาคิระที่อยู่ด้านหลังไม่ลังเลใจ ก้าวนำมาสองก้าว ผลักเธอออกอย่างแรง ต้นไม้ที่ล้มลงมาทับเข้าที่ขาของเขาทันที
เขาทรงตัวไม่อยู่ ขาที่ซวนเซไปมา ถูกกดทับลงกับพื้นในทันที ขาทั้งสองข้างถูกทับเอาไว้แน่น ใบหน้าซีดเซียวจนดูน่ากลัว
เมื่อได้สติ ยู่ยี่หยุดขาที่ก้าวแล้วรีบวิ่งไปดู ดึงแขนเขา แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้ ไม่มีทางเลือก เธอเอื้อมมือเช็ดหน้า เดินเข้าไปหา สองมือออกแรงดันต้นไม้นั้น“คุณอดทนไว้ !”
ทั้งดันทั้งลาก เธอใช้ความพยายามทั้งหมดที่มี โชคยังดีที่ท่อนไม้ไม่ได้ใหญ่มาก ในที่สุดก็พาตัวอาคิระออกมาได้
แต่เขาเดินต่อไม่ไหวแล้ว ท่อนไม้ใหญ่ขนาดนั้นล้มทับลงมาไม่ใช่เรื่องตลกเลย ตอนนี้ขาทั้งสองข้างราวกับไม่รู้สึกอะไรอีก ยืนไม่ขึ้นเลยด้วยซ้ำ
ต้นไม้บางต้นแถวนี้ยังมีที่ไม่ถูกเผาไหม้ ในตอนนี้ เปลวไฟที่ลุกไหม้กำลังย้อนกลับมาอีกครั้ง อาคิระกล่าว“คุณไปเถอะ คิดซะว่าผมหาเรื่องและกำลังรับผลกรรมที่ทำเอาไว้”
ยู่ยี่ยิ้มเยาะ“ไม่หาเรื่องใส่ตัวก็ไม่ต้องเจออะไรแบบนี้!”
เมื่อพูดจบ เธอก็เดินเข้าไปมา พยุงไปยังแขนของอาคิระ ทั้งสองคนก็ค่อยๆขยับก้าวไปข้างหน้า
“ไปกันเถอะ!หากเปลวเพลิงย้อนกลับมา จะไม่มีใครได้ไปไหนแน่!”ร่างของอาคิระอยากจะสลัดการพยุงของยู่ยี่ออก แต่เขาเดินไม่ไหวแล้วจริงๆ ในตอนนี้ก็จึงตระหนักถึงความตายที่อยู่เบื้องหน้า ว่ามันใกล้แค่นิดเดียว จนทำอะไรไม่ได้เลย
ยู่ยี่ไม่ได้ปล่อยเขา เดินเข้าไปหา นั่งยองๆลงตรงหน้าเขา“ไปเถอะ คุณขี่หลังฉัน!”
อาคิระส่ายหัว ยื่นขาทั้งสองข้างที่ไร้ความรู้สึกนั้นนั่งลงกับพื้น ยู่ยี่อดไม่ได้ที่จะดึงไปที่แขนของเขา“หากอยากจะช่วยฉัน ก็ช่วยให้ความร่วมมือดีกว่า !”
ผู้ชายนั้นน้ำหนักตัวมาก สองขาของยู่ยี่สั่นเทา กัดฟันแน่น ไม่ย่อท้อ เดินไปได้ก้าวหนึ่งก็คือก้าวหนึ่ง
“ไม่คิดจริงๆ ว่าฉันกับคุณเราจะมาร่วมเป็นร่วมตายกันแบบนี้ ฉันรู้สึกตลกมาก”น้ำเสียงของยู่ยี่ถูกเค้นให้รอดออกตามไรฟัน
อาคิระกระตุกมุมปาก เขาเองก็รู้สึกตลกเหมือนกัน