ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 539 มันเรื่องของฉัน
แน่นอนว่า เปลวเพลิงที่อยู่ข้างหลังก็พวยพุ่งกลับมาอีกครั้งด้วยความเร็ว ความร้อนปะทะเข้ากับแผ่นหลัง ต้นไม้ถูกเผาไหม้จนเกิดเสียงดังระงม
เปลวเพลิงลุกไหม้ไปทั่วบริเวณ ทั้งสองถูกเปลวเพลิงห้อมล้อมเอาไว้ ใบหน้าถูกแผดเผาจนรู้สึกปวดแสบ
ไม่มีทางให้เดินต่อ และไม่มีที่ให้ถอยหลัง ทั่วบริเวณรายล้อมไปด้วยเปลวเพลิง ยู่ยี่รู้สึกสิ้นหวังในใจ
สายตาที่เฉียบคมของอาคิระกวาดมองไปรอบๆ ทันใดนั้นดวงตาก็เป็นประกาย เอ่ยปากพูด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความยินดีและตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก เสียงก็ปรับระดับไปด้วยเล็กน้อย“ไปโกยใบไม้ที่ร่วงหล่นเหล่านั้น”
ยู่ยี่ไม่ได้ถามอะไรมาก ทำตามอย่างที่เขาพูด โกยใบไม้สีเหลืองที่เหี่ยวแห้งออก สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือหลุม มีขนาดแคบมาก ไม่รู้ว่าลึกแค่ไหน
“โดดลงไป !”น้ำเสียงของอาคิระแฝงไปด้วยคำสั่ง “โดดลงไป!”
ยู่ยี่เดินเข้าไป รองเท้าที่สวมใส่ติดไฟไปแล้ว กัดฟันอย่างไม่ย่อท้อ สองมือวางไปยังแผ่นหลังของอาคิระ ผลักเขาลงไป จากนั้น เธอหลับตาลง แล้วกระโดดลงไปตาม
ร่างกายกระแทกลงกับพื้นอย่างจัง ความเจ็บปวดก็เข้าโจมตี ยู่ยี่เป็นลมหมดสติไป
เมื่อเห็นดังนั้น อาคิระถอดเสื้อคลุมออก คลุมไปที่ร่างเธอ หลุมมีขนาดห้าถึงหกเมตรได้ หดตัวอยู่ในมุม ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัย
ลมเย็นที่พัดโชยอยู่ข้างนอกมีเสียงของการเผาไหม้แว่วมาให้ได้ยินอยู่เป็นระยะ อาคิระนั่งพิง อยู่อย่างเงียบๆ
เธอพูดถูก เขาจมอยู่กับความรู้สึกผิดที่ถอนตัวไม่ขึ้น สภาพการตายของดาหวันนั้นน่าสลดเกินไป นั่นเป็นหลุมที่เขาไม่อาจก้าวข้ามผ่านมันไปได้ นานวันเข้าก็ยิ่งถลำลึกมากขึ้น จนกลายเป็นตราปาบ จากนั้นก็กดดันจนตัวเองมาอยู่ในจุดจุดนี้
พื้นที่โล่งเตียน
อาคิระมองไปที่ตรงหน้า ใบหน้าของชายหนุ่มที่ถูกปกคลุมไปด้วยขี้เถ้าสีดำและมืดมน เขานั่งอยู่กับที่ไม่ได้ขยับไปไหน เพราะเขาแทบยืนไม่ขึ้น
ยืนตัวสูง มือที่ขนาบข้างของฉันทัชมีเสียงดังกร๊อบแกร๊บ เขาสุภาพอ่อนโยนและเฉยเมยมาตลอด อารมณ์โกรธมีแค่ในช่วงที่ยังเป็นวัยหนุ่มเท่านั้น เมื่ออายุเข้าเลขสาม ก็ไม่เคยโกรธอีกเลย
ขาที่เรียวยาวขยับ ก้าวเดินเข้ามาทีละก้าว ยกแขนขึ้น หมัดกระแทกเข้าที่ใบหน้าของอาคิระทันที
ร่างล้มลงไปด้านข้าง เพียงหมัดเดียว ทำเอาอาคิระถึงกับปากแตก เลือดไหลซึม ออกมาจากมุมปาก
ฉันทัชเคยเรียนเทควันโดมาก่อน ความแข็งแรงและน้ำหนักไม่ใช่ที่คนทั่วไปจะเทียบได้
“นี่แกสะกดคำว่าตายไม่เป็นใช่ไหม!รนหาที่จริงๆ!” ยกขาขึ้น รองเท้าหนังเหยียบไปที่หน้าอกของอาคิระ เขาพูดจาหยาบคาย
ได้ยินดังนั้น โก๋ที่ยืนอยู่ข้างๆก็ถึงกับตาค้าง นี่คือคุณฉันทัชจริงๆใช่ไหม?
เขาในแบบนี้เหมือนย้อนกลับไปในตอนที่อายุยี่สิบอีกครั้ง อันธพาลเล็กน้อย แต่ก็โหดเหี้ยมอย่างที่สุด
“วันนี้ฉันยินดีจะสอนให้แกเอง!”ระหว่างที่พูด ฉันทัชก็กระแทกหมัดลงไปยังร่างของอาคิระอยู่ซ้ำๆ ไร้ความปรานี ทำเอาฝ่ายตรงข้ามปัดป้องไม่ได้
ความมืดมน และความโกรธเข้าครอบงำ ทำเอาน่ากลัวไม่น้อย ทั้งมือและเท้า ประเดประดังเข้าหา ร่างของอาคิระลอยตัวขึ้นแล้วหล่นลงพื้นอยู่แบบนั้น
ออกตัวเร็ว เหี้ยมโหด แม่นยำ โก๋มองไปยังร่องรอยที่เขาทิ้งเอาไว้บนตัวของอาคิระคือคำว่าตาย เขาสั่นสะท้าน ตัวสั่น ยืนอยู่ตรงนั้น พูดอะไรไม่ออกสักคำ
อาคิระไม่คิดต่อสู้ และตอบโต้กลับไม่ได้ ทนเจ็บ กับใบหน้าที่ปูดบวม และเลือดมุมปากที่ยังไหลไม่หยุด
ทุกคนรอบๆต่างรู้ดีว่าให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีก ไม่อย่างนั้นต้องโดนซ้อมจนตายเป็นแน่!
แต่ฉันทัชก็ราวกับมีตาหลัง เท้าขยับ เสียงเข้มๆของเขาก็ดังขึ้น “ ใครกล้าเข้ามา ฉันจะอัดให้เละไปพร้อมกันเลย !”
ทุกคนต่างไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวอีก ยืนนิ่งอยู่กับที่
มือที่เรียวยาวคว้าไปที่คอเสื้อของอาคิระ ดวงตาที่เฉียบคมของฉันทัชราวกับจะทิ่มแทงเขาให้ทะลุถึงกระดูก“ ดูท่า วันนี้เราสองคนคงต้องรู้ผลให้ได้ แกตาย ฉันตาย ก็ไม่เลวเหมือนกัน!”
ในตอนนี้เอง มีคนคนหนึ่งเดินออกมา มือของเขาถือโทรศัพท์ เสี่ยงกับการที่จะถูกทำร้าย ยื่นมันให้กับอาคิระ
ฉันทัชเหวี่ยงหมัดออกไป คนที่เอาโทรศัพท์มาล้มลงกับพื้น ผู้คนโดยรอบต่างพากันกลั้นหายใจด้วยความกลัว
ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร ใบหน้าของอาคิระดูแย่ขึ้นในทันที หอบหายใจถี่ อารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรง
มือของเขาเช็ดเลือดที่ไหลออกจากมุมปากอย่างลวกๆ นี่เป็นคำพูดประโยคแรกของเขาในวันนี้“พนาวันกับลูกประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตอนนี้อยู่ห้องไอซียู ฉันต้องรีบไปด่วน รอผลออกมา จะฆ่าจะแกงกัน ก็แล้วแต่นายเลย!”
“ตอนนี้นายมีจิตสํานึกขึ้นมาแล้วงั้นเหรอ?”ฉันทัชยิ้มเยาะ พูดเสียดสี“สายไปแล้ว!”
“ลูกชายของฉันอยู่ห้องไอซียู ไม่รู้เป็นตายร้ายดี หากรู้ข่าวแล้ว ฉันจะรีบกลับมา!”อาคิระพูดอย่างยากลำบาก และกระแอมไอด้วยอย่างห้ามไม่อยู่ถูกทำร้ายอย่างรุนแรง สภาพร่างกายในตอนนี้ก็เจ็บปวด และสะเทือนไปด้วยไม่น้อย
“รีบร้อนมากเหรอ ? แต่ฉันว่างมาก มีเวลาอีกโข ทำยังไงดี ? ตอนนี้นายเป็นของเล่นที่ฉันชอบที่สุด นายไปแล้ว ฉันจะเอาอะไรมาสนุกล่ะ?”
หาได้ยากมาก ที่จะเห็นฉันทัชในมุมที่ชั่วร้ายแบบนี้ ชื่นชมความวิตกกังวลของเขา อย่างไม่สะทกสะท้าน เขาก็มีด้านมืดเหมือนกัน แค่ก่อนหน้านั้นไม่เคยเปิดเผยให้เห็นมาก่อนก็เท่านั้น
อาคิระไม่สามารถทนรอต่อไปได้อีก พิงไปยังต้นไม้ข้างๆ พยุงตัวลุกขึ้น ก้าวไปได้เพียงก้าวเดียว ก็ถูกฉันทัชเตะจนล้มลงกับพื้น
หน้าอกเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก อาคิระกลืนกินกลิ่นคาวหวานของเลือด หยัดกายลุกขึ้นอีกครั้ง แรงเตะที่หนักหน่วง ทำเขาล้มกองกับพื้น
อาคิระหมอบอยู่บนพื้น มุมปากมีเลือดไหล ฉันทัชยืนอยู่ตรงหน้าเขา เสื้อผ้าพลิ้วไหว สีหน้ามืดมน
ภาพแบบนี้ วนเวียนไปมาอยู่ซ้ำๆ อย่างน้อยก็ห้าหรือหกครั้งได้ อาคิระนอนอยู่กับพื้นด้วยอาการเจ็บหน้าอก ไม่สามารถยืนขึ้นได้ ขดตัวด้วยความเจ็บปวด
เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ มีบางคนที่ทนดูไม่ได้ต่อ ในตอนนี้เอง ไม่รู้ใครส่งเสียงออกมา “มือคุณยู่ยี่เหมือนจะขยับแล้ว!”
ได้ยินดังนั้น ท่าทีที่โหดเหี้ยมของฉันทัชก็ถึงได้เบาบางลง ในที่สุดก็ขยับเคลื่อนไหว หันหลังกลับอย่างรวดเร็ว ก้าวเดิน เดินไปข้างๆยู่ยี่
อ่อนโยน เขาวางเธอลงบนตัก เช็ดคราบดำๆบนใบหน้าให้เธอ
มีคนเห็นเขาไม่ได้สนใจ เดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง ยกร่างของอาคิระขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว ความเร็วของรถถูกปรับให้เร็วที่สุด เหยียบคันเร่งเต็มที่ แล้วหายวับไปในทันที
……
หนาว หนาวมาก ความหนาวเหน็บทิ่มแทงในกระดูกกัดเซาะไปทั่วร่าง ยู่ยี่ขดตัวเป็นก้อน กระสับกระส่าย เธอเห็นเปลวเพลิง เปลวไฟพวยพุ่งเข้ามา ขาของเธอติดไฟ เสื้อผ้าบนตัวก็ติดไฟด้วย ร่างทั้งร่างกลายเป็นลูกไฟ ทั้งร้อนและเจ็บปวด เธอทรมานมาก และรู้สึกไม่สบาย
และในตอนนี้เอง เสียงที่ทุ้มต่ำและลึกลับแต่ก็ฟังดูคุ้นเคยราวกับวิ่งผ่านเปลวไฟที่ลุกโชน ดังขึ้นที่ข้างใบหู“ยี่!ยี่ !ฟื้นสิ!”
เปลือกตาหนักอึ้ง ยากที่จะลืมมันขึ้น ยู่ยี่ฝืนลมหายใจลืมตาที่แสบและเจ็บปวดของเธอขึ้น
เสื้อโค้ตตัวยาวสีฟ้าอ่อน เธอนอนอยู่ในอ้อมแขนนี้ ข้อต่อที่ชัดเจนของชายหนุ่มตบไปที่หน้าของเธอเบาๆ ลมหายใจที่ยุ่งเหยิงและหอบหนัก“ฟื้นสิ!ฟื้นขึ้นมา!”
ออกแรงมากขึ้น เธอเปิดเปลือกตาที่หนักอึ้ง โครงหน้าที่ชัดเจนของฉันทัชในเวลานี้ดูซีดเซียวและโทรมมาก ที่คางมีตอหนวดสีเข้มปรากฏขึ้น เขาร้อนรนมาก ตบหน้าเธอไม่หยุด
ลำคอแห้งผากทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ยู่ยี่กระแอมไอ เอื้อมมือไปแตะปลายนิ้วของเขา จับมันไว้ แล้วพูดว่า“คุณตีฉันจนเจ็บแล้วนะ ฉันทัช ”
ทันใดนั้น ร่างกายที่สูงโปร่งยึดตึง ฉันทัชไม่พูดอะไร และไม่ได้ขยับเคลื่อนไหว ทำเพียงแค่จ้องมองเธออยู่อย่างนั้น มืดมน เงียบสงบ แต่ก็ลุ่มลึกราวกับแอ่งน้ำ
อารมณ์ของเขาดูเหมือนจะสงบ แต่หน้าอกก็กระเพื่อมไหวรุนแรงให้ได้เห็น
ยู่ยี่รู้สึกอึดอัดกับสายตาของเขาที่มองมา อีกทั้งยังตื่นตระหนกด้วยเล็กน้อย
ก้มหน้าลง บาดแผลตามร่างกายเธอได้รับการรักษาแล้ว และมีเสื้อคลุมสวมทับด้วย เห็นชัดว่าหมอได้มาตรวจดูเธอแล้ว
ดวงตาดำขลับที่ลุ่มลึกจ้องเธออยู่เป็นเวลานาน จากนั้นฉันทัชก็ดึงมือกลับ ลุกขึ้นและเดินไปข้างๆ ไม่สนใจยู่ยี่อีก มือคีบบุหรี่ ยืนอยู่ตรงนั้น สูบมัน จนควันตลบ สีหน้าคลุมเครือไม่ชัดเจน และเข้าใจยาก
โก๋เดินเข้ามา รินน้ำให้เธอ“คุณฉันทัชหาคุณยู่ยี่ทั้งคืน ตั้งแต่เมื่อคืนที่คุณยู่ยี่โทรมาเขาก็ให้คนออกตามหา ในป่าที่มีไฟลุกโชน คุณฉันทัชไม่ฟังเสียงห้ามของใครก็บุกเข้าไป คุณดูเสื้อผ้าของคุณฉันทัชสิ”
เมื่อมองไป ยู่ยี่เพิ่งจะสังเกตเห็นว่าเสื้อโค้ตสีฟ้าอ่อนของเขาถูกกิ่งไม้เกี่ยวจนขาด และถูกย้อมจนเป็นสีดำ กางเกงและรองเท้าหนังยิ่งดูน่าเกลียด ราวกับปีนออกมาจากกองเถ้าถ่านยังไงอย่างนั้น
อีกทั้ง ใบหน้าด้านข้างของเขา ตรงกรามล่าง ยังมีรอยแผลจากกิ่งไม้ ทั้งแผลเล็กและแผลใหญ่ รวมไปถึงที่หลังมืออีก
ริมฝีปากรู้สึกแห้งผาก ยู่ยี่จ้องมอง นึกภาพไม่ออกว่าในช่วงที่หาตัวเองไม่เจอ เขามาเจอที่ตรงนี้ได้ยังไงกัน
เธอขยับริมฝีปาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เมื่อมองไปรอบๆ ก็ไม่เห็นร่างของอาคิระ จึงเอ่ยถามโก๋เสียงเบาว่า “อาคิระล่ะ?”
เหลือบมองไปยังคุณฉันทัชที่ใบหน้ามืดมนอย่างระมัดระวัง โก๋พูดเสียงเบาว่า“ถูกคุณฉันทัชทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ใช้จังหวะที่คุณฉันทัชไม่ทันได้สนใจ หามตัวออกไปแล้ว”
ยู่ยี่ยังอยากที่จะพูดต่อ ฉันทัชก็พ่นควันบุหรี่ออกจากปาก ก้นบุหรี่ที่นิ้วถูกทิ้งลงกับพื้น ใช้เท้าดับไฟจนมอด อ้าปากพูด เสียงเข้ม“กลับเข้าเมือง!”
พยาบาลสองคนนำหน้า วางยู่ยี่ลงบนเปลหามอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พาเธอขึ้นรถไปอย่างเบามือ
หยัดตัวลุกขึ้นนั่งเล็กน้อย เธอมองตามสัญชาตญาณ เห็นชายหนุ่มหันหลังให้ ขยับขาก้าวเดิน ขึ้นรถอีกคันหนึ่งไป
ระหว่างทาง สายตาของยู่ยี่จ้องมองไปที่รถคันนั้น ฝ่ามือกำกันเล็กน้อย เธอรู้ ว่าเขาต้องโกรธแน่ๆ
แต่ว่า เธอไม่เคยเห็นเขาอารมณ์เสียแบบนี้มาก่อน……
โก๋อยู่ข้างๆเธอ เธอถามโก๋ รู้ได้ยังไงว่าเธออยู่ที่นั่น ?
“หลังจากที่ได้รับสายของคุณยู่ยี่ คุณฉันทัชก็ให้คนไปแกะรอยของคุณยู่ยี่ พอใกล้ค่ำก็หาจนเจอและรีบตามไปที่นั่นทันที แต่ตอนที่ไปถึงไฟก็ลุกโหมอย่างแรง ท้องฟ้าแดงชาดไปหมด ไม่พูดพร่ำทำเพลง คุณฉันทัชก็บุกลุยเขาป่าไปทันที……”
โก๋นึกไปถึงในตอนนั้น แม้เหตุการณ์จะผ่านไปแล้ว แต่เขาก็ยังตกใจกับแววตาและท่าทีที่ดุร้ายของคุณฉันทัชนั้นอยู่
ในตอนที่เขาอยากจะพุ่งเข้าไปหา ทุกคนก็ย่อมต้องพยายามห้ามเขาเอาไว้ เห็นชัดว่ามันคือการเอาชีวิตไปทิ้ง
คุณฉันทัชอารมณ์ฉุนเฉียว ในที่สุดก็โมโห ใช้เวลาไม่นานก็เหวี่ยงทุกคนออกไปจนพ้นทาง ใบหน้าที่เย็นชาและแข็งกร้าวปกคลุมไปด้วยความมืดมน“ ต่อให้ต้องเอาชีวิตไปทิ้ง นั่นมันก็เรื่องของฉันเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับใครทั้งนั้น ?”