ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 54 ฉันอยากออกไปข้างนอกหน่อย
แก้มเธอขาวแดง ผิวที่เนียนและละเอียด แทบจะมองไม่เห็นรูขุมขน ขนตาทั้งงอนทั้งยาว เหมือนพัดเล็กๆ พัดผ่านหัวใจของเขา
กลิ่นหอมหวานจนได้กลิ่นส้มลอยมา เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ
ดูเหมือนเธอจะหลับสนิทมาก แต่ก็ดูอึดอัดเล็กน้อย โดยไม่รู้ตัว คิ้วของเธอขมวดขึ้นเล็กน้อย
หลังจากที่เลอแปงเฝ้าดูเป็นเวลานาน มือทั้งสองข้างของเขาค่อยๆโอบไปด้านหลังของตัวเธอ ให้ศีรษะของเธอวางบนไหล่ของตัวเอง การเคลื่อนไหวของเขาเบาและอ่อนโยนมาก กลัวจะทำให้เธอตื่น
แม้ว่าทั้งตัวเธอจะเอนกายพิงตัวเขา แต่ เลอแปงก็ไม่รู้สึกหนักเลยแม้แต่น้อย มีเพียงหัวใจที่หวั่นไหว
อืม ถ้าถนนเส้นนี้ไม่มีที่สิ้นสุด จะดีแค่ไหน เขาสามารถมีสิ่งที่เขาต้องการในใจได้ตลอดไป
*
แพทย์เดินออกจากห้องไอซียูด้วยสีหน้าที่มีความสุข “ประธานออกัส ผู้ช่วยหยาดฝนตื่นแล้ว”
ได้ยินเช่นนี้ ออกัสที่หลับตาครึ่งเดียว ลุกขึ้นยืนตัวตรงอย่างรวดเร็ว ขยับริมฝีปากบางๆ “ตอนนี้อาการเธอเป็นอย่างไรบ้าง?”
เขาไม่ได้หลับตาเป็นเวลาสองวันสองคืน เสียงของเขาแหบเหมือนระนาด เสียงแหบๆ แต่ก็มีเซ็กซี่ที่สุด
“อาการดีมาก แต่เธอได้รับบาดเจ็บที่ขาและศีรษะ ดังนั้นต้องระวังหน่อย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการพักผ่อนให้มาก”
“อืม เข้าใจแล้ว…” ออกัสพยักหน้าด้วยสีหน้าที่กระชับ
แพทย์จากไป เขาเปิดประตูห้องผู้ป่วยและเดินเข้าไป หยาดฝนที่อยู่บนเตียงได้ลืมตาขึ้นแล้ว เพียงแต่สีหน้าซีดเซียว ไร้ร่องรอยของเลือด
เมื่อเห็นออกัสปรากฏตัวอยู่ต่อหน้า หยาดฝนก็ตกตะลึงครู่หนึ่ง และจ้องมองเขาด้วยความตกใจ
มองดูท่าทางงุนงงของเธออย่างเย็นชา ใบหน้าที่หล่อเหลาของออกัสที่เย็นเฉียบ ไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย
ริมฝีปากของเธอแห้ง และหยาบมาก และพูดช้าๆว่า “คุณมาที่นี่ได้ไง?”
“ทำไมผมจะมาไม่ได้” เขาถามกลับอย่างเย็นชา
“คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย แผ่นดินไหวพึ่งสิ้นสุดลง ไม่แน่อาจจะมีอาฟเตอร์ช็อก ไม่ปลอดภัย…” หยาดฝนไอเบาๆ
ดวงตาสีแดงปกคลุมเธอ ออกัสแดกดันถากถาง “คุณก็รู้ว่าไม่ปลอดภัย…”
คำพูดหยุดชั่วครู่ เขาจ้องเธออย่างดุเดือด อยากจะหยิกเธอให้ตาย เสียงของเขาทั้งหนักแน่นและโหดร้าย
“ผมมาดูว่าชีวิตของคุณแข็งแค่ไหน ดูว่าคุณตายอยู่ที่นี่หรือเปล่า หยาดฝน คุณนี่เก่งจริงๆนะ อืม? ”
ร่างกายสั่นเล็กน้อย หยาดฝนกลัวสายตาเช่นนี้ของเขา
ลำคอของเธอแห้งเหมือนมีควันออกมา เธอกลืนน้ำลาย เงยหน้าขึ้นมองเขา และเปลี่ยนเรื่องคุย “ฉันหิวน้ำ…”
เธอขัดแย้งมาก เมื่อตอนที่เขาเรียกเธอว่าคุณอา เธอรู้สึกไม่สบายใจ ต้องการให้เขาเรียกหยาดฝน…
แต่เมื่อเขาเรียกหยาดฝน เธอกลับกลัวอีก กลัวว่าเธอจะหวั่นไหว…
ได้ยินเช่นนี้ เขาก็เหลือบมองเธออย่างเย็นชา หันหลังเดินออกไปนอกห้องผู้ป่วย
หยาดฝนยังคงจ้องมองที่แผ่นหลังของเขา ในขณะที่เขากำลังจะก้าวออกจากห้อง เธอพูดเบาๆว่า “ฟื้นขึ้นมาได้เห็นคุณเป็นคนแรก ดีจัง … ”
ฝีเท้าหยุดชะงักครู่หนึ่ง แต่เขาไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้หันมามอง จากนั้น เขาก็ก้าวไปข้างหน้าต่ออย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้พยาบาลเข้ามาเปลี่ยนยา อายุประมาณ22 -23 ปี ร่าเริงแจ่มใส
“ชีวิตของผู้ช่วยหยาดฝนดีจริงๆ ฉันอิจฉาจะตายแล้ว !”
หยาดฝนยิ้ม ความเจ็บป่วยทำให้ฉันแค่พูดยังลำบาก “อิจฉาฉันที่นอนอยู่บนเตียงเหรอ?””
“ไม่ใช่แน่นอน แต่ผู้ชายที่ออกไปเมื่อกี้เหมือนกับนายแบบเลย”
แววตาและคำพูดของพยาบาลเต็มไปด้วยความชื่นชม “เขาใจดีกับผู้ช่วยหยาดฝนมาก ตั้งแต่ผู้ช่วยหยาดฝนเข้าห้องฉุกเฉิน เขาก็รออยู่ข้างนอกตลอด ผู้ช่วยหยาดฝนสลบไปสองวันแล้ว เขาก็เฝ้าอยู่สองวัน แม้แต่ตาสองข้างก็ไม่เคยหลับ ดีจัง เมื่อไหร่ฉันถึงจะเจอแฟนแบบนี้นะ ! ”
หน้าตาหล่อเหลา หุ่นเหมือนนายแบบ ที่สำคัญคือยังดีกับแฟนขนาดนี้ จะไม่ทำคนอื่นตาร้อนได้ไง? ได้ยินเช่นนี้ หยาดฝนก็ตกตะลึงอยู่ตรงนั้น ความคิดในใจวกไปมา ราวกับว่าน้ำในทะเลสาบซัดเข้าฝั่งอย่างรุนแรง
เธอสลบไปสองวัน เขาก็เฝ้าเธอสองวัน
ถ้าหากบอกว่าตอนกลับมาจากสหรัฐฯ เธอดูไม่ออกถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอ งั้นตอนนี้ เธอก็รู้อย่างชัดเจนแล้วว่า
เขา ยังคงรักเธอ…..
และช่วงเวลาที่เธอหมดสติ ที่ปรากฏอยู่ในสมองล้วนแต่เป็นเขา คิดถึงเขาอย่างสุดซึ้งแรงกล้า
หลังจากเปลี่ยนน้ำเกลือแล้ว พยาบาลก็ถอยออกไป ในห้องเหลือเพียงหยาดฝนคนเดียว ลมหายใจของเธอก้องกังวานอยู่ในอากาศ
ในเวลานี้ เธอรู้สึกกลัวเล็กน้อย และดูเหมือนว่าหัวใจของเธอก็จะไม่อยู่ภายใต้การควบคุมอีกต่อไป
เสียงฝีเท้าดังเข้ามา ออกัสเดินเข้าไปพร้อมกับน้ำอุ่นหนึ่งถ้วย ยืนอยู่ข้างเตียงอย่างไร้ความรู้สึก โดยไม่มีอารมณ์ใดๆ
จากนั้น มือใหญ่ของเขาหยิบสำลีก้าน ชุบน้ำหมาดๆ จากนั้นก็ถูริมฝีปากของเธอไปมา
แพทย์บอกว่าผู้ป่วยเพิ่งฟื้น ไม่สามารถดื่มน้ำได้ ดังนั้นได้เพียงใช้วิธีนี้เพื่อขจัดความแห้งกร้านและความกระหาย
สายตาจ้องมองใบหน้าของเขา หยาดฝนพูดอย่างแผ่วเบา “คุณเหนื่อยไหม จะพักผ่อนสักครู่ไหม? ” ไม่ได้สนใจเธอ ทำราวกับว่าออกัสไม่ได้ยิน
“นี่คุณกำลังโกรธเหรอ? ในตอนนั้น เด็กกำลังนอนร้องไห้อยู่ในห้อง ฉันได้ยินอย่างชัดเจน เป็นไปไม่ได้ที่จะเพิกเฉย ไม่สนใจเด็กคนนั้น”
“ทำไมผมต้องโกรธ นี่เป็นเรื่องของคุณ ไม่เกี่ยวอะไรกับผม” น้ำเสียงของเขาแผ่วเบา
“ออกัส คุณขยับถาดได้ไหม ฉันเจ็บขา” หยาดฝนหายใจลึกๆ
ยิ้มอย่างเย็นชา ออกัสขยับริมฝีปากบางของเขา และพูดอย่างเย็นชา “คุณรู้จักความเจ็บปวดเหรอ ผมนึกว่าผู้ช่วยหยาดฝนยิ่งใหญ่มากจนไม่มีความรู้สึกอะไร คิดไม่ถึงว่า ยังรู้จักความเจ็บปวด … ”
เมื่อฟังการแดกดันถากถาง ในใจหยาดฝนก็รู้สึกหวานซึ้งและมีความสุข
เขาห่วงใยเธอ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาพูดเยาะเย้ยเย็นชาต่อเธอ แกล้งทำเป็นแดกดันถากถาง นี่ก็คือบุคลิกของเขา
“ฉันเป็นมนุษย์ ฉันมีความรู้สึก แน่นอนฉันรู้สึกถึงความเจ็บปวดได้ตามธรรมชาติ คราวหน้า ฉันจะระวัง”
เขาเงยหน้าขึ้นชำเลืองมองเธอ จากความเฉยเมยเปลี่ยนมาเป็นปกติ และพูดอย่างแผ่วเบาสองสามคำ “ตามใจคุณ…”
ในห้องนั้น ลมหายใจของทั้งสองคนกำลังไหลเวียน หยาดฝนชอบความเงียบแบบนี้มากที่สุด ดวงตาของเธอมักจับจ้องอยู่ที่ตัวเขาโดยไม่ตั้งใจเสมอ
ดูเหมือนเวลาจะหวนกลับไปเมื่อสามปีที่แล้ว ในสมัยนั้นพวกเขาก็เป็นแบบนี้
เพียงแต่ ความเงียบสงบนี้รักษาได้ไม่นาน เมื่อเลอแปงและเชอร์รีนผลักประตูห้องเข้ามา สิ่งที่พวกเขาเห็นคือฉากที่อยู่ตรงหน้า
เมื่อเห็นทั้งสอง ดวงตาที่ลึกล้ำของออกัสปรากฏความประหลาดใจเล็กน้อย และมองไปที่เลอแปง “ทำไมพวกคุณถึงมาที่นี่?”
“แม่ให้ผมกับพี่สะใภ้มาหา บอกให้มาดูแลพวกคุณ” เลอแปงพูด ดวงตาของเขากวาดผ่านมือของพี่ชาย
หยาดฝนกระแอมเบา ๆ ยิ้มและมอง เชอร์รีน “เชอร์รีนก็มาด้วยเหรอ รบกวนเชอร์รีนช่วยเอาสำลีก้านเปียกเช็ดปากให้ฉันหน่อยได้มั้ย ออกัสเป็นผู้ชายทำแล้วมือไม้แข็งกระด้าง…”
ความสุขเมื่อกี้เหมือนแอบขโมยมา เมื่อเห็นเชอร์รีนปรากฏขึ้นตรงหน้า เธอรู้สึกเหมือนกับว่าถูกทำลาย
“ได้” เชอร์รีนก็ยิ้มและตอบรับ แล้วเดินไปหยิบถ้วยน้ำและสำลีก้านจากมือของออกัสโดยตรง โดยไม่แม้แต่จะเหลียวมองเขา
แต่พูดคุยกับหยาดฝน “คุณอาหญิงได้รับบาดเจ็บมากใช่มั้ยคะ?”
“ขาค่อนข้างบวม นอกนั้นถือว่าไม่เป็นอะไรมาก”
“งั้นก็ดีแล้ว เมื่อกี้ตอนที่ฉันกับเลอแปงมาที่นี่ เราได้ยินมาว่าเด็กที่คุณอาหญิงช่วยไว้ไม่เป็นอันตรายแม้แต่น้อย ตอนนี้ก็หลับไปแล้ว”
“งั้นก็ดีแล้ว ฉันก็รู้สึกโล่งใจ” หยาดฝนถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ดวงตาของออกัสเหล่มองที่ตัวเชอร์รีน เหมือนจะเข้าใจและไม่เข้าใจ
“บ้านที่ว่างอยู่มีไม่น้อย กลางคืนพวกคุณก็พักฝั่งโน้น เพียงแต่อาจนอนไม่สบายมาก เพราะอาฟเตอร์ช็อกอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เพราะฉะนั้นต้องระวังหน่อย..”
หยาดฝนพูดกับทุกคนอย่างไม่วางใจ หลังจากสลบหลับไปนาน เธอไม่รู้ว่าอาฟเตอร์ช็อกเกิดขึ้นกี่ครั้งแล้ว
แต่ไม่ควรมองข้ามอาฟเตอร์ช็อกในทุกครั้ง เวลาที่อันตรายที่สุดโดยเฉพาะตอนกลางคืน เพราะเวลานั้นคนมักจะหลับสนิทแล้ว
“คุณอาหญิง พวกเราก็รู้ว่า คุณเพิ่งตื่นขึ้นมา พูดน้อยๆหน่อยก็ได้” เลอแปงพูด
“…ได้ ยังไงก็ตาม พวกคุณควรใส่ใจให้มาก” หยาดฝนไอเล็กน้อย ฟังออกว่าร่างกายของเธออ่อนแอมาก
ทุกคนยังคงพูดคุยอยู่ สิงหาเดินเข้ามา ตามด้วยเลขานุการ
“พ่อ…” ออกัสพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเย่อหยิ่ง ทักทายอย่างแผ่วเบา
เลอแปงเดินไป มือวางบนไหล่ของสิงหา “พ่อครับไม่ได้เจอกันตั้งนาน ท่านยังทั้งหล่อทั้งสง่าเหมือนเดิมเลยนะครับ!”
“ไม่เจอกันนานขนาดนี้ ไอ้เด็กกะล่อนอย่างนายยังไม่เปลี่ยนนะ ดูพี่ชายนายสิ สงบสุขุม”
“ในบ้านมีคนสงบสุขุมไว้คนเดียวก็พอ ถ้าทั้งคู่สงบสุขุม งั้นก็น่าเบื่อตายละสิ?” เลอแปงไสหัวอย่างไม่เห็นด้วย
ด้วยรอยยิ้มที่ทำอะไรไม่ถูก สายตาของ สิงหาจ้องไปที่ตัวของเชอร์รีนเขาเหลือบมองเล็กน้อย “คนนี้คือ?”
ได้ยินเช่นนี้ เชอร์รีนกัดริมฝีปากของเธอเล็กน้อย คิดว่าตัวเองจะต้องทักทายแบบไหนถึงจะเหมาะสม
คงไม่ใช่พูดตรงๆไปว่า พ่อ ฉันคือลูกสะใภ้ของท่าน?
ขณะที่ยังลังเลอยู่ ออกัสกวาดสายตาผ่านมา พูดด้วยเสียงต่ำว่า “เชอร์รีน ภรรยาของผม ลูกสะใภ้ของคุณ……”
มองไปที่เชอร์รีน สิงหายิ้มอย่างจริงใจ “ดูเหมือนว่าเมื่อกี้พ่อได้ถามแปลกมาก”
ก็ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร เชอร์รีนไม่ได้พูดอะไร แค่ยิ้มเบาๆ เธอสามารถดูออกว่าทัศนคติของสิงหาที่มีต่อเธอไม่ได้ชอบมาก แต่ก็ไม่ได้รังเกียจ
“พี่ ตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง เสบียง และการช่วยเหลือพร้อมหรือยัง?” หยาดฝนถาม
ทันใดนั้น สีหน้าของสิงหาก็จริงจังขึ้น และตั้งใจขึ้นมา “เสบียงมาถึงแล้วส่วนหนึ่ง แต่ยังไม่เพียงพอ แล้วก็หน่อยกู้ภัย พวกเขากำลังเร่งรีบมาที่นี่ ร่างกายของเธอยังไม่ฟื้นตัว อย่าคิดอะไรมาก เรื่องพวกนี้มีคนรับผิดชอบไปจัดการโดยเฉพาะ”
พอพูดจบ แล้วเขาก็พูดต่อ “ยังมีห้องว่างอยู่สองสามห้อง สักพักให้โก๋พาพวกเธอไป พ่อแค่จีบเวลามาดู ไปก่อนนะ”
ออกัสกับเลอแปงส่งเขาออกไปนอกห้องคนป่วย ทุกคนอยู่ในห้องผู้ป่วยต่อเป็นเวลานานสมควร เชอร์รีนยังป้อนโจ๊กให้หยาดฝน และช่วยเช็ดหน้าให้เธอ
หลังจากที่หยาดฝนหลับไป ทั้งสามคนก็ออกไปพร้อมกับผู้ช่วยโก๋ที่รออยู่ตลอด
สถานที่ที่พักอยู่ห่างจากโรงพยาบาลใช้เวลาเดินเพียง 10 นาที ไม่นานก็มาถึง ห้องพักเรียบง่าย สะอาด ห้องครัว ห้องน้ำ มีทุกอย่างที่ควรมี แต่เนื่องจากแผ่นดินไหว ในห้องไม่มีเครื่องทำความร้อน อากาศหนาวมาก
หลังจากเทน้ำอุ่นหนึ่งถ้วย เชอร์รีนกุมไว้ในมือ ความอบอุ่นผ่านจากถ้วยมา ทำให้ฝ่ามือของเธอร้อนขึ้น
ถอดเสื้อคลุมออกแล้ววางไว้ข้างๆ ออกัสนั่งอยู่ที่ขอบเตียง ใช้มือใหญ่นวดระหว่างคิ้วเบา ๆ
”สองวันสองคืนไม่ได้นอน เวลานี้เริ่มรู้สึกปวดศีรษะไม่สบายเล็กน้อย
รอยเลือดสีแดงในดวงตาของเขาและความเหนื่อยล้าบนใบหน้า เชอร์รีนเห็นได้อย่างชัดเจน “ง่วงก็นอนเถอะ ฉันจะออกไปข้างนอกสักครู่”