ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 540 สังเกตเห็นความผิดปรกติได้ยังไง
ไม่มีใครกล้าขวางอีก เพียงไม่กี่ก้าวก็เดินเข้าป่าไป เปลวไฟ กลุ่มควันที่หนาทึบ กลิ่นไหม้ที่ฉุนจมูก ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
เขาเดินตามหลังคุณฉันทัช กิ่งก้านและใบไม้ที่โผล่ออกมาเกือบทำเขาสะดุดคะมำกับพื้นอยู่หลายครั้ง ตรงกันข้าม คุณฉันทัชกลับสาวเท้าก้าวเดิน ใบหน้ามืดมน คิ้วผูกกันแน่น และตะโกนเรียกชื่อคุณยู่ยี่ตลอดทาง
เสื้อโค้ตที่สวมใส่ถูกกิ่งไม้เกี่ยวจนฉีกขาด ใบหน้าที่หล่อเหลาถูกย้อมไปด้วยสีดำ ศีรษะและใบหน้าเลอะไปหมด ราวกับออกมาจากกองเถ้าถ่านยังไงอย่างนั้น
ระหว่างทาง มีหลายครั้ง ที่ต้นไม้ที่ลุกไหม้ล้มโครมลงมา มีครั้งหนึ่งที่หล่นทับลงบนไหล่ของคุณฉันทัชพอดี แขนของเขาขนาบอยู่ที่ข้างลำตัว ขยับเคลื่อนไหวไม่ได้เป็นหลายชั่วโมง
คิดว่า ครั้งนั้นน่าจะมีอาการบาดเจ็บที่สุด……
ไม่เพียงแต่โก๋เท่านั้นที่เป็นห่วง ทุกคนที่ติดตามต่างก็เป็นห่วง พากันพูด ว่าควรต้องดูอาการ ของคุณฉันทัชหน่อยไหม?
“ฉันจะขอพูดเพียงครั้งเดียว หากทุกคนทำให้การช่วยชีวิตคนของฉันต้องล่าช้า ผลที่ตามมาทั้งหมดทุกคนต้องรับผิดชอบ!อย่าพยายามที่จะห้ามปรามฉันในเวลาแบบนี้!เพราะไม่เพียงไม่มีประโยชน์ แต่มันจะยิ่งทำให้ฉันโกรธมากขึ้น!”คิ้วที่เย็นชาขมวดขึ้น ฉันทัชพูดด้วยน้ำเสียงที่ตึงเครียดเพียงประโยคเดียว หลังจากที่เข้าป่าไป นี่เป็นเพียงคำพูดเดียวที่เขาพูด
ตึงเครียด หายใจไม่ออก บรรยากาศที่กดดันปกคลุมไปทั่วทั้งป่า บวกกับเปลวเพลิงที่พวยพุ่งสูงเสียดฟ้า ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกหวาดกลัวยิ่งขึ้น
คุณฉันทัชที่อ่อนโยนเปลี่ยนไปในทันที ทุกคนต่างตกใจ และประหลาดใจ แต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไร
ความรู้สึกที่เหมือนจะพังทลายนั้นคงอยู่จวบจนมีเสียงก้องขึ้น ตอนที่คุณยู่ยี่ถูกนำตัวออกมาจากหลุมนั้น ทุกคนอยู่ไกลพอสมควรจึงมองไม่เห็น แต่โก๋มองเห็นมันอย่างชัดเจน
ในตอนนั้น เรี่ยวแรงของคุณฉันทัชถูกสูบไปจนหมด รู้สึกโล่งใจในทันที เอนตัวพิงไปยังต้นไม้ข้างหลัง หน้าอกกระเพื่อมไหวอย่างรุนแรงไม่หยุด มือขวาคลึงไปที่หว่างคิ้ว ส่วนนั้นตึงจนแน่นและรู้สึกปวดขึ้นมา
โดยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เขาพิงไปที่ต้นไม้ และให้ทุกคนพาคุณยู่ยี่มาตรงหน้าเขา
มีเพียงโก๋เท่านั้นที่รู้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากขยับ แต่มันคือความตึงเครียดอย่างที่สุดที่จู่ๆก็ได้รับการปล่อยวาง มันทำให้เขาขยับตัวไม่ได้
บนรถ โก๋ที่กำลังพูด จากพยาบาลสาวที่นั่งเงียบกันอยู่ก็แย่งกันพูดจนฟังไม่ได้ศัพท์ ทั้งอิจฉาและชื่นชมตามๆกัน
ในตอนนี้ยู่ยี่คิดถึงเขามาก !
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล เธอถูกพาตัวไปยังห้องพักสุดหรูที่จัดเตรียมเอาไว้ และพยาบาลก็รอกันอยู่แล้ว
แต่ ฉันทัชไม่เข้าไปด้วย ในใจรู้สึกผิดหวังอย่างมาก เธอเอาแต่จ้องมองไปยังประตูของห้องพักผู้ป่วยอยู่ตลอด
ถูกนำตัวมาที่ห้องพักผู้ป่วยในตอนเช้า จนตกดึก เขาก็ยังไม่ปรากฏตัว ราวกับลืมเธอไปแล้วยังไงอย่างนั้น
เอนกายอยู่บนเตียง ยู่ยี่ขอโทรศัพท์มือถือจากพยาบาล นิ้วมือกดไปยังหมายเลขที่คุ้นเคยนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วโทรออก
แต่ เสียงที่ตอบรับกลับมาคือไม่สามารถติดต่อได้ ให้โทรมาใหม่อีกครั้ง
ขบริมฝีปากแน่น เธอไม่ยอมแพ้ กดโทรอีกครั้ง แต่คราวนี้กลับเป็นหมายเลขที่โทรกำลังสนทนาอยู่กับอีกสายหนึ่ง
เธอคิด เขาไม่อยากรับสายเธอ
เรื่องนี้ เธอเป็นคนผิด หากเขาจะโกรธ มันก็สมควร
เมื่อโทรไม่ติด ยู่ยี่คิดวิธีอื่น เธอโทรไม่ติด โก๋ต้องโทรติดสิ เธอให้โก๋บอกเขา ว่า เธอคิดถึงเขา
คำพูดหวานๆของสามีภรรยาให้บุคคลที่สามอย่างเขามาพูดแทนมันคงดูไม่เหมาะ แต่คุณยู่ยี่ก็ถลึงตามอง ไม่มีทางเลือก เขาจึงจำต้องโทร
คุณฉันทัชไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แล้ววางสายไป
โก๋ถือโทรศัพท์ และมองไปที่คุณยู่ยี่อย่างช่วยไม่ได้ โทรศัพท์เปิดลำโพง ดังนั้นก็จึงฟังได้อย่างชัดเจน
คิดไปคิดมา ยู่ยี่ก็พูดขึ้นอีกครั้งว่า คุณโทรไปอีก บอกว่าฉันคิดถึงเขามาก คิดถึงจนใจจะขาดแล้ว
ลังเล และอยู่ไม่สุข โก๋รู้สึกการพูดคำพูดเหล่านี้แทนกันมันดูไม่เหมาะเท่าไรมันเหมือนตัวเองกำลังบอกรักคุณฉันทัช ซึ่งมันน่าอึดอัดมาก
ไม่โทร ก็ไม่ได้!
กดโทรไป คุณฉันทัชก็รับคำ แล้วบอกไม่มีอะไรก็วางสาย
ยู่ยี่โกรธ“โทรไปอีก!”
โก๋ตกใจจนโทรศัพท์เกือบร่วงหล่นลงพื้น หน้าหงิกหน้างอ เขากดโทรออก ยู่ยี่ตาไวมือไว คว้าโทรศัพท์มา ส่งเสียงเรียกอย่างน่าสงสาร“ฉันทัช”
ความพยายามอันสั้นเปิดโอกาสให้เธอได้เรียกแค่ชื่อของเขา แล้วถูกตัดสายไป ไม่ฟังเธอพูดอะไรแม้แต่คำเดียว
ยู่ยี่กดโทรออกอีกครั้ง แสดงอารมณ์อย่างจริงใจ“ ฉันคิดถึงกิ่งทองไม่ได้เจอกิ่งทองมาวันหนึ่งแล้ว”
“เขาหลับไปแล้ว……”ครั้งนี้ ฉันทัชยอมปริปากพูด แต่ก็ยังเย็นชาอยู่ และไม่ได้พูดอะไรอีก กดวางสายไป
ยู่ยี่จนใจ ครั้งนี้ทำเขาโกรธมากจริงๆ เธอไม่เคยรู้มาก่อน ฉันทัชที่โกรธจะง้อยากขนาดนี้ !
และแล้ว เธอก็มีแผนใหม่ ตอนเที่ยงเวลาอาหาร เธอบอกไม่หิว เอาหัวมุดเข้ากับหมอน ตกเย็นเวลาอาหาร ก็บอกว่าไม่หิวอีก
พยาบาลร้อนใจมาก แต่เธอก็ไม่ยอมกิน พูดแค่ว่าเธอไม่หิว
มื้อเที่ยงไม่กิน มื้อเย็นก็ไม่ยอมกิน อาหารค่ำยิ่งไม่แตะ ละครฉากนี้เธอเล่นได้ดูเหมือนจริงมาก
แต่ว่า เธอคงคิดผิดไป นี่ก็สามทุ่มแล้ว ฉันทัชก็ไม่มา ความผิดหวังของยู่ยี่ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
ร่างที่พิงอยู่ค่อยๆเลื่อนตัวลง เธอกำลังจะนอนพัก และในจังหวะนี้เอง เสียงเอี๊ยดก็ดังขึ้น ประตูห้องผู้ป่วยถูกเปิดออก
ดวงตาประกายที่เต็มไปด้วยความสุข หันมองไป เป็นฉันทัชจริงๆ
บนโลกใบนี้มีคนแบบนี้ ที่ไม่ว่าจะโกรธกันแค่ไหน รู้ทั้งรู้ว่าเขาจงใจ แต่ก็ยังอดเป็นห่วงเพราะทนเห็นเขาหิวไม่ได้
ฉันทัชยืนอยู่ข้างเตียง ไม่อบอุ่นเหมือนก่อน เย็นชาและเหินห่าง“ คุณไม่กินข้าวก็เรื่องของคุณ จะทำประชดใครกัน ?”
ยู่ยี่ไม่พูดอะไร พึมพำในใจเงียบๆ ก็คุณไง !
เธอไม่กล้าเอาแต่ใจอีก ท่าทีอ่อนโยน หรี่ตาลง ถูมือไปมา“ ฉันผิดไปแล้ว!ฉันรู้ว่าทำไม่ถูก!ฉันทัช ฉันรู้สึกผิดจริงๆ!”
แต่ฉันทัชไม่พูดอะไร ยืนอยู่ตรงนั้น ดวงตาดำขลับราวกับน้ำหมึกสีเข้มที่ไม่ละลาย จ้องมองเธออยู่แบบนั้น
หากจะถามยู่ยี่ว่ากลัวฉันทัชในตอนไหนมากที่สุด คงไม่ใช่ตอนที่เขากำลังโกรธ แต่เป็นตอนที่เขาจ้องเขม็งมองเธออยู่แบบนี้ต่างหาก
เธอถูกมองจนรู้สึกกลัว ลนลาน ทำอะไรไม่ถูก แต่เดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ยู่ยี่ ผมเป็นอะไรสำหรับคุณ ?”
เขาถาม น้ำเสียงไม่หนักไม่เบา แต่เย็นชามาก ยังมีความรู้สึกโลเล และคาดเดาไม่ได้
ยู่ยี่ตะลึงงันเล็กน้อย และมีท่าทีจริงจัง“สามี”
“เหรอ?คำที่เปล่งออกมานั้นยิ่งเบาหวิวมากขึ้นกว่าเดิม
การตั้งคำถามแบบนี้ เธอไม่ชอบมันเลย ก็จึงพูดไปว่า“ คุณกำลังสงสัยอยู่เหรอ?”
“ผมแค่ถามคำถามคุณมันทำให้คุณรู้สึกไม่พอใจขนาดนี้เลยเหรอ ยู่ยี่ ในสถานการณ์แบบนั้นคุณกลับเลือกที่จะโกหกผม คุณคิดว่าผมควรรู้สึกยังไงเหรอ?”ฉันทัชมองมาที่เธอนิ่งๆ ด้วยท่าทีเรียบเฉย
“โมโห โกรธ เดือดเป็นฟืนเป็นไฟ……”เธอหาคำที่สามารถจะเปรียบเปรยได้ ในที่สุด ก็อ่อนเสียงลง“แต่ฉันก็กำลังง้อคุณอยู่นี่ไง?”
“ง้อผม?”เขาเม้มริมฝีปาก เสื้อคลุมสีดำบนตัวเพิ่มความเคร่งขรึมให้เขามากขึ้นไปอีก ไม่พูดพร่ำทำเพลง หันหลัง แล้วเดินจากไป
ยู่ยี่ขมวดคิ้ว รู้สึกปวดหัว ขึ้นนั่งบนรถเข็น แล้วให้โก๋พาเธอไล่ตามไป
เธอช้าไปก้าวหนึ่ง ตอนที่ตามมาถึง ก็ถูกประตูห้องพักปิดใส่หน้าพอดี
“ฉันทัช ฉันผิดไปแล้วจริงๆ แต่ฉันก็มีเหตุผลเหมือนกัน !”เธอกล่าว
“……”
“ฉันทัช ฉันยืนไม่ไหวแล้ว ขาของฉันไม่มีแรงเลย จะล้มลงกับพื้นแล้ว อ๊าก!”เธอกรีดร้อง
“……”มือขวาของเขาที่กำลังจะถอดเสื้อคลุมออกจับไปที่คอเสื้อโค้ตตัวดำ ได้ยินดังนั้น ก็หันมองไปที่จอมอนิเตอร์ แต่กลับเห็นเธอยืนพิงกำแพงอย่างสบาย
พี่เลี้ยงและพยาบาลก็อยู่ในห้อง มองดูจอมอนิเตอร์ แล้วหันมองคุณฉันทัช
ฉันทัชไม่ได้สนใจ ปล่อยให้เธอยืนอยู่ที่หน้าประตูแบบนั้น
“อายุคุณก็ขึ้นเลขสามแล้ว ทำไมเวลาโกรธถึงชอบทำตัวเป็นเด็กไปได้ ชอบปิดประตูใส่หน้าคนอื่น ”
“……”
“คุณจะปิดประตูก็ได้ แต่นี่มันห้องพักของฉัน ใส่อารมณ์ผิดที่หรือเปล่า?”
ครั้งนี้ ฉันทัชไม่มีการตอบสนอง หยิบเสื้อโค้ตมาสวมใส่ ให้พี่เลี้ยงตามเขาไป แล้วพากันไปเปิดประตู เขามองเธออย่างเฉยเมย“ก็ได้ งั้นคุณอยู่ เราจะไปเอง ”
ยู่ยี่“……”
เขาขยับขาก้าวเดิน ส่วนหน้าของเสื้อโค้ตตัวดำเลื่อนผ่านหลังมือของเธอ คันยุบยิบ แต่ก็รู้สึกเจ็บแปลบอย่างอธิบายไม่ถูก
ยู่ยี่คุ้นเคยกับความอบอุ่นของเขา ความห่างเหินแบบนี้ มันทำเธอรู้สึกไม่ชินจริงๆ ครั้งนี้เธอไม่ได้เสแสร้ง เพราะเธอรีบร้อน สะดุดกับขาทั้งสองข้าง เข่าก็กระแทกลงกับพื้น เจ็บจนเธอส่งเสียงร้องออกมา
หันหลัง ไม่กี่วินาทีก่อนยังทำตัวเหินห่างและเย็นชาราวกับคนแปลกหน้ามาตอนนี้เปลี่ยนไปในทันที รีบเดินกลับมาหาเธอ แล้วอุ้มเธอขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยมือเดียว
ยู่ยี่โอบไปที่รอบลำคอเขา ใบหน้าแนบไปกับอก “คุณไม่ไปแล้วเหรอ?”
เมื่อถูกเธอถามแบบนี้ เขาก็รู้สึกแน่นไปที่หน้าอก ถามกลับว่า“ อยากให้ผมปล่อยคุณลงไหม?”
“ไม่!”
สองมือเธอกอดเขาเอาไว้แน่นในทันที
“คุณอุ้มฉันไว้แบบนี้แหละ อย่าปล่อยนะ! และฉันก็อยากจะอธิบายด้วย ในตอนนั้นที่อาคิระมัดฉันไว้ ฉันไม่มีโทรศัพท์จะโทรบอกคุณได้ยังไง ? ที่ทำได้ก็คือยืมมือถือของอาคิระมา แต่ในสายก็พูดอะไรมากไม่ได้ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาในตอนนั้นจะทำอะไรกับฉันบ้าง หากทำเขาโกรธขึ้นมาล่ะ ? ฉันหาข้ออ้างแบบนั้นมา คุณก็ตามมาจนเจอแล้วไม่ใช่เหรอ?”
สถานการณ์ในตอนนั้นเธอแสดงออกมากไม่ได้จริงๆ พูดตามตรง ตอนนั้นถูกอาคิระมัดเอาไว้ หากทำเขาโกรธ ไม่รู้ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง เหมือนในตอนนั้น ที่อาคิระถือมีดจะแทงเธอ เขาในตอนนั้นเหมือนคนเสียสติไปแล้ว
มองไปที่ดวงตาของเธอ ดวงตาที่ลุ่มลึกของฉันทัชก็ค่อยๆมืดลง ไม่พูดอะไร อุ้มเธอแล้วพาเดินไปที่ห้องพัก
“ฉันพูดถูก ใช่ไหม ? ตอนนั้นที่ฉันหาข้ออ้างมาคุยกับคุณทางโทรศัพท์ คุณก็จับพิรุธได้แล้ว ถูกไหม?”
ตัวเองในตอนนั้นทำได้แค่พูดแบบนั้น ไม่อย่างนั้นจะทำอะไรได้อีก ? พูดว่าอาคิระลักพาตัวเธอ เกรงว่าเธออาจจะตายเร็วขึ้นก็เท่านั้น
ไม่รู้จะพูดอะไร ฉันทัชทายาที่หัวเข่าให้เธอ ใช้มือข้างเดียวอยู่ตลอด ความเก็บกดค่อยๆจางหายไป ปฏิเสธไม่ได้ ว่าสถานการณ์เธอในตอนนั้น เธอทำถูกแล้ว
“คุณสังเกตเห็นความผิดปรกติได้ยังไง?” ยู่ยี่สงสัยเล็กน้อย