ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 554 คุณลองช้าอีกนิดหนึ่งส
วันถัดไป
เช้าตรู่
ตอนที่อาคิระเดินออกจากห้อง ใบหน้าเล็กเป็นประกายสดใสเฉกเช่นแสงแดดนอกหน้าต่าง
ทั้งสามคนกินข้าวเช้าด้วยกัน หมีพูลมองอาคิระอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็มองพนาวัน“คุณแม่ครับ วันนี้วันเกิดผม คุณพ่อจะไปด้วยกันไหมครับ?”
ลูกยังเด็ก ไม่เคยใกล้ชิดกับอาคิระมากนัก จึงรู้สึกยำเกรงเขาด้วยสัญชาตญาณ
“ไม่หรอกลูก คุณพ่องานยุ่ง รีบกินเลย กินเสร็จแล้วแม่พาลูกออกไปนะ”
พนาวันไม่ได้ถามความคิดของอาคิระก็ตอบคำถามของลูก
วันเกิดแต่ละปีของหมีพูลเขาก็ไม่เคยเข้าร่วมอยู่แล้ว บางปีก็ลืม แต่ถ้าปีไหนไม่ลืมก็จะให้คนใช้ส่งเค้กและของขวัญมา
เธอไม่ใช่คนที่เขารัก ดังนั้นหมีพูลจึงไม่ใช่ลูกที่เขาอยากได้
ดังนั้นแม้จะตอบแบบนี้ต่อหน้าเขา เธอก็รู้สึกว่าตัวเองตอบถูก
ดวงตาสว่างสดใสของหมีพูลเศร้าหมอง ส่งเสียงอืมหนึ่งคำแล้วกินโจ๊กต่อ
อาคิระเลิกคิ้วมองไปยังผู้หญิงด้านข้าง เพลิงโทสะเริ่มผุดขึ้นมาอีกครั้ง“คุณสามารถตัดสินใจแทนผมได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?ผมนั่งอยู่ตรงนี้คืออากาศหรือเฟอร์นิเจอร์เหรอ?”
“หรือว่าวันนี้คุณจะฉลองวันเกิดให้ลูก?” พนาวันเงยหน้ามองพลันย้อนถามเสียงเรียบเฉย
อาคิระชะงักงัน จากนั้นก็มองไปยังหมีพูล
ลูกชายกำลังส่งโจ๊กเข้าปาก พลางจ้องมองผู้เป็นพ่ออย่างมีความหวัง
เมื่อสบตากับใบหน้าเล็กที่คล้ายคลึงกับเขาเจ็ดแปดส่วน หัวใจของเขาก็ไหวหวั่น “ทำไม ไม่อยากให้ผมไปเหรอ? แต่เสียดาย คุณไม่อยากให้ผมไป แต่ผมจะไป”
ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นพนาวันตกตะลึง
หมีพูลกลับรู้สึกเบิกบานใจ กล่าวอย่างหน้าชื่นตาบานว่า“คุณแม่ครับ คุณพ่อจะไปฉลองวันเกิดให้ผมครับ”
“อืม กินข้าวเถอะลูก”
เธอเก็บความรู้สึกตัวเอง ปกติเขาก็ทำอะไรเกินความคาดหมายตลอด ไม่เคยคาดเดาความคิดของเขาได้เลย
แต่สำหรับหมีพูล ปีนี้เป็นวันเกิดที่สมบูรณ์แบบ พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว ซึ่งอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้
หลังจากกินข้าวเสร็จ หมีพูลก็แต่งตัวเสร็จแล้ว ส่วนอาคิระก็ยืนถือกุญแจรถอยู่หน้าประตู ตอนนี้พวกเขาสองคนเตรียมตัวเสร็จแล้ว
มีเพียงพนาวันยังไม่ได้ออกมา เธอกำลังล้างจานอยู่ในครัว
จากนั้นเวลาค่อย ๆ ล่วงเลยไป อาคิระรู้สึกเหลืออดและหงุดหงิดหลายส่วน พุ่งเข้าห้องครัวแล้วกล่าวว่า “ทำไมนานจัง? กลับมาค่อยล้างก็ได้ ต้องให้พวกเรารอคุณถึงจะพอใจเหรอ?”
สิ้นเสียง พนาวันที่ล้างจานเสร็จก็เดินออกมา
เธอถอดถุงมือออก ไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็ถอดผ้ากันเปื้อนอย่างเงียบ ๆ
ในที่สุดก็ได้ออกเดินทางเสียที
ไม่มีคนขับรถมารับ อาคิระเป็นคนขับเอง
พนาวันไม่ได้นั่งแถวหน้า เธอนั่งแถวหลังกับหมีพูล
หมีพูลเป็นเด็กรู้ความเกินวัย ตอนนี้เผยความเป็นเด็กที่ไม่ค่อยมีบ่อยออกมา เขาจ้องด้านในรถแล้วตบเบาะเก้าอี้เบา ๆ “รถคุณพ่อดีจังเลยครับ”
ตอนที่พนาวันไปนั่งกับหมีพูล อารมณ์ของอาคิระก็ไม่ดีเลย มืดครึ้ม บูดเบี้ยวตลอด คล้ายกับก้อนเมฆที่มืดสลัวหลายส่วน
ทันทีที่ได้ยินประโยคนนี้ สีหน้าของเขาก็ดีขึ้น
หมีพูลโตขนาดนี้แล้ว แต่ยังไม่เคยไปเที่ยวสวนสนุกเลย
ถึงแม้ไม่ได้บอกว่าวันเกิดอยากไปที่ไหน แต่ทุกถ้อยคำที่เอื้อนเอ่ยก็บ่งบอกว่าที่สวนสนุก
สถานที่ที่มีผู้คนพลุ่งพล่าน พนาวันไม่เคยอยากไปเลย
แต่ครั้งนี้ไม่อยากทำให้ลูกชายผิดหวัง จึงยอมรับปาก
สวนสนุกคือสถานที่ครื้นเครง บวกกับเป็นวันหยุดด้วย จึงมีคนเยอะเป็นพิเศษ
เมื่อจอดรถในลานจอดรถแล้ว พวกเขาสามคนก็ลงมา
พนาวันขอบัตรประชาชนกับอาคิระ เพราะเธอจะไปซื้อตั๋วผ่านประตู
พร้อมกันนั้นก็มีเสียงผู้หญิงอันสดใสดังขึ้น“อาคิระ”
พนาวันมองไปตามต้นเสียงพลันพบว่าเป็นผู้หญิงในงานเลี้ยงเมื่อคืน พิมแสง
อาคิระรู้สึกประหลาดใจหลายส่วน หรี่ตามอง“ทำไมคุณถึงอยู่ที่นี่?”
“จะมาเที่ยวกับเพื่อนค่ะ แต่เพื่อนผิดนัด คงไม่รังเกียจที่ฉันจะเล่นกับพวกคุณใช่ไหมคะ? เล่นคนเดียวมันเหงาเกินไป”
พิมแสงสิ่งยิ้มให้พนาวัน ก้นบึ้งแววตากลับเจือความท้าทาย
อาคิระเล่นเป็นเพื่อนเธอตั้งแต่เด็ก ดังนั้นจึงไม่ถือสา
เมื่อพูดมาถึงขั้นนี้ หากพนาวันปฏิเสธต้องอึดอัดใจแน่
เธอยกมุมปากขึ้น“ไม่รังเกียจค่ะ”
พิมแสงยิ้มประหนึ่งดอกไม้บานสะพรั่ง“ขอบคุณค่ะ”
สุดท้ายจากสามคนก็กลายเป็นสี่คน
ระหว่างทาง พิมแสงกับอาคิระเดินเคียงไหล่กัน
ผู้ชายรูปหล่อ ผู้หญิงหน้าตาดี จึงเป็นทิวทิศน์สวยงามยิ่ง และยังมีเสียงหัวเราะดังขึ้นเป็นระยะอีกด้วย
ส่วนพนาวันก็เดินจูงหมีพูลอยู่ด้านข้างพวกเขา
คนรอบกายมองมายังพวกเขา ต่างพากันชื่นชมไม่หยุดปาก แต่เมื่อมองมายังพนาวันกลับผิดแปลกไปจากเดิม
หมีพูลจากที่ตื่นเต้นดีใจก็ก้มหน้าก้มตาอย่างหดหู่ใจ
หลังจากที่คุณน้าท่านนี้มา คุณพ่อก็ไม่ได้พูดคุยกับเขาและคุณแม่อีกเลย
ทันใดนั้นอาคิระหยุดเดินแล้วหมุนกายโบกมือให้หมีพูล
หมีพูลรีบปล่อยมือออกจากพนาวันจากนั้นก็รีบวิ่งไปหา
“จะเล่นเครื่องเล่นทอร์นาโดไหม?” อาคิระถาม
ลูกชายพยักหน้าให้
จากนั้นก็บิดหน้ามองมายังพนาวัน
เธอโบกมือ“พวกคุณเล่นเลยค่ะ ฉันไม่สะดวก จะยืนรออยู่ที่นี่”
อาคิระกวาดสายตามองเธออย่างเย็นเยียบ
พวกเขาสามคนขึ้นไปนั่งประจำที่
เครื่องเล่นค่อย ๆ เริ่มทำงาน จากนั้นก็แกว่งไปรอบทิศกลางอากาศ
พนาวันยืนมองอยู่เงียบ ๆ
จากนั้นก็หลุบตามองขาตัวเอง เธอเม้มปากเย้ยหยันตัวเอง คนอย่างเธออย่าไปเสนอหน้าเป็นตัวตลกเลย
หลังจากเล่นเสร็จ หมีพูลก็ร่าเริงขึ้นเป็นกอง
ต่อด้วยเล่นรถไฟเหาะอย่างสนุกสนาม ซึ่งพนาวันไม่ได้เล่นเหมือนเดิม ยังคงเป็นผู้ชมที่ดี
เมื่อเล่นหลายครั้ง หมีพูลกับพิมแสงก็คุ้นเคยมากขึ้น
มือข้างหนึ่งของลูกชายจูงพิมแสง ส่วนอีกข้างจูงอาคิระ ใบหน้าเล็กเกิดรอยยิ้มไม่หยุด
พนาวันยืนมองเงียบ ๆ อยู่ด้านหลัง
พวกเขาสามคนเหมือนครอบครัวเดียวกันมาก
หลังจากเธอตาย หมีพูลจะจูงมือคนอื่นและอาคิระ แล้วเรียกว่าคุณแม่คุณพ่อไหมนะ?
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ก้นบึ้งหัวใจเธอก็เจ็บแปลบ เจ็บจนหายใจไม่ออก
ทว่าเมื่อคิดอีกแง่หนึ่ง
เมื่อเธอต้องหลับตาตลอดกาล มีใครสักคนมาใส่ใจลูกชายก็ถือเป็นเรื่องดี
เพราะพนาวันไม่เล่นทุกเครื่องเล่น ดังนั้นพวกเขาสามคนก็คุ้นชินแล้ว
ต่อจากนั้น ไม่ว่าจะเล่นอะไรก็ไม่ถามเธออีก คล้ายกับลืมเธอไปเสียแล้ว
พวกเขาสามคนเดินนำอยู่ด้านหน้า
หมีพูลพูดอย่างอารมณ์ดี พิมแสงก็รับฟัง ทั้งยังล้อเขาเล่นเป็นครั้งคราวด้วย
พนาวันต้องอยู่ด้านหลังคนเดียว
ด้วยขาของเธอ จึงเดินเหินไม่เร็ว บวกกับพวกเขาสามคนเดินเร็วด้วย ดังนั้นจึงเว้นระยะห่างในเวลาไม่นาน
มีคู่รักมาเล่นในสวนสนุกมากมาย หรือไม่ก็มากันเป็นครอบครัว เธอที่เดินเนือย ๆ อยู่คนเดียว แถมขาก็เป๋อีก ดังนั้นจึงดึงดูดสายตาอันแปลกประหลาดของผู้คน
เธอทนกลั้นความรู้สึก ทำเหมือนไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ค่อย ๆ เดินต่อไปเรื่อย ๆ
ทันใดนั้นอาคิระก็หยุดเดิน
หางตาเหลือบไปเห็นผู้หญิงที่ก้มหน้าเดินมาด้านหลัง แววตาเขาก็มืดมนขึ้นมา
“พวกคุณจะดื่มอะไรหน่อยไหม?”
เขายืนอยู่กับที่ พลางถามพิมแสงกับหมีพูล
พวกเขาสองคนส่ายหัว บอกว่าไม่ดื่ม
อาคิระให้พวกเขาสองคนรอ จากนั้นก็หันหน้าเดินกลับไปหาพนาวัน ใช้น้ำเสียงไม่สู้ดีนัก“คุณลองเดินช้าอีกสิ เจอดีแน่?”