ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 572 ยังไงคุณรีบไปเถอะ
“คุณชายน้อย คุณอยากทำยังไงก็บอกพ่อคุณเถอะ ร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์ คงแก้ไขปัญหาอะไรไม่ได้ เป็นเด็กดี เชื่อฟังพวกเราเถอะ” ลุงสินเกลี้ยกล่อมด้วยเสียงเบา
สองพ่อลูกคู่นี้ ไม่เคยใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันตั้งแต่เด็ก
มีแม่คอยรักและเอาใจ เป็นหัวแก้วหัวแหวนตั้งแต่เด็ก
และคุณชายไม่เคยได้รับความรักและเอาใจจากพ่อลูก ตั้งแต่เกิดมาก็ต้องเผชิญหน้ากับคุณท่านที่แสนเลือดเย็น วิธีการสั่งสอนก็เข้มงวดมาก
เป็นผลที่ทำให้เขาก็ใช้วิธีแบบนี้สั่งสอนหมีพูล
ตระกูลใหญ่ที่สูงศักดิ์ ไม่มีความสัมพันธ์ที่อบอุ่น มีเพียงความเลือดเย็น
หมีทูลเช็ดน้ำตา “ผมจะเอาแม่ ผมอยากกินข้าวต้มที่แม่ทำ ผมอยากไปหาแม่ ไม่อยากอยู่ที่นี่”
เห็นสภาพที่น่าสงสารของเด็กคนนั้น ใจของลุงสินแตกสลายไปจริงๆ
เขาจึงขอร้องอาคิระ “คุณชาย คุณชายน้อยยังเด็กเกินไปจริงๆ หรือว่าคืนนี้ส่งไปให้คุณพนาวันก่อน จากนั้นรอพรุ่งนี้ค่อยรับกลับมา แบบนั้นเด็กก็จะได้ปรับตัวให้ชิน ไม่ต้องถึงขั้นที่บีบบังคับและกะทันหันเกินไปแบบนี้”
“ดึกดื่นป่านนี้จะส่งไปให้ลำบากทำไมกัน ไม่ว่ายังไง จะวันนี้หรือพรุ่งนี้ ยังไงเขาก็ต้องปรับตัวให้ชินเอง แค่เป็นเรื่องที่จะเกิดไม่ช้าก็เร็วเท่านั้นเอง ห้ามพาเขาไปที่ไหนทั้งนั้น พาเขาขึ้นไปนอนตอนนี้”
อาคิระทำน้ำเสียงเย็นชากว่าเมื่อกี้ “แม้แต่เรื่องนี้ยังเอาชนะไม่ได้เลย แล้วจะเป็นลูกหลานของตระกูลอนันต์ธชัยได้ยังไง?”
เกิดเป็นทายาทของตระกูลอนันต์ธชัย ก็ต้องยอมรับความลำบากทั้งหมดนี้ได้
ลุงสินยังอยากจะพูดอะไรต่อ
ทว่าเห็นสีหน้าที่เย็นชาของอาคิระ ทำได้เพียงเก็บกลืนคำพูดทั้งหมดกลับไป
หมีพูลเริ่มร้องไห้โวยวาย เขาไม่พักผ่อน ไม่นอน เขาจะเอาแม่
สุดท้ายก็โมโหขึ้นมา จึงตะคอกใส่อาคิระ “น่ารังเกียจ! ผมเกลียดคุณ! ผมจะเอาแม่! ไอ้คนน่ารังเกียจ! ไอ้คนสารเลว!”
ใครที่ไหนจะกล้าด่าคุณชายแบบนี้?
ลุงสินค่อนข้างตึงเครียด ยังดีที่อาคิระแค่เลิกคิ้วขึ้น ไม่ได้พูดอะไร ก็หันหลังจากไป
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ลุงสินลงมาจากห้อง
อาคิระสวมชุดคลุมอาบน้ำ กำลังดื่มชาดูหนังสือพิมพ์ “หลับหรือยัง”
“ยังครับ” ลุงสินขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุณชายครับ หรือไม่ให้เขาได้เจอกันหน่อยเถอะ นี่ก็ผ่านมาสองวันแล้วที่ไม่ยอมกินอะไรเลย เขายังเด็กเกินไป ขืนเกิดเรื่องขึ้นมาจะทำยังไง?”
อาคิระคงยังยืนหยัดคำเดิม “เขาถูกเอาอกเอาใจจนเกินไป ถึงเวลาแล้วที่ต้องดัดนิสัยเสียๆ พวกนี้ ไม่กินไม่ดื่มแสดงว่าไม่หิว ถ้าหิวแล้ว ก็ต้องกินอยู่แล้ว”
“แต่ว่า…”
ลุงสินยังอยากพูดอะไรต่อ แต่ถูกอาคิระขัดขวางโดยตรง “ไม่ต้องสนเขา ไปนอนเถอะ”
ได้ยินคำพูดนี้ ลุงสินทำได้เพียงจากไป
อาคิระสะสางเอกสารต่อ รอให้สะสางเสร็จ ก็ตีหนึ่งแล้ว
เขาเงยหน้าขึ้น “หลับแล้วยัง?
คนใช้รีบเดินหน้ามา “คุณชายน้อยยังไม่ได้หลับครับ”
“อืม เฝ้าอยู่นอกประตู ไม่ต้องเข้าไป และไม่ต้องสนใจเขา มีอะไรผิดปกติก็บอกฉัน” อาคิระกำชับด้วยเสียงเรียบ
“ครับ”
เช้าวันต่อมา
เจ็ดโมงตรง อาคิระลงจากชั้นบน บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหาร
เขานั่งลง
เหมือนจะนึกถึงอะไรบางอย่าง อาคิระถามขึ้น “ส่งอาหารขึ้นไปข้างบน”
คนใช้กำลังจะพูดอะไรแต่ก็หยุดลง แล้วครุ่นคิด สุดท้ายก็พูดออกมา “คุณอาคิระครับ ท่านขึ้นไปดูข้างบนหน่อยเถอะครับ”
ได้ยินแบบนี้ แววตาอาคิระเป็นประกายเล็กน้อย ขึ้นไปข้างบน
ขอแค่เป็นของที่ขว้างได้ก็ขว้างทิ้งให้หมด รวมไปถึงอาหารเช้าที่เพิ่งส่งเข้ามาเมื่อกี้นี้
หมีพูลนั่งขดตัวอยู่ตรงระเบียง
อาคิระหรี่ตาลง แล้วพูดด้วยเสียงเรียบ “นายขว้างของเหรอ?”
“ใช่!”
หมีพูลไม่กลัว เขาเชยคางขึ้น แล้วยืดหลังตรง “ถ้าคุณไม่ให้ผมออกจากที่นี่ ผมจะปาทุกอย่างในห้องเสียให้หมด!”
ได้ยินแบบนี้ อาคิระกลับไม่ได้โกรธ กลับกระตุกมุมปากขึ้น “ไม่เลว ยังถือว่าเป็นคนที่มีนิสัย”
หมีพูลจ้องเขาด้วยแววตาโหดเหี้ยม
“นายสามารถทำตัวเหมือนเดิมได้”
อาคิระจ้องหน้าเขา แล้วพูดด้วยเสียงเรียบ “แต่ว่า ไม่กินอาหารและข่มขู่ฉัน ไม่มีประโยชน์สำหรับฉัน”
เขาที่เกิดเป็นผู้นำ สิ่งที่ต้องการเห็นคือเชื่อง แต่ไม่ใช่ต่อต้าน
พอพูดจบ ก็จากไปอีกครั้ง
รอให้ลุงสินมาถึง ก็บ่ายสองแล้ว
พอถึงบ้านตระกูลอนันต์ธชัย เขาก็พุ่งไปที่ห้องของหมีพูลเลย
ตอนที่เห็นใบหน้าเล็กๆ ที่ขาวซีดของหมีพูล และริมฝีปากแห้งกร้าน จึงตะลึงงันเล็กน้อย แล้วถามคนใช้ “คุณชายน้อยยังไม่กินไม่ดื่มอะไรเลยเหรอ?”
คนใช้พยักหน้า
“คุณชายว่ายังไงบ้าง?”
คนใช้ตอบกลับตามความจริง “คุณชายไม่สนครับ บอกว่าเป็นลมแล้วก็ให้ส่งไปโรงพยาบาลครับ”
ลุงสินตะลึงงัน
วิธีแบบนี้เหมาะกับนิสัยการทำงานของคุณชายเลย
เขามักจะทำงานโหดเหี้ยม
หมีพูลข่มขู่แบบนี้ เขาไม่เห็นในสายตาอยู่แล้ว แค่รู้สึกว่าไม่กินก็คือไม่หิว ไม่ง่วงก็คือไม่อยากนอน
และพูดได้ว่า เขาอยากจะล้มเลิกความคิดของหมีพูลที่อยากจะเจอแม่อย่างเด็ดขาด
แค่สำหรับเด็กคนหนึ่งแล้ว นี่มันทารุณเกินไป
“ลุงสิน ส่งผมไปเจอแม่หน่อยได้ไหม?” หมีพูลพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง
ลุงสินพูดอย่างลำบากใจ “คุณชายน้อย คำพูดของคุณพ่อก็ได้ยินหมดแล้ว ไม่ใช่ว่าคุณลุงไม่อยากส่งคุณไป แต่ไม่กล้า”
หมีพูลไม่พูดไม่จา แล้วนั่งบนระเบียง
ใบหน้าซีดเซียวไม่มีเลือดค้างเลย แววตาจับจ้องไปด้านนอก แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความผิดหวังและความโศกเศร้าเสียใจ
ลุงสินใกล้จะปวดใจจวนตาย
หมีพูลคือเด็กที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็ก ทั้งยังส่งไปโรงเรียน เหมือนหลานแท้ๆ ของตนเอง
ความรู้สึกที่เขามีต่อหมีพูล น่าจะลึกซึ้งกว่าคุณชาย
จู่ๆ
ร่างของหมีพูลก็ล้มไปด้านหลัง แล้วสลบไป
ทันใดนั้น ลุงสินก็สะดุ้งตกใจจนสีหน้าขาวซีด จึงรีบให้คนใช้ไปตามหมอประจำตระกูล
หลังจากสองนามีผ่านไป หมอประจำตระกูลมาถึงทันที
“ขาดน้ำ แถมกระเพาะลำไส้อักเสบ” ระหว่างที่พูด หมอก็ทิ่มเข็มเข้าไปตรงแขน “คิดวิธีให้เขากินอะไรหน่อยเถอะ”
ลุงสินจนปัญญาจริงๆ
สุภาษิตกล่าวไว้ว่า ป่วยใจก็ต้องรักษาด้วยยาใจ
คิดๆ ดูแล้ว เขาก็โทรหาพนาวัน แล้วบอกเธอไป
ส่วนอีกด้าน
หลังจากวางสายลง พนาวันก็โบกแท็กซี่หนึ่งคัน มุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลอนันต์ธชัย
เธอไม่ได้เข้าบ้านตระกูลอนันต์ธชัย ทว่ากลับยืนอยู่ตรงมุมกำแพง รอไปสักพัก หน้าก็เขียวซีด เห็นได้ชัดว่าหนาวจนตัวแข็ง
ลุงสินรู้สึกละลายใจมาก “คุณพนาวัน ขอโทษด้วยนะครับ”
พนาวันส่ายหัว “ไม่เป็นไร อาคิระไม่ให้ฉันเข้าบ้านตระกูลอนันต์ธชัย ก็ช่วยอะไรไม่ได้”
“คุณไม่ต้องมาก็ได้ครับ แค่เกลี้ยกล่อมคุณชายน้อยผ่านมือถือก็พอแล้วครับ” ลุงสินพูดไป “มาแล้ว ก็เข้าไปไม่ได้ และไม่ได้เจอคุณชายน้อยด้วย”
พนาวันยิ้มอย่างขมขื่น “เขาก็คือลูกชายของฉัน ตอนนี้ไม่กินไม่ดื่มแล้วสลบไปแบบนี้ ฉันจะนั่งนิ่งๆ อยู่ได้ยังไง?”
“เฮ้อ…”
ลุงสินถอนหายใจหนึ่งที
จากนั้นก็บอกห้องของหมีพูล อยู่ตรงข้ามสวนดอกด้านหลังพอดี ยืนตรงมุมนี้ ก็เห็นได้อย่างชัดเจน
พนาวันยืนอยู่ตรงนั้น จ้องไปยังหน้าต่าง เหมือนเห็นร่างเล็กๆ ของเขาปีนมาตรงหน้าต่าง แล้วตะโกนเรียกแม่อย่างตื่นเต้นดีใจ
“คุณชายไม่ให้โทรหาด้วย แต่เวลานี้ไม่อยู่บ้าน ผมเลยแอบให้คุณชายเอามือถือให้คุณชายน้อย คุณเกลี้ยกล่อมเขาสองสามคำก็ออกจากที่นี่เถอะ คุณชายใกล้กลับมาแล้ว เดี๋ยวถูกจับได้คงไม่ดี อีกอย่าง อากาศก็หนาวมากด้วย”
พนาวันกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณนะคะ ฉันไม่มีทางสร้างปัญหาให้คุณแน่นอน”
ลุงสินผายมือแล้วจากไป
หลังจากสองนามีผ่านไป ก็พูดสาย
“แม่!” หมีพูลพูดด้วยเสียงตื่นเต้นดีใจกว่าปกติ ทว่าร่างกายอ่อนแอ แม้กระทั่งพูดได้ว่ามีแค่ลมหายใจแต่ไร้เรี่ยวแรง