ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 582 ไร้ยางอายมากขึ้นเรื่อยๆ
อาคิระขมวดคิ้วด้วยความเยือกเย็น และเฉียบแหลม “ของอยู่ตรงนี้ คุณคิดว่าผมจะเชื่อคำพูดสองสามคำที่คุณพูดลวกๆหรอ”
สิ่งที่เขาหมายถึงคือกรรไกรและช่อกุญแจ…
พนาวันยังคงยิ้มอย่างเย็นชา
แต่รอยยิ้มแบบนั้นไปไม่ถึงดวงตาของเธอ “จริงๆ แล้วมันเป็นแค่คำถามง่ายๆ แต่คุณยังไม่รู้คำตอบ
เมื่อตอนฉันรักคุณมากๆ ฉันถึงจะริษยาข้าวของเหล่านั้น แต่ตอนนี้ไม่รักแล้วจะหึงทำไม
ตอนที่ฉันหึง คุณก็ไม่อยากให้ฉันหึง ตอนนี้คุณสมหวังแล้ว..”
อาคิระยังคงไม่เชื่อ ใบหน้าของเขาเริ่มเย็นชาและเข้มมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนงานแกะสลัก
“ยังไม่เชื่ออีกเหรอ ฉันพูดอีกแบบก็ได้…”
เธอจ้องเขา และพูดช้าๆทีละคำ
“ฉันจะไม่รักผู้ชายที่จะฆ่าฉันเพื่อถ่ายรูปรูปเดียว เขาไม่คู่ควรกับความรักของฉันเลย ฉันหมดใจในตอนที่คุณกำลังจะฆ่าฉัน ตอนนี้เข้าใจหรือยัง”
เมื่อพูดจบ เธอก็ไม่สนใจเขาอีก
ยังคงยืนอยู่ในตำแหน่งเดิม หน้าอกของอาคิระยังคงกระเพื่อมขึ้นลง การแสดงออกของเขาแข็งทื่อและเย็นชา
ตอนนี้เขาอารมณ์ไม่ดี!
ไม่รักเขาแล้ว หมดรักเขาแล้ว…
ริมฝีปากบางของเขายกขึ้นเกร็ง
ทันใดนั้นความโกรธก็พุ่งออกมาจากหน้าอกของเขา
จากนั้นทั้งร่างก็เหมือนถูกเผา ร้อนอย่างสุดจะพรรณนา
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็เริ่มปลดเสื้อสูทแล้วโยนมันลงบนเตียง
แล้วเขาหยิบน้ำอุ่นขึ้นมาดื่มจนลูกกระเดือกใหญ่กระตุกไปมา เพื่อดับไฟในใจของเขา
เขามองไม่ผิด หลังจากหย่า เธอมีความสามารถมากขึ้นเรื่อยๆ
เขามีความรู้สึกกับเธอหรือไม่
แน่นอนว่าไม่ใช่ สิ่งที่เขามีต่อพนาวันคือความขุ่นเคืองและความไม่พอใจ
พนาวันเริ่มเตรียมอาหารกลางวัน
เธอทำบะหมี่
ที่จริงบะหมี่เป็นอาหารทางเหนือ หมีพูลมีสุขภาพไม่ดีตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เธอได้ยินมาว่าการกินบะหมี่สามารถทำให้แข็งแรงขึ้นได้ เธอจึงเรียนมันเป็นพิเศษ
ตอนแรกเธอไม่มีฝีมือ แต่สุดท้ายการนวดและม้วนเส้นบะหมี่ก็ง่ายขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเธอทำเสร็จ หมีพูลก็ตื่นพอดี
ครั้งนี้มันเหมือนกับครั้งที่แล้ว พนาวันยังคงเสิร์ฟเพียงสองชาม
สำหรับอาคิระ เธอถือว่าเป็นอากาศเสมอ
อาคิระมีชีวิตที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก ไม่เคยได้รับสายตาไม่ดีจากใคร
ไม่มีใครกล้าที่จะมองเขาไม่ดีเลย ทุกคนประจบและเอาใจเขา
มากเสียจนบางครั้งเขาไม่สามารถเข้าใจสายตาของคนอื่นได้ และอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ถูกต้อนรับ
แต่ตัวเขาเองไม่มีความตระหนักรู้และรู้ตัวเลย
ตรงกันข้าม เขาค่อนข้างใจกว้าง และเดินไปที่ห้องครัวอย่างเป็นธรรมชาติ เติมชามให้ตัวเอง และทุกอย่างก็เป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ
หลังจากที่ไร้ยางอายในตอนนั้น เขาก็กลายเป็นธรรมชาติมากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าไม่ตัดให้เขา เขาก็จะทำมันเอง
พนาวันต้องการให้หมีพูลกินดี ดังนั้นเธอจึงทำอาหารให้เขาหลากหลาย และรสชาติก็อร่อย
ในทางตรงกันข้าม มันกละบดีสำหรับอาคิระ หมีพูลตัวเล็ก และกินไม่ได้มาก
แต่เขากินเยอะมากเป็นหลายเท่าของหมีพูล
หลังอาหารเย็น หมีพูลเดินตามพนาวัน “แม่ ที่นี่ไม่มีทีวี ไม่เบื่อหรอ”
“ไม่เบื่อ อ่านหนังสือได้”
พนาวันกำลังล้างจาน และไม่ลืมที่จะตอบคำถามของเขา
หมีพูลพูดอย่างหนักแน่น “แม่ รอผมทำงานได้ ผมจะซื้อทีวีเครื่องใหญ่ๆ คอมพิวเตอร์ด้วย พวกเขามีอะไร แม่ก็ต้องมี!”
การเลี้ยงลูกจะมีประโยชน์อะไร ไม่ใช่เพื่อความกตัญญูของเขาในอนาคต หรือว่าเขาจะทำอะไรได้มากในอนาคต แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคำพูดและการเป็นเพื่อนที่ดีของเขา
พนาวันซึ้งเล็กน้อย พลางยิ้ม
รอยยิ้มนั้นสวยงามกว่าที่เคย เธอตอบเบาๆว่า “ได้”
เพียงเพราะประโยคนี้ เธอรู้สึกว่าเวลาแปดปีของเธอไม่ได้สูญเปล่าไปเปล่าๆ และความอดกลั้นของแปดปีนี้ก็คุ้มค่าแล้ว
หลังจากนั้น หมีพูลก็ไปเล่นด้วยตัวเอง
หลังจากล้างจานเสร็จ พนาวันก็มองไปที่อาคิระที่กำลังเหยียดขาอย่างสบายบนโซฟา เหมือนเป็นท่านผู้เฒ่า “เราหย่ากันแล้ว ฉันไม่มีหน้าที่ต้องทำอาหารให้คุณกิน และที่นี่ก็ไม่ใช่โรงทาน ไม่ว่าจะเป็นฟืน ข้าวหรือน้ำมันและเกลือทุกอย่างซื้อด้วยเงิน ท่านประธานผู้สง่างามจะขาดแคลนอาหารได้ยังไง แต่ฉันขาดแคลน!”
คำพูดเหล่านี้เป็นความจริงและมาจากใจเธอ เธอไม่มีงาน ไม่มีรายได้ และมีเงินเก็บไม่มาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เธอยังคงป่วย และต้องรักษา
ทันใดนั้น ใบหน้าที่เย็นชาและหล่อเหลาของอาคิระก็ปกคลุมไปด้วยความเย็นชา
ความโกรธในหัวใจของเขาทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ก่อนเขาจะเยาะเย้ยอย่างเหยียดหยาม “ฟังแล้วรู้สึกว่าผมทำให้คุณจนเลยนะ!
หึหึ ฉันอาคิระยังไม่ได้ลดตัวเป็นขอทาน แค่อาหาร ฉันจะจ่ายคืนให้!”
เขาหยิบกระเป๋าสตางค์ออกจากกระเป๋ากางเกงสูทของเขาด้วยมือขวา และหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาโยนมันลงบนโต๊ะ
เขาเคยอยู่ในสถานการณ์หนักหนาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
กินข้าวยังถูกรีดเงิน
ถ้าไม่ใช่เพราะพายุไต้ฝุ่น คิดว่าเขาเต็มใจที่จะอยู่ในสถานที่เฮงซวยแบบนี้ไหม
พนาวันหยิบเงินขึ้นมา รับสองอันแล้วคืนส่วนที่เหลือ
ไม่รู้ว่าพายุไต้ฝุ่นจะหยุดเมื่อไร
อีกด้านหนึ่ง เธอก็หวังว่าจะหยุดช้าหน่อย เพื่อที่เธอจะได้ใช้เวลากับหมีพูลมากขึ้น
ในทางกลับกัน เธอก็หวังว่าจะหยุดแต่เนิ่นๆ เพราะอยากอาคิระออกไปโดยเร็วที่สุด
ขัดแย้งกันมาก
แปดโมงเย็นมีข่าวทางโทรศัพท์
กล่าวว่าพายุไต้ฝุ่นและฝนน่าจะหยุดในเช้าวันพรุ่งนี้
พนาวันรู้สึกเศร้าในใจอีกครั้ง
แต่ไม่นานก็โล่งใจ
สองวันนี้เป็นอุบัติเหตุ เพียงพอที่จะสนองความต้องการเธอแล้ว
ในตอนเย็น พนาวันอุ้มหมีพูลไว้ในอ้อมแขน และสัมผัสใบหน้าสีชมพูเล็กๆของเขา
หมีพูลพอใจมาก ซุกตัวในอ้อมแขนของเธอ
ก่อนทั้งสองผล็อยหลับไปทั้งยังกอดกัน
บรรยากาศแบบนี้กำลังพอดี ไม่หนาว ไม่ร้อน กำลังอบอุ่น
ร่างสูงของอาคิระก็นอนบนโซฟาตัวสั้นที่ไม่สามารถแม้แต่จะเหยียดขาได้
แต่ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้าย เขาผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เขาถึงได้ยินเสียงตะโกนที่ข้างหูอย่างกังวล “พ่อ พ่อ ตื่นเดี๋ยวนี้!”
อาคิระคิดว่าเขากำลังฝันอยู่ จึงพลิกตัวกลับ และหลับต่อไป
แต่เสียงก็เริ่มดังขึ้น
แก้วหูเกือบจะแตก
อาคิระหรี่ตา และสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขาคือใบหน้าเล็กๆที่กังวลของหมีพูล
เสียงของเขาแหบแห้ง “มีอะไร”
“แม่…” ใบหน้าของหมีพูลซีด และชี้ไปที่มุม
ก่อนจะเห็นพนาวันขดตัวอยู่ที่มุมห้อง มือจับหัว ร่างกายของเธอสั่นอย่างรุนแรง
อาคิระขมวดคิ้ว ยืนขึ้นจากโซฟาด้วยขายาว และก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่เข้าไปใกล้ เขาก็พบว่าใบหน้าของพนาวันซีด ไม่มีเลือด และริมฝีปากล่างก็ถูกกัดจนเลือดแทบออก
แต่เธอก็ไม่ปล่อย
ถ้าเป็นแบบนี้ปากจะโดนกัดจนได้เลือดแน่
เขาก้มตัวลงจนอยู่ใกล้เธอมาก แต่เธอไม่มองเขา