ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 596 เกี่ยวอะไรกับคุณ
พนาวันดันของที่เขาอยากกินมาไว้ตรงหน้า ให้เขากินคนเดียวซะให้พอ
จากนั้นก็คีบอย่างอื่นวางลงในถ้วยของมนตรี
ภาพนี้ตกอยู่ในสายตาของอาคิระ ทำให้ดวงตาของเขาเกิดประกายไฟ แทบอยากจะสับมนตรีออกเป็นชิ้นๆ
ข้าวมื้อนี้ไม่ค่อยสุขสันต์เท่าไหร่นัก หลังจากกินเสร็จ อาคิระก็ไม่มีทีท่าว่าจะไปไหน ทิ้งตัวนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเอื่อยเฉื่อยราวกับเป็นเจ้าบ้าน
หลังจากมนตรีกับพนาวันเก็บกวาดข้าวของและล้างจานเสร็จ เขาก็หันมาบอกลากหมีพูล แล้วเดินออกไปจากห้อง เพื่อที่จะกลับ
พนาวันหยิบเสื้อตัวนอกเดินตามออกไปส่งมนตรี
เมื่อเห็นว่าดึกมากแล้ว ประชุมออนไลน์ของคืนนี้ก็กำลังจะเริ่ม ดังนั้น อาคิระจึงหยิบกระเป๋าหนังสือของหมีพูลขึ้นมาถือ เอ่ยเรียกหมีพูล แล้วเดินออกไปจากห้อง
ที่อยู่ของพนาวันไม่ใช่คอนโดหรูๆ ออกจะดูแร้นแค้นด้วยซ้ำ ที่นี่ไม่มีลิฟต์ แถมบันไดขึ้นลงก็ยังแคบ ไฟที่ติดอยู่ตามตึกก็ติดๆดับๆ
มนตรีเดินลงตึกเป็นคนแรก ตามหลังมาด้วยพนาวัน หมีพูลและอาคิระตามลำดับ
ทันใดนั้นเองไฟก็ดับพรึบ พนาวันก้าวหวืด ขาข้างหนึ่งไม่อาจทรงตัวได้จนเท้าพลิก ร่างกายโถมไปข้างหน้า เธอส่งเสียงร้องออกมาอย่างตกใจ
ได้ยินดังนั้น มนตรีที่อยู่ข้างหน้าก็รีบหันกลับมาประคองเธอเอาไว้
อาคิระที่เดินรั้งท้ายเห็นทุกอย่างชัดเจน
เห็นแบบนั้น เขาก็ก้าวยาวๆ เดินผ่านหมีพูล เข้าไปพยุงเธอจากทางด้านขวา
วินาทีต่อมา ไฟตรงทางเดินก็สว่างวาบ ทุกคนจึงเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างชัดเจน
มนตรีประคองเธอเอาไว้ทางด้านซ้าย มือสอดอยู่ตรงระหว่างเอวพอดี ส่วนอาคิระอยู่ทางด้านขวา ตำแหน่งมือก็สอดอยู่ตรงเอวของเธอเหมือนกัน
เป็นอาคิระอีกเช่นเคยที่กดเสียงต่ำเอ่ยพูดขึ้นมาก่อน “ปล่อยมือออกไป!”
มนตรีก้มหน้ามองจึงเห็นว่าท่าทางที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของตัวเอง
เขาปล่อยมือออก แล้วพูดกับพนาวันว่า “ขอโทษนะ”
พนาวันรู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ จึงส่ายหน้าให้เชิงบอกว่าไม่เป็นไร
เมื่อตั้งหลักได้ เธอก็ค่อยๆทรงตัวให้นิ่ง
ทว่ามืออีกข้างของอาคิระยังคงสอดอยู่ที่เอวของเธอ
เธอขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ปล่อยได้แล้ว!”
อาคิระมองมาที่เธอด้วยสายตาอ่านยากสักพักใหญ่ถึงได้ละสายตาออกไป
กับผู้ชายคนนั้นหน้าระรื่นเชียว ทีกับเขาล่ะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เธอนี่มันแน่จริงๆ
พนาวันมองส่งมนตรีขึ้นรถ แล้วโบกมือให้เขา ทั้งยังกำชับว่าให้ขับรถระวังๆ
จากนั้น เธอก็เดินมาหาหมีพูลที่ยืนอยู่ข้างรถ “ช่วงนี้ให้งดกินลูกอมไปก่อน ฟันเริ่มผุแล้วนะ เด็กผู้ชายเขาไม่กินลูกอมกันหรอก”
อาคิระเอาแต่มองมาที่เธอด้วยแววตาลุ่มลึก
ในใจคิดว่า เธอน่าจะพูดอะไรกับเขาสักคำบ้าง
หมีพูลพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ข้างนอกเย็นมาก แม่กลับขึ้นไปเถอะ ผมจะเป็นเด็กดี”
พนาวันไม่ได้กลับไปทันที กระนั้นตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พูดกับอาคิระสักคำ
เมื่อรถวิ่งหายไปจากสายตา เธอถึงได้หันหลังเดินขึ้นไปข้างบน
ภายในรถ
อาคิระรู้สึกเหมือนไฟในกายก่อติดขึ้นมาอีกครั้ง
เขาวางมือลงบนเน็กไท แล้วดึงเพื่อคลายปมออก จากนั้นก็ปลดกระดุมออกสองสามเม็ด
แต่กระนั้นก็ยังรู้สึกไม่พอ เขาลดกระจกลง ให้ลมยามกลางคืนพัดเข้ามา จะได้ดับไฟที่กำลังก่อติดอยู่ในกายให้ดับลง
แต่หมีพูลก็เอาแต่งอแงว่าหนาว
ลมเย็นๆพัดเข้ามาทีไร ร่างกายเล็กๆของเขาก็ขดจนกลายเป็นก้อน ดูท่าทางน่าสงสาร
เขากวาดสายตามองลูก จากนั้นจึงเลื่อนกระจกขึ้น
อาคิระเหมือนคิดอะไรขึ้นมา จึงหันไปพูดกับหมีพูลว่า “เหมือนแม่แกอยากรีบมีแฟนนะ”
“จริงๆแล้ว ผมคิดว่าอามนตรีก็ใช้ได้เลยนะครับ”
หมีพูลไม่ได้รู้สึกต่อต้านมนตรีเลยสักนิด
“ใช้ได้?”
อาคิระเปลี่ยนโทนเสียงเล็กน้อยอย่างประชดประชัน
“ถ้าคนที่จะมาแต่งงานกับแม่ในอนาคตคืออามนตรีล่ะก็ ผมก็จะไม่คัดค้านเลย”
แม้ว่าหมีพูลจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงใสๆตามวัยของเด็กทว่าก็เต็มไปด้วยความจริงจัง “ผมคิดว่า ถ้าแม่ได้แต่งงานกับอามนตรี แม่ต้องมีความสุขแน่ๆ”
“เพิ่งเจอผู้ชายคนนั้นแค่ไม่กี่ครั้ง แกก็มั่นใจแล้วเหรอว่าเขาเป็นคนดี?”
อาคิระเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็ว
“แต่ผมรู้แล้วกันว่าเขาต้องแคร์แม่มากแน่ๆ เมื่อก่อนตอนที่แม่แต่งงานกับพ่อ พ่อก็ไม่ค่อยกลับบ้าน หรือต่อให้กลับมาก็ไม่เคยทำหน้าดีๆใส่แม่เลย”
“ซึ่งอามนตรีไม่เป็นแบบนั้น วันนี้ตอนบ่ายเขาพาแม่กับผมไปซูเปอร์มาเก็ต ซื้อของเสร็จก็ไม่ให้แม่ต้องถือของเองเพราะเขาเอาไปถือหมด อีกอย่างตอนที่แม่ทำกับข้าวก็คอยช่วยอยู่ข้างๆด้วย”
“เรื่องพวกนี้เมื่อก่อนพ่อไม่เคยทำเลยสักครั้ง เพราะงั้นผมเลยคิดว่าอามนตรีทำให้แม่มีความสุขได้แน่ๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ อาคิระก็เอื้อมมือมาปลดกระดุมบนเสื้ออีกหลายเม็ดด้วยการกระที่ค่อนข้างหยาบโลน
“เด็กอย่างแกจะไปรู้อะไร ผู้ชายเวลาตามจีบผู้หญิงก็ปากหวานและคอยทำอะไรให้แบบนี้ทั้งนั้นแหละ แต่พอจีบติดก็แทบจะเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย รู้ไหม?”
“อย่ปล่อยให้ภาพลักษณ์ของผู้ชายบางคนหลอกสิ บางคนก็หมาป่าห่มหนังแกะดีๆนี่แหละ ฝากไปบอกแม่แกด้วยนะ จะได้ไม่โดนหลอก เดี๋ยวตกหลุมพรางไม่รู้ด้วยนะ”
“ตอนนี้แกยังเด็กอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่ว่าพอโตขึ้น ไม่แน่แกอาจจะเป็นผู้ชายแบบนั้นเองก็ได้”
หมีพูลไม่เชื่อ
“อามนตรีไม่ใช่คนอย่างนั้นสักหน่อย! ว่าแต่ตอนแม่กับอามนตรีทำกับข้าวด้วยกันอยู่ในกลัว พ่อโกรธทำไมเหรอ?”
อาคิระขมวดคิ้ว “โกรธ? ฉันไปโกรธตอนไหน?”
“ก็ตอนที่แม่กับอามนตรีคุยกันอยู่ในครัวไง พ่อกำลังดื่มน้ำอยู่ เกือบทำแก้วแตกด้วย” หมีพูลกระพริบตาปริบๆ “โกรธทำไมเหรอครับ?”
“แกตาฝาดละ” อาคิระไม่ยอมรับ
“แต่ว่าวันนี้พ่อดูอารมณ์ไม่ดีทั้งวันเลยนะ ตอนที่แม่กำลังจะล้มแล้วอามนตรีช่วยประคองพ่อก็โกรธ หรือว่าพ่อไม่ชอบที่แม่กับอามนตรีใกล้ชิดกัน??”
หมีพูลพึมพำอยู่คนเดียว
“แต่ว่าพ่อกับแม่หย่ากันแล้วนี่นา แม่ไม่ได้แอบพ่อไปมีชู้ซะหน่อย ทำไมพ่อต้องโกรธขนาดนั้นด้วยล่ะ?”
“……..”
อาคิระขยับริมฝีปากที่แห้งผาก แต่ก็ไร้คำโต้แย้ง
แต่เขาก็ถามขึ้นมาว่า “แกไปรู้จักคำว่ามีชู้มาแต่ไหน?”
“ในทีวีไง” เขาตอบอย่างคล่องปรื๋อ แล้วพูดขึ้นมาอีกว่า “ต่อไปนี้เวลาผมไปหาแม่ พ่อไม่ต้องตามไปด้วยแล้วนะ”
“ทำไม?” เขาไม่เข้าใจ
“ผมดูท่าทีของอามนตรีแล้วต้องกำลังตามจีบแม่อยู่แน่ๆ ถ้าพ่ออยู่ข้างๆก็คงเอาแต่โมโหพร่ำเพรื่อ คงไม่ใช่แค่ส่งผลต่อความก้าวหน้าของแม่กับอามนตรี แต่ยังจะขัดขวางการตามจีบของอามนตรีอีก”
“เหมือนอย่างเมื่อกี้ไง ถ้าพ่อไม่เข้าไปยุ่ง ป่านนี้อามนตรีคงได้เป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวที่ช่วยแม่เอาไว้ น่าเสียดายพ่อดันสอดมือเข้าไปแทรกซะงั้น”
หมีพูลพูดออกมาอย่างฉะฉานและมีลำดับขั้นตอน
อาคิระถูกไฟสุมอกจนแทบจะมอดไหม้
เขามีลูกชายแบบนี้ได้ยังไงกัน?
หลังมือที่กำพวงมาลัยรถพลันมีเส้นเลือดผุดขึ้นมา “แกอยากให้แม่แกมีแฟนขนาดนั้นเลยหรือไง?”