ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 598 นับวันยิ่งใจกล้าขึ้นเรื่อยๆ
คนอย่างเขาที่ต่อให้โดนด่าก็ยังหน้าด้านหน้าทน ช่างเป็นอะไรที่หาดูยากจริงๆ
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังดูนิสัยเด็กลงอีกด้วย
อีกอย่าง ความถี่ในการมาที่นี่ก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ เขามักจะมาที่นี่บ่อยๆ และชอบแสดงท่าทีที่ไม่เคยเห็นให้ได้เห็น อารมณ์และสีหน้าก็ไม่ได้เย็นชาเท่าเมื่อก่อนแล้ว
แต่ว่าเมื่อกี้ เธอรู้สึกได้ว่าอารมณ์ของเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง
เขาดูเกรงใจและหมางเมิน มันให้ความรู้สึกห่างเหินแปลกๆ ไม่มีความเย็นชา ไม่มีนิสัยเด็ก มีแต่ความห่างเหิน
น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาล่ะมั้ง อารมณ์ถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้
แต่ถึงจะมีอะไรเกิดขึ้นแล้วยังไง มันเกี่ยวอะไรกับเธอ?
เธอกับเขาหย่ากันแล้ว ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไร นั่นมันก็เรื่องของเขา
เมื่อกลับมาที่บริษัท อาคิระก็ขมักเขม้นทำงานอย่างจริงจัง
วันนี้งานยุ่งมาก จึงต้องอยู่บริษัทจนถึงค่ำ
เมื่อเขาขับรถกลับมาที่คฤหาสน์อนันต์ธชัย ก็พบว่าภายในคฤหาสน์เงียบมาก ไร้ซึ่งเงาของพวกคนใช้
สำหรับคนที่ไม่ค่อยเอาตัวไปอยู่ในที่ครึกครื้น ก็อาจจะไม่รู้สึกว่ามันน่าดึงดูดใจตรงไหน
แต่สำหรับคนที่ชอบเอาตัวไปอยู่ในที่ครึกครื้นจนชิน เมื่อต้องกลับมาตกอยู่ในความอ้างว้าง ก็อดที่จะรู้สึกวูบโหวงแปลกๆขึ้นมาไม่ได้
ปกติจะมีหมีพูลอยู่ด้วย ถึงจะยังเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆคนหนึ่ง แต่ก็สามารถทำให้รู้สึกได้ถึงความครื้นเครงในคฤหาสน์
และในที่สุด วันนี้คฤหาสน์อนันต์ธชัยก็ตกอยู่ในความมืดครึ้ม
คนตระกูลอนันต์ธชัยไม่เหลือใครแล้ว มีแค่ป้ายวิญญาณบรรพบุรุษประดับอยู่ในห้องรับแขก
ตอนนี้เหลือแค่เขาเพียงคนเดียว บรรยากาศจึงดูอึมครึมเป็นธรรมดา
เมื่อกลับมาถึงห้อง เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลับ
ห้องของเขาไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนเข้ามา อย่างมากก็แค่เคยเป็นห้องหอในคืนวันแต่งงาน
เขานอนลงบนเตียง นอนตะแคงก็แล้ว สูบบุหรี่ก็แล้ว กระนั้นก็ยังนอนไม่หลับ เขาจึงตัดสินใจไปขับรถรับลมเล่น
ภายใต้ท้องฟ้าอันมืดมิด อาคิระไร้ที่ไป เขายังคงขับรถไปอย่างไร้จุดหมายอยู่อย่างนั้น
แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องไปที่ไหน เขาแค่ขับตามที่ใจอยากขับก็เท่านั้น
ในตอนที่ขับเข้ามาจนทางข้างหน้ามีแต่กำแพงขวาง ไร้ซึ่งทางไป เขาถึงได้เหยียบเกียร์ถอยหลังกลับ
เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ก็พบว่าสถานที่ที่เขามาคือที่นั่น
อาคิระนั่งเงยหน้ามองอยู่ในรถ
ไฟในห้องนั้นยังเปิดสว่าง เธอกับลูกน่าจะยังไม่นอนสินะ
ความเคยชินนี่มันน่ากลัวจริงๆ เมื่อก่อนตอนอยู่คนเดียวเขาไม่เคยโดดเดี่ยวเลย
แต่ว่าช่วงที่ผ่านมานี้การมีอยู่ของหมีพูล มันทำให้เขาชินกับห้องที่มีกันอยู่สองหรือสามคน ชินกับห้องที่เต็มไปด้วยเสียงดังโวยวาย พอตอนนี้ไม่มี ก็อดที่จะรู้สึกไม่ชินไม่ได้…..
ดังนั้นถึงได้บอกไงว่าความเคยชินมันเป็นอะไรที่น่ากลัว
อีกอย่างคนเราไม่ใช่ว่าจะได้ดั่งใจไปตลอด เพราะถ้ายิ่งเป็นอย่างนั้นก็จะยิ่งเคยตัว
อย่างเช่นเขา ชินกับความเงียบเหงาโดดเดี่ยวมาตลอดหลายสิบปี แต่พอได้อยู่กับเขาครื้นเครงแค่ไม่กี่วัน ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าทนความเหงาไม่ได้ซะอย่างนั้น
นี่เขาเคยตัวแล้วจริงๆสินะ!
เขากำลังคิดว่า บางทีอาจเป็นเพราะตัวเองเคยชินกับบรรยากาศที่นี่ก็ได้
และก็ชินกับการกินอาหารที่นี่แล้วเหมือนกัน จิตใต้สำนึกถึงได้ดลใจให้เขาขับรถมาถึงที่นี่
ขณะเดียวกัน เขาก็เองคิด
หลังจากรับหมีพูลกลับไปที่ตระกูลอนันต์ธชัย บรรยากาศในบ้านอาจจะเปลี่ยนไป เหตุการณ์แบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นอีก
จากเงียบเหงาก็จะกลายเป็นมีชีวิตชีวา การได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศแบบนี้ มันทำให้รู้สึกดีจริงๆ
แต่ในตอนที่เปลี่ยนจากมีชีวิตชีวาเป็นเงียบเหงา เมื่อบรรยากาศรอบๆเปลี่ยนไป มันก็ทำให้รู้สึกทนไม่ได้แปลกๆ
นี่คือคำอธิบายที่เขามีให้กับการกระทำอันแปลกประหลาดของตัวเองในตอนนี้
ในระหว่างที่นั่งอยู่บนรถ อาคิระก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูท
แล้วหยิบบุหรี่ออกมาสูบ เมื่อก่อนเขาไม่ได้สูบหนักขนาดนี้ แต่ช่วงนี้ไม่รู้ทำไมถึงได้สูบเอาๆ
หลังจากบุหรี่หมดไปสองมวน ไฟในห้องข้างบนก็ดับลง เขาจึงสตาร์ทรถขับกลับไปที่คฤหาสน์อนันต์ธชัย
เมื่อรถขับมาถึงคฤหาสน์อนันต์ธชัย
อาคิระก็บังเอิญไปเห็นร่างกายผอมบางของใครคนหนึ่งกำลังนั่งหยองๆอยู่หน้าประตูเหล็ก
เขาเพ่งมองดีๆ ถึงได้เห็นว่าเป็นลิลลี่
เมื่อจอดรถ เขาก็เดินลงมา พร้อมกับหยิบเสื้อติดมือมาด้วย ทอดสายตามองมาที่เธอ “มาทำอะไรอยู่ที่นี่?”
“คิระ ฉันไม่อยากทำงานที่บริษัทแล้ว ฉันคิดว่มันไม่เหมาะกับฉันเลย กลางคืนต้องอดหลับอดนอน พักผ่อนไม่เพียงพอสักวัน”
ลิลลี่รู้จุดอ่อนของเขาเป็นอย่างดี
แค่ใช้น้ำเสียงและท่าทางเหมือนดาหวัน ปัญหาก็จะไม่มีแน่นอน
แต่ครั้งนี้เหมือนเธอจะคำนวณผิดพลาด
ช่วงสองสามวันมานี้อารมณ์ของอาคิระไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เดี๋ยวก็นิ่ง เดี๋ยวก็หงุดหงิด
โดยเฉพาะในตอนนี้ ในใจของเขายังคงนึกถึงความอบอุ่นนั้น
“งั้นก็ไม่ต้องทำ” อาคิระเอ่ยพูดออกมา
ได้ยินแบบนั้น ลิลลี่ก็ยิ้มหน้าระรื่น
เขาตามใจเธอแบบนี้เสมอมา ขอแค่เป็นสิ่งที่เธอไม่ชอบหรือไม่ต้องการ เขาก็จะไม่ว่าอะไรทั้งนั้น
“พรุ่งนี้ผมจะให้ผู้ช่วยเอาเช็กมาให้คุณ แล้วหลังจากนั้นคุณก็ไปซะ ห้ามมาโผล่ที่นี่อีก”ต่อมา เขาก็เอ่ยพูดออกมาอย่างต่อเนื่อง
ลิลี่นิ่งอึ้ง ร่างกายแข็งทื่อราวกับหิน”คุณจะทิ้งฉันเหรอ?”
อาคิระไม่มีอารมณ์มาต่อความยาวสาวความยืดกับเธออยู่ตรงนี้ จึงเอ่ยตัดบทว่า “อย่าลืมรับสายผู้ช่วยก็แล้วกัน”
พูดจบ เขาก็ผลักเธอออก แล้วเดินเข้าไปในคฤหาสน์
ไร้ซึ่งความรักและความอาลัยอาวรณ์ มีแต่ความเด็ดขาด
ลิลลี่ยังไม่ทันได้ดึงสติกลับมา อาคิระก็เดินเข้าไปในบ้านแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น เธอก็แทบไม่อยากจะเชื่อ ไม่อยากจะเชื่อมันเลยสักนิด
เขาจะทิ้งเธอได้ยังไง?
เธอยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตูเหล็ก ทั้งตะโกนเรียก ทั้งโทรหา แต่ก็ไม่มีใครสนใจเธอเลยสักคน ปล่อยให้เธอเอะอะโวยวายอยู่อย่างนั้น
ด้านหมีพูลช่วงนี้กลับมีความสุขมาก ได้อยู่กับแม่ทุกวัน ทั้งยังได้นอนกับแม่ทุกคืน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีความสุขมากขนาดไหน
วันนี้ พนาวันซักผ้าอยู่บ้าน
เสียงของหมีพูลดังมาจากกลางห้องว่า “แม่ครับ อามนตรีโทรมา”
เธอเช็ดคราบฟองในมือออก แล้วเดินเข้าไปรับสาย ได้ความว่ามนตรีโทรมานัดเธอไปกินข้าวเย็นด้วยกัน
พนาวันปฏิเสธ “คงไม่ได้ วันนี้หมีพูลมาอยู่ด้วย”
มนตรีเอ่ยพูดอย่างหงอยๆ “วันนี้เป็นวันเกิดผมทั้งที ผมขอฉลองกับคุณแล้วก็หมีพูลหน่อยไม่ได้เหรอ?”
ได้ยินแบบนั้น พนาวันก็นิ่งไป สุดท้ายก็ไม่กล้าปฏิเสธ
มนตรีสัมผัสได้ว่าเธอเริ่มใจอ่อน
เมื่อสบจังหวะ ก็เอ่ยพูดขึ้นมาว่า “หม้อไฟที่คุณทำวันนั้นอร่อยมาก วันนี้มาทำให้ผมทานที่บ้านได้ไหม ถือซะว่าเป็นของขวัญวันเกิดผมก็ได้”
เนื่องจากไม่กล้าปฏิเสธอีก พนาวันจึงต้องตอบตกลงไป
ตกเย็น มนตรีก็ขับรถมารับเธอกับหมีพูล
บนรถ พนาวันและมนตรีกำลังคุยกันเรื่องซื้อวัตถุดินในซูเปอร์มาร์เก็ต
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ของหมีพูลก็ดังขึ้นมา
อาคิระเป็นคนซื้อเขา และเบอร์ที่โทรเข้ามาก็เป็นเบอร์ของอาคิระ
“ฮัลโหล พ่อ มีอะไรหรือเปล่า?”หมีพูลกดรับสาย
“ไม่มีอะไรแล้วโทรหาไม่ได้หรือไง ต้องมีอะไรเท่านั้นเหรอถึงจะโทรหาแกได้?”
อาคิระยิ้มเยาะออกมา
เมื่อได้ยินเสียงผู้ชายกับผู้หญิงในสาย ซึ่งเสียงนั้นมันคุ้นหูเป็นไหนๆ สีหน้าของเขาพลันอึมครึมในทันที “ตอนนี้อยู่ที่ไหนกัน?”
“อามนตรีจะเลี้ยงวันเกิด เลยชวนผมกับแม่ไปทำหม้อไฟกินที่บ้าน ตอนนี้พวกผมอยู่บนรถ กำลังจะไปซื้อที่ซูเปอร์มาเก็ต” หมีพูลตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา
อาคิระกำโทรศัพท์แน่น ทว่ากลับพูดออกมาอย่างชิลๆว่า “ระวังแม่แกจะโดนล่อเข้าให้”
“ไม่หรอก อามนตรีเป็นคนดีจะตาย ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมวางสายนะ ถึงทางเข้าซูเปอร์แล้ว”