ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง - บทที่ 599 ตอนนี้ไม่คิดจะคบใคร
พนาวันฟังบทสนทนาระหว่างพ่อลูก เธอพอจะสัมผัสได้ ว่าหมีพูลเริ่มสนิทกับอาคิระขึ้นมาบ้างแล้ว ไม่ได้หวั่นเกรงหรือหวาดกลัวเหมือนเมื่อก่อน
เธอจึงพอจะอุ่นใจอยู่บ้าง
เมื่ออาคิระได้ยินสัญญาณตัดสายดังขึ้นมาตู๊ดๆ สีหน้าของเขาก็ยิ่งอึมครึมมากกว่าเดิม
เวลาเพียงแค่พริบตา เขาเพิ่งเอาลูกไปฝากไว้ได้ไม่ทันไร เธอก็พาลูกไปบ้านผู้ชายคนอื่นแล้วเหรอ
ไวไฟเหมือนกันนี่นา!
ในตอนนี้เพลองโกรธในใจของเขาก็จุดติดขึ้นมา
อาคิระสูดลมหายใจเข้าลึกลึกแล้วผ่อนลมหายใจออกมาเพื่อให้ตัวเองผ่อนคลาย และใจเย็น เขานั่งลงบนโซฟาเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นพร้อมกับเปิดทีวี ที่กำลังถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอล
ฟุตบอลเป็นรายการกีฬาที่ชื่นชอบของผู้ชายมาแต่ไหนแต่ไร เขาจดจ้องอยู่ที่หน้าจอทีวีอย่างสงบเงียบ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนายเท่าไหร่ จู่ๆอาคิระก็ดีดตัวผึงขึ้นมา
คว้าหยิบโทรศัพท์ แล้วกดโทรหาหมีพูลอีกครั้ง “กลับหรือยัง?”
“ยังเลย”
หมีพูลกำลังกินหม้อไฟ ปากเล็กๆมีอาหารยัดอยู่เต็ม เวลาพูดจึงมีแต่เสียงอู้อี้ๆ “กำลังกินหม้อไฟ อร่อยมาก”
อาคิระกัดฟันกรอด ทว่าน้ำเสียงก็ยังคงเรียบนิ่ง “รีบกลับได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน แกต้องนอนก่อนสี่ทุ่ม ตอนนี้มันสามทุ่มครึ่งแล้ว”
หมีพูลเหมือนกินของร้อนเข้าไป ถึงได้ส่งเสียงร้องออกมา
ปลายสายได้ยินชัดเจน อาคิระกำลังจะเอ่ยพูดออกมา ทว่าเสียงของพนาวันกลับดังขึ้นมาก่อน “ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอวางสายนะ”
“เดี๋ยวก่อน หมีพูลเป็นอะไร?”
“ทำถ้วยแตก” น้ำเสียงของเธอเรียบนิ่งเป็นอย่างมาก
“เขาต้องเข้านอนก่อนสี่ทุ่ม ตอนนี้สามทุ่มสี่สิบแล้ว ควรพาเขากลับไปพักผ่อน” เขาเอ่ยพูด
พนาวันตอบกลับ “วันนี้วันเสาร์ พรุ่งนี้เขาไม่ต้องไปโรงเรียน นอนดึกได้ไม่เป็นไร ฉันจัดการได้ วางแล้วนะ”
เสียงตู๊ดๆๆดังขึ้นมาอีกครั้ง อาคิระกำโทรศัพท์ หน้าอกเริ่มกระเพื่อมไหว
ตั้งแต่ที่หย่ากัน นิสัยของเธอก็เปลี่ยนไปรากับฟ้ากับดิน เขารู้สึกว่าเป็นอย่างเมื่อก่อนยังจะดีกว่าเสียอีก
เขานอนพลิกตัวไปมาอยู่นานก็นอนไม่หลับ อาคิระจึงส่งข้อความไปหาหมีพูลว่า “ถึงบ้านหรือยัง?”
ผ่านไปพักใหญ่ เสียงติ๊งๆจากข้อความก็ดังขึ้นมา
เขาตะแคงตัวกดเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว
…..หมีพูลหลับแล้ว ตอนนี้ยังไม่ถึงบ้าน ถ้าถึงแล้วจะส่งข้อความไปบอกอีกครั้ง เลิกส่งข้อความหรือโทรมา เพราะจะไม่ตอบแล้ว
เห็นได้ชัดว่าข้อความนี้พนาวันเป็นคนตอบ
อาคิระลึกขึ้นมานั่งบนเตียง มุมปากกระตุกเป็นรอยยิ้มเยาะ
ดูพูดเข้า นับวันยิ่งเปลี่ยนไปนะ!
ในเมื่อเธอบอกว่าถ้าถึงแล้วจะส่งข้อความบอก งั้นเขาก็จะคอยดูว่าเธอจะส่งมาตอนไหน
อีกด้านหนึ่ง มนตรีออกไปซื้อเค้ก ส่วนหมีพูลหลับไปแล้ว พนาวันไม่ได้ปลุกเขา
หลังจากกินเค้กเสร็จ เธอก็เข้าไปในครัวเพื่อต้มบะหมี่อายุยืนให้เขากิน
……
อาคิระยังคงอยู่ในท่าเดิม
รออยู่ชั่วโมงเต็มๆก็ไม่มีข้อความเข้ามา
แปลว่า เธอกับหมีพูลยังไม่กลับถึงบ้าน
แต่ว่า เดี๋ยวนะ——
เมื่อกี้เธอบอกว่าหมีพูลหลับไปแล้ว นั่นแปลว่าตั้งแต่ที่เขาส่งข้อความไปจนถึงตอนนี้ มีแค่เธอกับผู้ชายคนนั้นอยู่ด้วยกันแค่สองคนในห้อง?
เขาขมวดคิ้วมุ่น จ้องโทรศัพท์นิ่ง แต่ก็ยังไม่มีข้อความเข้ามาอยู่ดี
ตอนนี้ห้าทุ่มแล้ว นี่เธอคิดจะค้างที่บ้านผู้ชายหรือไง?
รอต่อจนถึงห้าทุ่มครึ่งก็ยังไม่มีข้อความเข้า
อาคิระเริ่มงุ่นง่าน เส้นเลือดเต้นตุบๆใกล้ระเบิด
แม่ง วันเกิดแค่นี้ต้องฉลองนายขนาดนี้เลยเหรอ!
เขานอนไม่หลับ และทนนั่งเฉยๆไม่ไหวอีกต่อไป เอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่ คว้าโทรศัพท์เดินออกไปจากห้อง
พนาวันอยู่ห้อง มนตรีจนดึก เพราะต้องเก็บกวาดทำความสะอาด จะให้เจ้าของวันเกิดล้างเองก็ไม่ได้
หลังจากล้างเสร็จ เธอก็มองเวลา ตอนนี้ห้าทุ่มกว่าแล้ว มันดึกมากแล้วจริงๆ
มนตรีขับรถไปส่งเธอที่บ้าน
เนื่องจากดึกมากเกินไป หมีพูลจึงไม่อาจอดนอนได้
พนาวันกลัวว่าลูกจะรับไม่สบายจึงให้เขาไปนอนข้างหลัง
เธอโน้มตัวลงไปถอดรองเท้าให้ลูก
จากนั้นก็ห่มผ้าให้เขาเบาๆ เพราะกลัวว่าเขาจะตื่น
ระหว่างทาง บรรยากาศในรถตกอยู่ในความเงียบงัน ไม่มีใครพูดจา มีแค่เสียงลมหายใจเบาๆที่ผสานกันเท่านั้น
สักพักรถก็ขับมาจอดใต้ตึก
พนาวันว่าจะอุ้มหมีพูล แต่ มนตรีที่นั่งอยู่เบาะหน้าก็เดินอ้อมมาแล้วพูดว่า “เดี๋ยวผมอุ้มให้”
“ขอบคุณค่ะ”
พนาวันเอ่ยขอบคุณ ขยับถอยหลังให้เขาอุ้มหมีพูลได้สะดวก
มนตรีกับพนาวันเดินเคียงไหล่กันออกมาจากรถ
ดังนั้น จึงไม่ได้สังเกตเห็นรถเบนท์ลีย์คันสีดำที่จอดอยู่ในความมืดเลย
ชายหนุ่มในชุดสูทเดินออกมา แล้วเดินตามทั้งสองคนโดยทิ้งระยะห่างไม่ใกล้ไม่ไกล เขาก้าวเท้าราวกับกำลังย่องเบา
“คุณคิดว่าผมเป็นคนยังไง?”
ในขณะที่เดินไป มนตรีก็เอ่ยถามพนาวันออกมา
พนาวันหยุดคิดอยู่สักพัก ก็ตอบกลับไปว่า “อารมณ์ดี ใจกว้าง ไม่ใช่แค่ชอบช่วยเหลือคนอื่นแต่ยังชอบช่วยผู้หญิงทำงานบ้านด้วย ดีมากๆเลยล่ะ”
ได้ยินแบบนั้น อาคิระที่เดินตามมาด้านหลังก็แสะยิ้ม
ก็แค่หมาป่าห่มหนังแกะ จำเป็นต้องชมขนาดนี้เลยเหรอ?
“ถ้าอย่างนั้น……”
มนตรีหยุดพูดไป สายตาจดจ้องมาที่เธอ “มาคบกับผม เป็นไง?”
พนาวันนิ่ง รีบชักเท้าที่กำลังจะก้าวกลับมาทันควัน
เธอเงยหน้ามองมนตรีนิ่งๆ
“ในเมื่อเรามีความรู้สึกดีๆให้กันและกัน ดังนั้น เรามาคบกันเถอะ!”
มนตรีใช้มือหนึ่งอุ้มหมีพูล อีกมือช้อนมือของพนาวันขึ้นมาจับ
เขาจับแน่นแล้วพูดอีกครั้ง “ผมไม่ได้ล้อเล่นนะ ผมพูดจริง”
แม้แต่อาคิระที่กำลังเดินอยู่ข้างหลัง ก็ยังตะลึงและตัวแข็งค้างอยู่ตรงนั้น
แต่ใช้เวลาเพียงครู่เดียวเท่านั้น เขาก็ฟื้นคืนสติ จ้องมองไปที่ชายและหญิงที่จับมือกันต่อหน้าเขา ดวงตาคมแหลมราวกับใบมีด
ในขณะเดียวกันก็มีเสียงในก้นบึ้งของหัวใจตะโกนร้องไม่หยุดว่า สะบัดมือออก! สะบัดมือออก!
ปกติเวลาเขาจับมือเธอ เธอก็ยังสะบัดออกเหมือนไปจับยาพิษมาอยู่เลย
ตอนนี้เขาถูกผู้ชายคนนั้นกุมมือเอาไว้ตั้งนาน ก็น่าจะมีปฏิกิริยาอะไรหน่อยไหม?
และมือใหญ่ของเขาที่วางอยู่ข้างลำตัวก็พร้อมที่จะเคลื่อนไหวได้ทุกเมื่อ ราวกับว่าถ้าพนาวันยังนิ่งอยู่อีก เขาจะพุ่งเข้าใส่ในทันที
พนาวันยกมือขึ้นดันมือของมนตรีออกเบา ๆ แล้วพูดว่า “ฉันขอโทษ ฉันไม่อยากคบใคร”
เมื่อได้ยินคำตอบนี้ ริมฝีปากบางของ อาคิระก็ค่อยๆ โค้งขึ้น
ความวิตกกังวลและความงุ่นง่านที่มีก่อนหน้านี้ได้หายไป แย้มรอยยิ้มออกมาอย่างเป็นประกายสดใส
ความรู้สึกของการได้เห็นคนพ่ายแพ้นี่ไม่ธรรมดาจริงๆ มันทำให้เขารู้สะใจชะมัด